ถึงแม้จะเกิดไม่ทัน Halloween (1978) ของ John Carpenter และไม่เคยดูหนัง Halloween ภาค/เวอร์ชั่น (ที่แป้ก) ใดใดมาก่อน แต่ชื่อของ Michael Myers ก็คุ้นหู และรูปของชายสวมหน้ากากถือมีดไล่ฆ่าคนในคืนวันฮาโลวีนก็ติดตาเรามานานโดยไม่ต้องพยายาม
และวันนี้ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เราจะได้ดูหนัง Halloween สด ๆ ในโรงภาพยนตร์กับเขาสักที โดย Halloween (2018) (ผู้กำกับคนเดิม John Carpenter มาขึ้นแท่นผู้อำนวยการสร้าง ร่วมกับ Blumhouse ที่สร้างหนังยอดเยี่ยมอย่าง Get Out และ Split มาแล้ว) แทบจะเป็นภาคที่ต่อจาก Halloween (1978) เลย เพียงแต่ใช้เวลาถึง 40 ปีกว่าจะมีภาคต่อภาคนี้ขึ้น และคนดูอย่างเรา ๆ ไม่จำเป็นต้องดูภาคแรกหรือภาคใดใดมาก่อนก็ดูรู้เรื่อง
ตัวเอกของเรื่องคือยาย Laurie Strode (Jamie Lee Curtis) ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สยองขวัญเมื่อ 40 ปีที่แล้ว เธอไม่เคยใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขได้เลยตั้งแต่เหตุการณ์นั้น เธอเตรียมพร้อมจะรับมือและแก้แค้นนักฆ่าโรคจิต Michael Myers (Nick Castle & James Jude Courtney) นั้นมาตลอดทั้งชีวิต ซึ่งทำให้ลูกสาวของเธอ Karen (Judy Greer จาก Ant-Man) ทนไม่ไหว จนแทบไม่ยอมให้ Allyson (Andi Matichak จาก Orange Is the New Black) ได้ยุ่งเกี่ยวกับ Laurie ผู้เป็นยายเลย
แต่แล้ววันนึง สิ่งที่ Laurie กลัวก็เกิดขึ้นจริง… Michael Myers หลุดมาจากคุกก่อนคืนวันฮาโลวีน และฆ่าคนในเมืองอย่างเหี้ยมโหดไม่ปราณี แต่ในภาคนี้ Michael Myers ไม่ได้เป็นแค่ผู้ล่าอย่างเดียว ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นผู้ถูกล่าของยาย Laurie Strode ผู้ที่รอเวลาชำระแค้นมาทั้งชีวิตอีกด้วย
สำหรับเรา เราไม่รู้นะว่าภาคก่อน ๆ มันเป็นยังไง นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เจอ Michael Myers เองกับตาจริง ๆ และเรารู้สึกว่ามันน่ากลัวมากกกก… ด้วยความที่เค้าตัวใหญ่มาก ดูแข็งแรงกำยำผิดมนุษย์ทั่วไป แถมยังเป็นโรคจิต เวลามันทำคนเจ็บคนตายหรือคนร้องขอชีวิตมัน มันไม่มีความสงสารปราณี ไม่มีเหตุผล อยากฆ่าก็ฆ่า แล้วทั้งเรื่องไม่ปริปากพูดสักคำทั้งที่ก็ไม่ได้เป็นใบ้ บางทีพูดกันดี ๆ ก็ได้ แต่มันไม่พูด มันฆ่าเลย คือบอกเลยว่า แค่เห็นจากข้างหลังก็น่ากลัวแล้วจริง ๆ
ช่วงแรกของหนังยังไม่มีอะไรมาก เหมือนพาเราไปทำความรู้จักกับฆาตกรฆ่าต่อเนื่องคนนี้กับยาย Laurie ก่อน แต่แล้วพอ Michael Myers มีอิสรภาพแล้วปุ๊บ เริ่มมีการไล่ล่าฆ่าฟันปั๊บ ความโหดร้าย-ความน่ากลัวก็บังเกิดขึ้นทันที
โดยตอนหลุดมาใหม่ ๆ Michael Myers จะพาเราไปวอร์มอัพก่อน คือเริ่มฆ่าชาวบ้านร้านถิ่นทั่วไปก่อน ส่วนยาย Laurie ก็พยายามตามไปฆ่ามันในที่ที่วิทยุออกข่าวว่ามีฆาตกรรมเกิดขึ้น และในขณะเดียวกันก็ต้องพาครอบครัวของลูกสาวเธอไปในที่ที่ปลอดภัย ซึ่งนั่นก็คือบ้านของเธอ… ซึ่งออกแบบระบบรักษาความปลอดภัย (สไตล์ชาวบ้าน) ไว้อย่างแน่นหนา
องก์สุดท้ายที่ Laurie กับ Michael Myers ปะทะกัน ไม่ได้นานมากมาย แต่ถือว่าสนุกมาก สมกับการรอคอยมาทั้งเรื่อง (หรือสำหรับหลายคนก็คงหมายถึงการรอคอยกว่า 40 ปี) ลุ้น ระทึก และสาแก่ใจสุด ๆ
จริง ๆ แล้วหนังเรื่องนี้ตัวหลักเป็น 3 generations นี้แหละ ยาย-แม่-ลูก / ยาย-ลูก-หลาน ซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งสามคนเลย เหมือนหนังต้องการจะสื่อถึงพลังหญิงด้วย และสื่อถึงว่าเหตุการณ์หนึ่งมันส่งผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงต่อคนคนหนึ่งและคนรอบข้างเขาอย่างไรบ้าง โดยส่วนตัวชอบ Laurie กับ Karen ทั้งในเรื่องความสัมพันธ์และด้านของจิตใจ แต่รุ่นหลาน (Allyson) ยังดูไม่ค่อยเข้ากับเส้นเรื่องหลักมากเท่าที่ควร แถมมีเรื่องวัยรุ่นวุ่นรักที่ดูเชยและไม่ค่อยจำเป็นต้องเส้นเรื่องมาเล่าให้เสียเวลา (คนดูดูการ) ล่าเหยื่อของ Michael Myers อีก
แต่โดยรวมแล้วก็ต้องบอกว่า Halloween (2018) เป็นหนัง Thriller ที่สนุกมาก โหดมาก น่ากลัวยิ่งกว่าหนังผีบางเรื่อง มีกลิ่นอายความคลาสสิกเบา ๆ และชอบซาวนด์ประกอบตอนล่าเหยื่อ (ที่อยู่ใน trailer ด้วยน่ะแหละ) (Music by Cody Carpenter, John Carpenter, และ Daniel A. Davies) ดูแล้วอยากจะไปหา Halloween (1978) มาดูเลย ชอบ…
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7.5/10 แต่อยากปัดให้เป็น 8/10 เป็นคะแนนโบนัส สำหรับองก์สุดท้ายที่เล็ก ๆ แต่ยอดเยี่ยม
Halloween (2018) เข้าฉายรอบพิเศษ 25 ต.ค. 2018 นี้เป็นต้นไป
30 comments
Comments are closed.