กว่าห้าสิบปีหลังจากที่ Dr. No หรือ James Bond ภาคแรก เข้าฉายเมื่อปี 1962 ในปีนี้… สายลับ “เจมส์ บอนด์ 007” ก็เดินทางมาถึงภาคที่ 24 แล้ว ภายใต้ชื่อว่า Spectre และ Spectre ก็เป็นภาคที่ 4 ที่ Daniel Craig มารับหน้าที่เป็น James Bond
เรื่องย่อ Spectre
James Bond (Daniel Craig จาก Skyfall, Quantum of Solace, Casino Royale, The Girl with the Dragon Tattoo) แอบเดินทางไปกำจัดนักฆ่าคนหนึ่งที่เม็กซิโกและทำเมืองเขาเสียหายไปหลายบล็อก พอกลับมาลอนดอน เขาจึงถูกบอส M (Ralph Fiennes จาก Harry Potter, The Grand Budapest Hotel, Skyfall) สั่งพักงานและห้ามไปไหนจากลอนดอน
แต่ 007 ก็คือ 007 James Bond แอบเดินทางไปงานศพของชายที่เขาเพิ่งฆ่าที่กรุงโรม เพื่อล้วงความลับจาก Lucia (Monica Bellucci จาก The Matrix) ภรรยาของชายคนนั้น จนได้รู้ว่าสามีของ Lucia ทำงานให้องค์กรลับชื่อว่า Spectre ที่ชักใยโดย Franz Oberhauser (นักแสดงออสการ์ Christoph Waltz จาก Django Unchained)
หลังจากนั้น James Bond ออกเดินทางไปเทือกเขาออสเตรียเพื่อช่วยคุ้มกัน Dr. Madeleine Swann (Léa Seydoux จาก Blue Is the Warmest Color, The Grand Budapest Hotel, Mission: Impossible, The Lobster) ลูกสาวของอดีตนักฆ่าขององค์กร Spectre ก่อนที่เธอจะถูก Hinx (Dave Bautista จาก Guardians of the Galaxy) นักฆ่ามือวางอันดับต้นแห่ง Spectre ตามเก็บ และต่อด้วยทริปทะเลทราย Moroccan ที่โมร็อกโก เพื่อไปตามฆ่า Oberhauser
ที่ลอนดอน บอส M, หนุ่มไอที Q (Ben Whishaw จาก Skyfall, Cloud Atlas, The Lobster), และ Moneypenny (Naomie Harris จาก Skyfall, Southpaw, Pirates of the Caribbean) ก็คอยแอบช่วยเหลือ James Bond อยู่ลับๆ พร้อมกับ ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ต้องต่อสู้กับ Max Denbigh หรือ C (Andrew Scott จาก Sherlock, Saving Private Ryan) ที่พยายามจะชัตดาวน์โปรแกรม “double-O” เพราะมองว่าสายลับมันล้าสมัยแล้ว และควรไปสร้างโปรแกรมเน็ตเวิร์คทันสมัยที่สามารถดักตรวจจับข้อมูลทุกสิ่งอย่างของคนทุกคนได้อย่าง “Nine Eyes” ขึ้นมาแทน (จะเป็นว่าฟังก์ชั่นฟังดูคล้ายๆ โครงการอะไรคุ้นๆ ของรัฐบาลแถวนี้เนอะ)
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ Spectre
จากเรื่องย่อจะเห็นได้ว่า เจมส์ บอนด์ ในภาคนี้นั้น พล็อตโดยรวมไม่ค่อยมีอะไร เหมือน 007 มาพาเราเที่ยวรอบโลก ตั้งแต่ลอนดอน เม็กซิโก อิตาลี ออสเตรีย และโมร็อกโก เพราะใน Spectre นี้ นางเดินทางบ่อยมากจริงๆ ทั้งเรื่องนี้นางได้ใช้พาหนะทุกอย่าง ทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ
