Blumhouse เป็นสตูดิโอที่เราสามารถไว้ใจได้เรื่องของการสร้างหนังแนว horror/thriller โดยเฉพาะเรื่องที่มีการเสียดสีการเมือง ชนชั้น สีผิว เพศ เชื้อชาติ หรือด้านมืดของสังคมมนุษย์ อย่างเช่น The Purge, Get Out ฯลฯ
THE HUNT เป็นหนังอีกเรื่องจากบ้าน Blumhouse ที่เล่นประเด็นการเมืองและชนชั้นอย่างตลกร้ายและโหดเลือดสาด โดยบทภาพยนตร์ THE HUNT ของ Nick Cuse และ Damon Lindelof นี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องสั้น The Most Dangerous Game (ปี 1924) ของ Richard Connell ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคนรวยล่าคนจนเพื่อเกมกีฬา แต่คนรุ่นหลังแบบเรา ๆ อาจจะเห็น THE HUNT แล้วนึกถึง The Hunger Games ก็ไม่ผิด
หนัง THE HUNT เล่าเรื่องชนชั้นแรงงานหรือคนบ้านนอก (เราใช้คำนี้ตามที่ในหนังเค้าใช้) จำนวน 12 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนขาวและค่อนข้าง conservative (ภาษาอังกฤษเรียก “redneck”) ถูกลักพาตัว และตื่นขึ้นมากลางป่าแห่งหนึ่งอย่างงง ๆ ก่อนที่จะรู้ตัวว่าพวกเขากำลังถูกไล่ล่าโดยพวก liberal elite (หรือ “blue blood”) นำโดย Athena (Hilary Swank นักแสดงออสการ์นำหญิงสองสมัย) แต่การล่าครั้งนี้มันไม่ง่าย เมื่อ Crystal (Betty Gilpin จาก Isn’t It Romantic) หนึ่งในคนที่ถูกล่า กลับมีสกิลการต่อสู้และเคยเป็นทหารเก่า ทำให้ผู้ล่ากลายเป็นผู้ถูกล่าด้วยเช่นกัน
/https://www.thestar.com/content/dam/thestar/entertainment/opinion/2020/02/12/its-over-for-the-hunt-a-movie-in-which-liberal-elites-try-to-kill-deplorables-despite-its-march-13-release-date/thehunt1.jpg?w=1160&ssl=1)
ในเวลาประมาณ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง หนังดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็ว และมักมีความรุนแรง ชนิดที่เราต้อง ทำหน้าเหยเก/ปิดตา/อ้าปากค้าง/เอามือทาบอก แบบมิทันได้ตั้งตัวอยู่บ่อย ๆ แต่ถึงแม้หน้าหนังจะเหมือนหนังไล่ล่าฆ่าฟัน แต่ความโหดหรือฉากแอ็คชั่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เนื้อหาจริง ๆ ของหนังเต็มไปด้วยไดอะล็อกที่ตลกร้าย เสียดสีการเมือง เพศ สีผิว เชื้อชาติ พอ ๆ กับพล็อตที่เน้นเสียดสีระบบชนชั้น และมี refer ถึง “Animal Farm” แต่กระนั้น สำหรับเรา THE HUNT เป็นหนังที่ดูฆ่าเวลา และไม่จำเป็นต้องดูก็ได้ เพราะยังห่างไกลจากคำว่ามาสเตอร์พีซ และยังถือว่ากลาง ๆ สำหรับมาตรฐานหนัง. Blumhouse
โดยสรุป มันไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง แต่ก็พอดูสนุกอยู่บ้าง คะแนนตามความชอบส่วนตัว 6.5/10