Son of Saul คือหนังฮังกาเรียน ตัวเต็งออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม มีเนื้อหาเกี่ยวกับ Holocaust (การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวของนาซี) ในแคมป์ Auschwitz-Birkenau (หรือโรงฆ่ามนุษย์ล้านศพ) ช่วงปี 1944
เรื่องย่อ Son of Saul
Saul Ausländer (Géza Röhrig) เป็นยิวที่ถูกจับไปเป็นเชลยในแคมป์ Auschwitz-Birkenau ประจำหน่วย Sonderkommando ซึ่งมีหน้าที่กวาดต้อนชาวยิวด้วยกันไปห้องรมแก๊สและทำลายซากศพพร้อมขี้เถ้าหลังจากรมแก๊สเสร็จ โดยเชลยในหน่วย Sonderkommando นี้จะมีอายุการทำงานประมาณ 4 เดือน
วันหนึ่ง Saul แอบเก็บศพเด็กชายชาวยิวคนหนึ่งเอาไว้ โดยอ้างว่าเป็นลูกชายของเขา และ Saul ก็พยายามตามานักโทษยิวในค่ายที่เป็น rabbi (เป็นภาษาฮิบรูแปลว่า teacher หรือ master) เพื่อมาช่วยสวดประกอบพิธีกรรมให้ศพอย่างถูกต้องเหมาะสมตามฉบับวิถียิว เพื่อแสดงถึงความเป็นมนุษย์ในสถานการณ์ที่แทบไม่มีใครหลงเหลือความเป็นมนุษย์อีกต่อไป
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ Son of Saul
Son of Saul เป็นหนังที่สกิลการถ่ายทำเมพมาก จุดเด่นของเขาคือการถ่ายภาพแบบ Long Take และการทำซาวนด์ ซึ่งทุกองค์ประกอบมันทำให้หนังดูสมจริงมากกกกก ทำให้คนดูทุกคนเหมือนได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริง และเดินตามเงา Saul Ausländer พระเอกของเรื่อง ณ ค่ายนรกนาซีแห่งนั้นแบบทุกฝีก้าว ซึ่ง Géza Röhrig แสดงผ่านสีหน้าแววตาได้ดีไร้ที่ติ
นอกจากลองเทคแล้ว เทคนิคการถ่ายภาพต่างๆ ยังมีชั้นเชิง กล่าวคือ เขาถ่ายภาพด้วยฟิล์ม 35 mm ในอัตราส่วน 1.37:1 ซึ่งช่วงวินาทีแรกๆ ที่หนังเริ่ม เราอาจรู้สึกว่าจอมันไม่ wide จุใจนิดหน่อย แต่พอปรับสายตาได้แล้วจึงเข้าใจว่าเค้าใช้อัตราส่วนแค่นี้เพื่อเพิ่มอรรถรสและความสมจริงนั่นเอง เพราะอีจออัตราส่วนแคบๆ นี้แหละ มันเป็นความกว้างตามหลักความเป็นจริงของคนคนนึงที่ลูกกะตาสองข้างของเขาจะมองเห็นได้ (คือชีวิตจริง ตาเราไม่ได้มองเห็นเป็นเลนส์ไวด์อะ เก๊ตปะ)
แล้วนอกจากนี้ คนเขียนบททีมนี้เขาจะเป็นแนวชอบเขียนให้หนังมัน “พูดน้อยต่อยหนัก” และพล็อตจะไม่ได้เดินตามสูตรสำเร็จของหนังตลาดทั่วไปที่ปกติปมต่างๆ ในเรื่องจะต้องเฉลยหรือคลี่คลาย ซึ่งเราว่าบทสไตล์นี้มันเป็นอะไรที่ชวนให้เราอึดอัดยิ่งนัก แต่ต้องยอมรับว่าแบบนี้คือดีและสมจริงจริงๆ
ดังนั้นจึงต้องบอกเลยว่า Son of Saul เป็นหนังที่หดหู่ กดดันจนแทบลืมหายใจ คือมันไม่ใช่หนังบันเทิง นี่ดูจบแล้วก็ยังจำตัวละครไม่ได้สักตัวนอกจากพระเอก แต่มันเป็นหนังดีมาก เน้นความเรียล พูดเลยว่าเป็นหนึ่งในหนังเกี่ยวกับ Nazi หรือ Holocaust ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์จะสร้างได้
ขนาดเรา เราว่าเราก็เคยอ่านเรื่องราว Holocaust มาประมาณหนึ่งละนะ แต่เราก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีเชลยชาวยิวที่ถูกจับมาเป็นหน่วย Sonderkommando แบบนี้ด้วย ซึ่งคนพวกนี้น่าสงสารกว่าคนยิวทั่วไปอีกนะ เพราะเขาต้องมากวาดต้อนชาวยิวด้วยกันไปฆ่าสดในห้องรมควันและลากศพพี่น้องชาวยิวด้วยกันทุกวันๆ
ประกอบด้วยการที่หนังใช้เทคนิคการถ่ายทำตามที่กล่าวมาข้างต้น มันยิ่งทำให้คนดูอย่างเราเข้าถึง เข้าใจ และอินกับทุกความรู้สึกของนักโทษเหล่านั้นราวกับเรากำลังเป็นคนนั้นในเหตุการณ์นั้นอยู่จริงๆ นี่เป็นประสบการณ์การดูหนังคุณภาพที่หาดูได้ไม่บ่อย แถมยังได้โอกาสออนทัวร์ประวัติศาสตร์ไปด้วยอีกต่างหาก คอหนังคุณภาพหรือคอประวัติศาสตร์โลก ต้องดู!
สรุปคือ สำหรับเรา เราว่าหนังเรื่องนี้เลอค่าสมควรแก่รางวัลออสการ์สาขา Best Foreign Film อย่างที่สุดละ (ทั้งนี้เรายังไม่ได้ดู Mustang ของฝรั่งเศสนะ) คะแนนตามความชอบส่วนตัว 8.5/10
Son of Saul เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แบบจำกัดโรง ตั้งแต่ 25 ก.พ. นี้เป็นต้นไป

18 comments