นอกจากพล็อตที่ง่ายดายอย่างไร้สาระแล้ว การเล่าเรื่องก็ยังเป็นไปอย่างเรื่อยๆ ไปเรียงๆ ไร้ซึ่งลูกเล่นชั้นเชิง เหมือนเล่นเกมที่ทอยเต๋าไปข้างหน้าเรื่อยๆ ค่อยๆ ทอยและค่อยๆ เดินไปทีละที่ๆ จนหลายช่วงแอบน่าเบื่อ (แถมยังยาวตั้งสองชั่วโมงครึ่ง บ้าไปแล้ว) เรียกได้ว่า ความดีงามของบทหนังและการเล่าเรื่องต่างจาก Skyfall ภาคก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง
การเดินทางไป ณ จุดหมายปลายทางแต่ละที่ของ เจมส์ บอนด์ ก็มีจุดประสงค์เล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่แค่ไปตามหาคนคนเดียวหรือไม่ก็ของสิ่งเดียว เพื่อจะนำไปสู่คนอีกคนหรือของอีกคนในอีกที่หนึ่ง โดยทริปทั้งหมดมีเป้าหมายใหญ่ๆ เพื่อจะนำไปสู่การโค่นล้ม Spectre ในท้ายที่สุด ซึ่งจริงๆ แล้ว การพาคนดูไปเที่ยวรอบโลกทีละที่ ทีละที่ เนี่ย มันก็เล่าให้สนุกได้นะ MI5: Rogue Nation ยังทำให้สนุกได้เลย จริงมั้ย
อย่างไรก็ดี ถึงแม้การดำเนินเรื่องของ Spectre จะน่าเบื่อไปบ้าง แต่ยังดีที่ยังไม่ถึงกับง่วงหงาวหาวนอน เพราะฉากบู๊หรือฉากไล่ล่าก็ยังสนุกและพอตื่นเต้นอยู่หลายซีน เช่น ฉากเปิดเรื่อง ฉากขับรถไล่ล่ากลางเมืองและกลางภูเขา เป็นต้น
ซึ่งถ้าว่ากันตามตรง ฉากอะไรพวกนี้ก็ไม่แปลกใหม่นะ หลายฉากก็เอาของเดิมมาเล่นซ้ำ หรือหลายฉาก เช่น ฉากขับรถไล่ล่าดังกล่าวก็เห็นกันเกร่อแล้วในหนังสมัยนี้ ไม่ได้น่าตื่นเต้นหมือหวาอะไรมากมาย อย่างไรก็ตาม ดนตรีประกอบของหนังเขาทำดี เลยช่วยพยุงให้ฉากที่ดูเหมือนไม่แปลกใหม่ยังดูมีอะไรและน่าติดตามอยู่บ้าง
ความดีความงามที่สุดที่ช่วยประคองให้หนังเรื่องนี้ไม่สอบตก สำหรับเรา เรายกให้งานภาพเขาเลย โดยงานภาพนี้ได้ Hoyte Van Hoytema (Oscar Nomination จาก Interstellar) มาเป็น cinematographer จึงไม่แปลกที่ภาพออกมาสวยแกรนด์และดูแพงคุ้มทุนสร้างกว่าองค์ประกอบอื่นๆ ของหนัง
นอกจากนี้ ภาพวิวสวยๆ หรือภาพสถานที่ท่องเที่ยวเก๋ๆ จากทั่วโลกก็ช่วยเพิ่มเสน่ห์มนต์ขลังให้เราไม่อยากละสายตาจากจอ เออ จะว่าไปแล้ว ตอนดู Spectre มันให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังดูหนังสายลับคลาสสิคเก่าๆ เลยนะ คือโลเกชั่น พวกฉากและสถานที่ รวมถึงฉากบนรถไฟ ทุกอย่างในหนังมันดูคลาสสิคดี เหมือนเขาตั้งใจคงความวินเทจกระมัง องค์ประกอบในหนังไม่กี่สิ่งที่ดูใหม่ หรูหรา และทันสมัยหน่อย ก็เห็นจะมีแต่การใช้เทคโนโลยีแบบ Mission: Impossible ก็เท่านั้น
