The Finest Hours สร้างจากเรื่องจริงของฮีโร่ยามฝั่ง (Coast Guard) แห่งเมือง Massachusetts ที่ขับเรือเล็กฝ่าคลื่นยักษ์พายุใหญ่ไปช่วยกู้ภัยลูกเรือของบริษัทน้ำมันกว่า 30 ชีวิตที่เรือแตกกลางทะเลเมื่อปี 1952
เรื่องย่อ The Finest Hours
ในฤดูหนาวปี 1952 พายุซัดกระหน่ำจนเรือ Pendleton แตกหักเป็นสองท่อน Ray Sybert (Casey Affleck น้องชาย Ben Affleck) และลูกเรือกว่าสามสิบชีวิตพยายามทำทุกทางเพื่อซื้อเวลาให้นานที่สุดเพื่อไม่ให้เรือจมก่อนมีคนมาช่วยชีวิต
ผบ. Daniel Cluff (Eric Bana จาก Hulk) สั่งให้ Bernie Webber (Chris Pine จาก Star Trek) นำทีมออกไปช่วยกู้ภัยเรือ Pendleton เขาจึงจำเป็นต้องไปเพราะมันเป็นกฎและคำสั่งของหัวหน้า ทิ้งให้ Miriam (Holliday Grainger จาก The Riot Club และ Cinderella) แฟนสาวรออยู่เบื้องหลัง
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ The Finest Hours
จำได้ว่าตอนเด็กๆ เราชอบหนังเรื่อง The Perfect Storm ซึ่งก็เป็นหนังพายุกลางทะเลและเรือจะจมแนวๆ เดียวกับ The Finest Hours นี่แหละ แต่จำเรื่องราวไม่ได้แล้ว แต่รู้สึกว่าสนุก และงาน Sound and Visual Effects ของเค้าอลังการมาก (สำหรับปี 2000 น่ะนะ)
แต่แต่นั้นเป็นต้นมา ไม่รู้ว่าเพราะเราโตขึ้นหรือว่ากระไร เราไม่ค่อยเจอหนังแนวนี้ที่ดูแล้วไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อนัก (จะมีที่โอเคก็ที่ล่าสุดดู In the Heart of the Sea ซึ่งชอบเพราะภาพสวยอลังวาฬ) ก็อย่างว่าแหละ หนังที่อยู่กลางทะเล มีแต่เรือกับน้ำทะเล มันย่อมไม่มีอะไรหวือหวาให้ดูเท่าไหร่อยู่แล้ว นอกจากเอ็ฟเฟ็กต์คลื่นยักษ์และช่วยลุ้นกับตัวละครไปเรื่อยๆ เพราะตอนจบก็เป็นไปได้อยู่แค่สองทางก็คือ “ไม่ตายก็รอด”
สำหรับ The Finest Hours นี้ คิดว่าต่อให้ไม่ต้องสปอยล์ ทุกคนก็น่าจะพอเดาตอนจบของเรื่องได้ว่า “ตายหรือรอด” เพราะมันเป็นหนังของค่ายดิสนีย์โลกสวยฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมว แน่นอนว่าไม่ว่าจะยังไงก็ต้องคงคอนเซ็ปต์เรื่องความหวัง ความศรัทธา หรือแรงบันดาลใจใสๆ ตามสไตล์ดิสนีย์แลนด์
บอกก่อนว่าเราไม่ได้มีปัญหากับหนังโลกสวย หนังที่สร้างแรงบันดาลใจย่อมเป็นหนังที่ดีเลอค่าแก่การดูอยู่แล้ว แต่ที่เราจะบ่นต่อไปนี้ เราจะบ่นในแง่ความพังของตัวบทหนัง The Finest Hours ของมันเอง ไม่เกี่ยวกับความโลกสวยไม่สวยแต่อย่างใด
The Finest Hours ค่อนข้างตรงตามสูตรสำเร็จหนังแนวนี้ เดาทางตอนจบได้ง่าย เกร็ดข้อคิดและการเล่าเรื่องต่างๆ ก็เช้ยเชย โดยภาพรวมของหนังคือไม่ค่อยมีอะไร มีความน่าเบื่ออยู่หลายช่วง โดยเฉพาะบนบกนั้นน่าเบื่อหน่าย ตัวละครไม่สตอง และมีหลายจุดที่ทำมาทำไมไม่รู้…ดูไร้ซึ่งความจำเป็น โชคดีที่ได้ดูโรง IMAX 3D เพราะอย่างน้อยก็ได้ไปชื่นชมเอ็ฟเฟ็กต์อลังการได้ชิลๆ
