ปี 2014 เป็นปีที่เราได้ดูภาคแรกของหนังแอ็คชั่นโซโล่สุดเว่อร์วังเซอร์เรียลทั้งสองเรื่อง: John Wick และ The Equalizer แต่แล้วเรื่องหลังใช้เวลาล่าช้ากว่าเรื่องแรกอยู่เล็กน้อย (ปีกว่า) กว่าจะมีภาคสองออกมา
เท้าความถึงภาคแรกของ The Equalizer ให้คนที่ยังไม่เคยดูกันสักหน่อย (จริง ๆ ก็สามารถไปดูภาคสองได้เลยโดยที่ไม่จำเป็นต้องเคยดูภาคแรกนั่นแหละ) ในภาคแรกนั้น ลุง Robert McCall (Denzel Washington จาก Flight) ผู้ที่ปกติใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แล้วจู่ ๆ วันดีคืนดีเกิดหยิบปืนผาหน้าไม้ไปบุกตะลุยฆ่าสมาชิกแก๊งมาเฟียรัสเซียยกแก๊ง เพื่อทวงคืนอิสรภาพให้กับเด็กสาว (Chloë Grace Moretz จาก Kick-Ass) ที่เขาเจอในคาเฟ่
ในภาคนี้ หนังช่วงแรกก็เปิดเรื่องให้ลุง Robert McCall เป็นลุงขับ Uber ธรรมดา ๆ ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดา ๆ ที่เหมือนจะไม่มีจุดหมายปลายทางอะไรในชีวิตนอกจากพาผู้โดยสารที่เขาไม่รู้จัก (แต่บ้างก็รับส่งกันจนรู้จัก) ไปถึงที่หมายปลายทาง แต่ถ้าเกิดวันไหนเขาได้เจอคนไม่มีทางสู้ถูกคนเลวคนชั่วข่มเหงรังแก เขาก็จะตามไปเรียกคืนความยุติธรรมหรือความถูกต้องให้กับเหยื่อ ทั้งที่เขาอาจไม่ได้รู้จักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาก่อนเลย แต่นั่นจะเป็นแค่การปูเรื่อง เพราะหลัก ๆ ภาคนี้ ลุง Robert McCall จะต้องไปล้างแค้นกับคนที่ตามเก็บ CIA ซึ่งหนึ่งในเหยื่อนั้นคือ Susan Plummer (Melissa Leo จาก The Fighter) เพื่อนของเขา
ช่วงแรกก็ปูความเป็นแบทแมนของลุงแกอยู่ 2-3 เคส เอื่อยเหมือนกัน กว่าจะเข้าเรื่องของภาคสองเค้าจริง ๆ แต่ก็ขอชมที่เขียนบทดีขึ้น ภาคนี้มีเนื้อหาที่เรียลมากขึ้น และนั่นคือสิ่งที่เราชอบมากกว่าภาคแรก คือมันมีดราม่า มีสตอรี่ มีแบคกราวนด์ มีเล่าเกี่ยวกับปมชีวิตของลุง Robert McCall ที่ทำให้เราเข้าถึงตัวละครได้มากขึ้น อีกอย่างคือ ลุงแกเป็นคนดีและอ่อนโยนมาก ชอบวิธีคิด การมองโลก และการปฏิบัติต่อคนรอบข้างของลุงแก ดูแล้วก็ได้แง่คิดในการดำรงชีวิตไปด้วย
สไตล์ของหนังโดยรวมก็ยังเหมือนเดิมกับภาคแรก คือจะค่อนข้างนิ่ง ๆ เย็น ๆ ตามวัยวุฒิของ ลุง Robert McCall แต่พอถึงฉากแอ็คชั่นขึ้นมาเมื่อไหร่แล้วล่ะก็… ขอบอกว่าสนุกมาก เท่มาก และเยือกเย็นมาก ฉากแอ็คชั่นในช่วงไฟนอลองก์สุดท้ายถือว่าออกแบบออกมาได้ดีมีสตอรี่ แต่ยังใช้ไม่คุ้ม เซตฉากและทำ CG มายิ่งใหญ่เกินกว่าที่หนังเอามาใช้ประโยชน์จริง ๆ โดยส่วนตัวยังประทับใจตราตรึงกับฉากไฟนอลของภาคแรกมากกว่า ที่เค้าไปสู้กันในซูเปอร์มาร์เก็ต (ลักษณะประมาณ Homepro) และเอาข้าวของในนั้นมาใช้เป็นกับดับและอาวุธ
แต่ข้อเสียในเรื่องของแอ็คชั่นต่าง ๆ คือ บางทีเราก็ไม่ค่อยรู้สึกได้ลุ้นอะไรมาก เพราะลุงเก่งเว่อร์เกินไป อายุอานามคือวัยเกษียณ วัน ๆ ขับรถ Uber และอ่านหนังสือ แต่พอจะบู๊ ก็บู๊ราวกับเป็นเดอะร็อค แถมสู้กับคนเป็นสิบ ๆ ตลอดเรื่อง แทบไม่ได้เห็นลุงบาดเจ็บหรือมีแผลอะไรเลย ทั้งที่คู่ต่อสู้ของลุงก็ระดับทีมนักฆ่าอาชีพเลยเหมือนกันนะ แต่ก็ยังแพ้ง่าย-ตายง่ายเหมือนเดิม นี่คิดว่าถ้าลุงลองยอมเจ็บบ้าง คนดูอาจจะได้ลุ้นกับหนังกว่านี้ก็ได้นะ
ตัวละครที่ดูเป็นมนุษย์ที่สุดคนนึงของเรื่อง และช่วยให้คนดูได้เห็นด้านความเป็นมนุษย์ของลุง Robert McCall บ้าง ก็คือ ตัวละครเด็กวัยรุ่นผิวสี Miles Whittaker (Ashton Sanders จาก Moonlight) ซึ่ง Sanders ก็ถ่ายทอดและทำหน้าที่ของเขาออกมาได้ดี ดีกว่าตัวละครของ Chloë Grace Moretz ในภาคแรก
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7.5/10
40 comments
Comments are closed.