และอีกอย่างหนึ่งที่เราคิดว่า Spectre จะยังคง “รอด” ได้ ก็น่าจะเป็นความคลาสสิคของหนัง ในหนังมีหลายฉากและหลายจุดที่เขาเคารพภาคก่อนๆ มีการลิงค์ เชื่อมโยง หรือเล่นมุกซ้ำของภาคก่อนๆ ซึ่งแฟนๆ 007 น่าจะเข้าใจและอินกับอะไรเหล่านี้ (เราเห็นคนเบาะหลังเราเขาก็หัวเราะคิกคักหลายจุด) อย่างเรา เราไม่ใช่สาวกเจมส์ บอนด์ เราก็จะเข้าใจแต่นาฬิกาโอเมก้า วอดก้ามาตินี่ และการนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าของอีตานี่ก็เท่านั้น
ซึ่งหากถามว่า ถ้าคุณไม่เคยดู James Bond ภาคก่อนๆ หรือดูจนจำไม่ค่อยได้แล้ว จะสามารถดู Spectre ได้หรือไม่นั้น เราตอบว่า “ดูได้” เพราะเราก็เป็นหนึ่งในคนจำพวกดังกล่าว
เท่าที่จำได้ เราเคยดูแค่ Skyfall ภาคเดียวเมื่อสามปีก่อน มาดูภาคนี้ก็รู้เรื่องอยู่ แต่คิดว่าถ้าเป็นคนที่ดูมามากภาคหน่อย น่าจะยิ้มขำกับหนังบ่อยกว่าเรา (อย่างน้อยที่สุด เขาว่ากันว่า ควรดู Casino Royale, Quantum of Solace, และ Skyfall มาก่อน เพราะมันมีตัวละครเชื่อมโยมเกี่ยวข้องจากสามภาคดังกล่าว)
Read More: Exploding watches, lairs and mice: a guide to SPECTRE’s classic Bond references
ในส่วนของนักแสดง เราว่าทุกคนในเรื่องนี้โอเคหมดเลยนะ เราไม่เคยดูภาคก่อนๆ ที่คนอื่นแสดงหรอก แต่เราว่า Daniel Craig เป็น James Bond ที่เอาอยู่เลยทีเดียว ส่วนสาวบอนด์คนนี้ก็สวยดี ดูน่าค้นหาและดู Strong (เห็นเขาว่ากันว่า สาวบอนด์คนนี้บู๊เก่งกว่าหลายๆ ภาคที่เคยมีมา เพราะปกติ James Bond จะเป็น misogynist) แต่ที่เราชอบเป็นการส่วนตัวหน่อยก็คือหนุ่มเนิร์ด Q นี่แหละ โดยเฉพาะตอนใส่ชุดไหมพรมกันหนาวที่ออสเตรียนะ…น่ารัก ><
(เดี๋ยวเขียนบล็อกนี้เสร็จ วันต่อมา เราก็จะได้ไปดู The Lobster รอบนักวิจารณ์ ที่สาวบอนด์ Léa Seydoux กับหนุ่มคิว Ben Whishaw เล่นอีกเรื่องพอดีด้วย อิอิ)
Read More: Daniel Craig Thinks James Bond Is ‘Actually a Misogynist’
โดยสรุป Spectre เป็นหนังฟอร์มยักษ์ใหญ่ ทุนสร้างมหาศาล ฉากบู๊ก็พอดูเพลินๆ เป็นช่วงๆ เพราะได้งานภาพอันโดดเด่น กับดนตรีและซาวนด์ประกอบอันดีงามช่วยไว้ นักแสดงก็โอเคหมด ทั้งฝ่ายดีฝ่ายร้าย ทุกคนดูดีมีเสน่ห์ (ถึงแม้ตัวละครจะแบนราบไปหน่อยก็เถอะนะ) ที่สำคัญหนังยังคงความคลาสสิคเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
เอาจริงๆ ทั้งเรื่องนี้เนี่ย โดยส่วนตัวเรามองว่ามันเสียอยู่อย่างเดียวคือ ตัวบทและการเล่าเรื่องนี่แหละที่อ่อนเปลี้ยและน่าเบื่อ โดยรวมจึงไม่ค่อยสนุกเท่าที่ควร ถ้าใครจะดูก็ลองไปดูโรง IMAX ละกัน อย่างน้อยก็ได้ดูเอาสะใจ
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7.5/10
Spectre ฉายแล้ววันนี้ 5 พ.ย. 2015
57 comments