โดยส่วนตัวเราว่า หนังสามารถเปิดมาแล้วให้เรือ Pendleton ของ Affleck แตกเลยก็ได้นะ แล้ว Eric Bana ก็ส่ง Chris Pine ไปได้เลย ไรงี้ เพราะฉากช่วงแรกๆ ที่พระเอกกับนางเอกเจอกันครั้งแรก หรือแม้กระทั่งฉากในงานเต้นรำขอแต่งงานมันดูไม่จำเป็นเอาซะเลย
พูดง่ายๆ คือจริงๆ หนังควรรีบขึ้นเรือเร็วๆ เพราะอย่างน้อยหนังเขายังทำฉากบนเรือสนุก ทำฉากทะเลระทึก ดังนั้นดราม่าบนบกไม่จำเป็นต้องยืดเยอะ เช่น ปมแม่ม่ายลูกสองในเรื่องไม่ต้องใส่มาเลยก็ได้ ไม่เห็นมีผลใดใดต่อเส้นเรื่องอยู่แล้วด้วย
หนังพยายามใส่ประเด็น Feminist ตามสมัยนิยม เช่น gender discrimination แต่ไม่ว่าจะยังไงบทของ Holliday Grainger ก็ยังดู “เยอะไป” จนเกินงามอยู่ดี (คือนางไม่ได้แสดงแย่นะ แต่หมายถึงบทมิเรียมของนางน่ะเยอะ) ไม่ว่าเรื่องนี้นางจะสวยเพียงใด เราก็ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้นางเอกดูไม่จำเป็นเลย แต่ว่าไม่ได้ มันก็เป็น “กฎ” ไปแล้วนี่เนอะ ที่หนังควรมีพระเอกกับนางเอกและมีดราม่าความรักให้คนดูสะเทือนจิตใจ
อย่างไรก็ดี บนเรือทำดีจริง สนุกลุ้นระทึกเต็มสตรีม ชอบฉากบนเรือ Pendleton ที่สุด ส่วนฉากของ Chris Pine มีตื่นเต้นอยู่แค่ซีนเดียวใหญ่ๆ ไม่มีอะไรมาก เน้นขายความหล่อ Chris Pine และจิตวิญญาณความไฟต์ของ Bernie Webber
ซีจีโดยรวมจัดว่าดีตามมาตรฐานดิสนีย์ ถึงแม้จะมีบ้างบางซีนที่มีความปลอมเปลือกอยู่ เช่น ฉากเรือบดแตกละเอียด หรือฉากที่ Chris Pine มีแสงสว่างจ้าเป็นแบ็คกราวนด์ท่ามกลางความมืดมืดของพายุที่โหมกระหน่ำ แต่โดยรวมก็พอให้อภัยได้ ไม่ได้ติดขัดมากมาย
โดยสรุปหนังไม่มีเรื่องราวอะไรมาก สร้างจากเรื่องจริง ดราม่าบนบกไร้ค่าน่าเบื่อ แต่บนเรือสนุกระทึกจนแทบลืมหายใจ ดูเพลินๆ แบบไม่คิดอะไรมากก็สนุกดีนะ มีติดนิดหน่อยตรงที่เขาไม่ได้เน้นการเอาตัวรอดอะไรมากมาย อุปสรรคต่างๆ นานาก็ไม่ได้ดูยากเย็นแสนเข็ญ อารมณ์เหมือนพระเอกเป็นคนดีมีโชคมากกว่าความสามารถ ประมาณนั้น
ซึ่งสุดท้ายแล้ว หนังก็สอนในเรื่องของความหวัง ความศรัทธา การเชื่อในความรู้สึกของตัวเอง การเคารพการตัดสินใจของผู้นำ และการทำตามกฎหมู่อย่างมีสติ รวมถึงเชิดชูวีรบุรุษของประเทศเขานั่นแหละ (ฟังดูเชยปะล่ะ แต่ก็อย่างที่บอก หนังเขาเป็นหนังสวย ตามสูตร ตามดิสนีย์สไตล์)
ป.ล. ตามหลัก Chris Pine เป็นพระเอกนะ แต่ไม่ค่อยรู้สึกว่าโดดเด้งสักเท่าไหร่ Casey Affleck ดูเด่นและน่าจดจำกว่า
The Finest Hours เข้าฉาย 28 ม.ค. ทั้งระบบธรรมดา 2D, 3D, และ 4DX
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7/10
46 comments
ไปสร้างหนังเองสิ