ถึงแม้ซีรีส์ Start-Up จะจบไปแล้ว แต่เราก็ยังไม่สามารถ move on จาก Nam Do San หรืออาตี๋ Nam Joo-Hyuk ได้ เราไล่ดูผลงานเก่า ๆ ของเขา ตั้งแต่ Weightlifting Fairy Kim Bok-Joo (2016-2017), Who Are You: School 2015 (2015), และ The Light in Your Eyes (2019) ก่อนที่จะไปต่อกับหนัง Josée ที่เข้าฉายในโรง (ที่ไทย ฉายเฉพาะในเครือ SF แบบจำกัดโรง) ส่งท้ายปี 2020 โดยหนังเรื่องนี้ เขาได้เล่นคู่กับ Han Ji-min ซึ่งเป็นนางเอกคนเดิมของเขาจาก The Light in Your Eyes นั่นเอง
Josée เป็นหนังรีเมคจากหนังญี่ปุ่น เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก ออกไปทางนิ่ง ๆ เนิบ ๆ เรื่อย ๆ เอื่อย ๆ เน้นเล่าเรื่องด้วยภาพ ขายบรรยากาศ ความดราม่า-โรแมนติก และการแสดงผ่านอวัจนภาษาของสองนักแสดงนำ ซึ่งทั้งสองคนแสดงได้ดีระดับมืออาชีพ
ด้วยบริบท บรรยากาศ และการแสดงของสองนักแสดงนำ หนังทำให้เราเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ทั้งอึดอัด ทั้งเดียวดาย ทั้งสบายใจและไม่สบายใจ เขาถ่ายทอดความรู้สึกแต่ละซีนออกมาได้อย่างชัดเจนโดยไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดหรือคำบรรยายใดใด ถึงแม้ช่วงท้ายหรือแถว ๆ บทสรุปตอนจบ จะตัดได้ขัดใจเราในทุกทิศทาง แต่สุดท้ายเรากลับเข้าใจ ยอมจำนน และน้อมรับความเป็นจริงของมันได้อย่างไม่ติดใจอะไรอยู่ดี (งงหนังแล้ว ยังต้องงงตัวเองต่อด้วย)
อ้อ… แล้วหนังยังมีความขายวัฒนธรรมเกาหลีด้วย เพราะช่วงแรก ๆ นางเอกทำอาหารบ่อยมาก พระเอกก็กินได้น่าอร่อยมาก มันช่างกระตุ้นต่อมความอยากอาหารเกาหลีของคนดูได้ดีเหลือเกิน

นางเอกของเรื่องคือ Josée (Han Ji-min) เป็นหญิงสาวขาพิการโดยกำเนิด อาศัยอยู่กับยายที่เก็บของเก่าประทังชีวิต วันหนึ่งรถเข็นของเธอล้มกลางถนน พระเอกของเรา ชื่อว่า Young-seok (Nam Joo-Hyuk) ได้มาช่วยไว้ หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ค่อย ๆ พัฒนาขึ้น
พระเอกของเราเป็นนักศึกษาหนุ่มหล่อปีสุดท้าย เขาเป็นที่หมายปองของสาว ๆ เขาทำงานพาร์ทไทม์เพื่อเก็บเงินเรียน และเขาก็กำลังเริ่มต้นหางานทำหลังเรียนจบ เราอาจพูดได้ว่า เขาก็เหมือนคนปกติธรรมดาทั่วไป ชีวิตของเขาก็คือชีวิตของคนทั่วไป
นางเอกเปรียบเสมือนปลาที่อยู่ในตู้อควาเรียม เธอมีโลกส่วนตัวสูง เป็นคนเก็บตัวอยู่แต่บ้าน หมกอยู่กับกองหนังสือ และมักมีโลกในจินตนาการเป็นของตัวเองที่คนทั่วไปยากจะเข้าถึง คนทั่วไปอาจมองว่าเธอเป็นคนชายขอบและเป็นคนแปลก แต่เธอไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นผู้ที่ติดกับหรือเวียนว่ายอยู่ในตู้ ตรงกันข้าม เธอคิดว่าคนข้างนอกต่างหากที่ติดอยู่ในโลกอันแสนน่าขันอย่างไรก็ตาม เธอก็มียังมีความกลัวและมีฝันร้าย โดยหนังแทรกเสือเข้ามาในรูปแบบของสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง
หนังเล่าให้เห็นความยากลำบากในการใช้ชีวิตของเธอ แต่ส่วนใหญ่เป็นความยากลำบากที่เกิดจากผู้อื่นในสังคมและสภาพแวดล้อม เช่น คนชั่วที่ฉวยโอกาสลวนลามเธอ ความยากลำบากในการขึ้นที่สูงหรือเข้าที่แคบ ฯลฯ แต่โดยทั่วไปแล้ว เธอสามารถดำรงชีวิตและดูแลตัวเองได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ว่าจะหยิบจับเครื่องไม้เครื่องมือทำอาหาร หรือกระทั่งการขับรถ (ในเรื่อง นางเอกขับรถ Kia และขับได้เหมือนคนธรรมดาเลย)

อย่างไรก็ตาม หนังยังสะท้อนให้เราเห็นว่า ที่เกาหลี เขามีสวัสดิการและโครงการช่วยเหลือคนรายได้ต่ำ คนสูงอายุ และคนทุพพลภาพเยอะมาก เราไม่มีความรู้เพียงพอที่จะอาจบกได้ว่า สำหรับคนเกาหลี ฉากที่บ้านนางเอกได้รับสิ่งเหล่านี้จากองค์กรรัฐมันตีความในทางบวกทางลบอย่างไร แต่สำหรับคนไทยอย่างเรา เราอิจฉาในสิ่งที่รัฐของเขาทำให้ประชาชนของเขา ถึงแม้ในหนังจะบอกว่า “นี่ถือว่าน้อย” แต่ในมุมมองของคนไทย เรารู้สึกว่า “มันดีมาก”
แต่สิ่งที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็คือ การได้ดูตี๋นัมจูบนจอใหญ่เต็มตาเต็มจอนี่แหละ คุ้มค่าตั๋วที่สุดแล้ว มันคือความฟินที่จอไอแพดหรือจอทีวีกี่ตัวที่บ้านก็ให้ไม่ได้ แฟนคลับตี๋ห้ามพลาด
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7.5/10