ขุนพันธ์ ผลงานภาพยนตร์ของ ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับแนวหน้าของเมืองไทย (จากเรื่อง ลองของ, ไชยา, เฉือน, Take Me Home: สุขสันต์วันกลับบ้าน ฯลฯ) สร้างจากชีวประวัติของพลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช (บุตร พันธรักษ์) (รับบทโดย อนันดา เอเวอริงแฮม) อดีตนายตำรวจชื่อดังที่ปราบเสือตามภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศมาตั้งแต่ยุคสงครามโลก โดยหนังภาคแรก ท่านขุนไปปราบโจรแดนใต้… จอมโจรอัลฮาวียะลู (พี่น้อย-วงพรู) ส่วนภาคนี้ ท่านขุนไปปราบเสือภาคกลาง อย่างเสือฝ้าย (รับบทโดย ผู้พันเบิร์ด วันชนะ) และ เสือใบ (รับบทโดย เป้ อารักษ์)
ในภาคนี้ ขุนพันธ์ ถูกสั่งพักราชการเพียงเพราะเขาพยายามทำหน้าที่ของเขาบนความถูกต้อง เขาเสื่อมศรัทธาในกฎหมายและในข้าราชการตำรวจ เขาจึงไปขอเข้ากลุ่มกับกองโจรของ เสือฝ้าย และ เสือใบ ซึ่งเป็นเสือชื่อดัง มีคาถาวิชาอาคมแก่กล้า และปล้นคนเลวมาช่วยเหลือชาวบ้าน (เหมือนโรบินฮู้ด)
โดยส่วนตัวคิดว่า ถึงแม้ภาคนี้จะไม่มี พี่น้อย-วงพรู ซึ่งภาคแรกแสดงได้ขั้นเทพอย่างน่าจดจำ แต่ เป้-อารักษ์ ผู้มารับบทเสือใบ คู่ต่อกรคนสำคัญของท่านขุน ก็ทำออกมาได้โอเคกว่าที่คาด และโดยภาพรวมของหนังภาคนี้ถือว่าทำได้ดีกว่าภาคแรกอยู่เหมือนกัน
อย่างแรกเลย เราเคยเขียนวิจารณ์ภาคแรกเอาไว้ว่า “เขาน่าจะไปโฟกัสที่ไสยเวทย์อาคมของขุนพันธ์กับจอมโจรอัลฮาวียะลู… สองตัวละครหลักใช้คาถาอาคมน้อยมาก…” และพอมาภาคนี้ เขาเหมือนเริ่มจับทางของหนังได้แล้วว่าเรื่องของขุนพันธ์ต้องมีเรื่อง “ของ” เป็นพระเอก โดยในหนังภาคนี้ คาถาอาคมมาเต็มอย่างที่มันควรจะเป็น รวมถึงมีการเท้าความให้กระจ่างด้วยว่าตัวละครเหล่านี้มีคาถาอาคมได้อย่างไร ซึ่งช่วยให้คนดูรุ่นใหม่ ๆ รู้สึกเชื่อและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมว่าพลังเหนือธรรมชาติเหล่านี้มันอาจจะมีอยู่จริงหรือเป็นไปได้ เช่นเดียวกับพลังของพวก Avengers หรือ Dr. Strange (นี่ดูแล้ว ยังคิดตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องเลยว่า Nick Fury น่าจะมา recruit ท่านขุนไปอยู่ในทีม Avengers
ส่วนฉากแอ็คชั่นก็ดูสนุกจัดเต็ม ถึงแม้บางฉากจะดูเป็น Marvel ไปหน่อย และโปรดักชั่นต่าง ๆ ทั้งงานภาพและงานซาวนด์ ทำออกมาได้ดูดีและมีสไตล์ในแบบของเขา ใครมาดูเสือใหญ่ปะทะเสือใหญ่ หรือมาดูสามหนุ่มสามมุม (อนันดา / เป้ / ผู้พันเบิร์ด) ยังไงก็คุ้มอยู่แล้วแน่นอน หนังก็กระจายบทบาทและจัดลำดับความสำคัญให้ตัวละครนำชายทั้งสามอย่างลงตัว
แต่สิ่งหนึ่งที่เคยเป็นข้อด้อยของหนังในภาคแรกอย่างไรและภาคนี้ก็ยังคงเป็นอยู่เหมือนเดิมอย่างนั้น สำหรับเราคือ ตัวละครหญิงในหนัง ที่ดูเหมือนหนังไม่ได้ใส่ใจที่จะให้ความสำคัญกับพวกเขามากขนาดนั้น เรามักรู้สึกว่าตัวละครหญิงเหล่านี้ไม่ได้มีความจำเป็นกับเส้นเรื่องขนาดนั้น หรือบทบาทของพวกเธอยังไม่ได้รับการเบลนด์เข้ากับเส้นเรื่อง (แม้แต่เส้นเรื่องรอง) อย่างที่มันควรจะเป็น พวกเธอเหมือนมีอยู่เพียงเพราะหนังจะได้ดูซอฟต์ขึ้น มีตัวละครหญิงหรืออะไรสวย ๆ งาม ๆ อยู่ด้วยก็เท่านั้น จึงเป็นที่น่าเสียดายอีกเช่นกันที่ในเรื่องนี้ แม็กกี้-อาภา ผู้รับบทเป็นคนรักของเสือใบ ไม่ค่อยได้ปล่อยของหรือพลังทางการแสดงอย่างเต็มศักยภาพของเธอ
โดยรวม ภาคสองถือว่าปรับปรุงและแก้ตัวจากภาคแรกได้ดี และคาดว่าคงจะมีภาคสามตามมาอีก เพราะตอนจบมีการใส่ end credit หยอดน้ำจิ้มแย้มมากลาย ๆ ว่า อาจจะมีภาคต่ออีก (แบบหนังฮีโร่ Marvel)
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7.5/10
46 comments
Comments are closed.