The Girl on the Train ดัดแปลงจากหนังสือนิยายขายดีชื่อเดียวกัน (ตีพิมพ์ปี 2015) ของ Paula Hawkins
พูดตรง ๆ เลยว่า หนังแนวสืบสวนระทึกขวัญหรือปมซ้อนปมอย่าง Gone Girl กับ The Girl on the Train นี้รีวิวไม่ง่ายเลย เพราะมันละเอียดอ่อน อาจหลุดสปอยล์ได้โดยไม่ตั้งใจ ดังนั้น บล็อกนี้เราจะรีวิวหนัง The Girl on the Train ให้กระชับที่สุด เพื่อเสี่ยงต่อการสปอยล์ให้น้อยที่สุด (แต่มีความตั้งใจจริง ๆ นะ ว่ารีวิวของเราต้องไม่มีสปอยล์สาระสำคัญของหนังเด็ดขาด)
เรื่องย่อ The Girl on the Train (ไม่สปอยล์)
สาวม่ายขี้เมา Rachel Watson (Emily Blunt จาก The Devil Wears Prada, Into the Woods, Sicario, Edge of Tomorrow) นั่งรถไฟไปกลับระหว่างบ้านชานเมืองกับนิวยอร์กทุกวันเช้าเย็น ทุกครั้งเธอจะมองบ้านของสามีเก่าของเธอ Tom (Justin Theroux จาก Zoolander) ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่กับภรรยาใหม่ Anna (Rebecca Ferguson จาก Mission: Impossible – Rogue Nation) และลูกสาววัยเตาะแตะผ่านหน้าต่างรถไฟ
วันหนึ่ง Megan Hipwell (Haley Bennett จาก Hardcore Henry) สาวข้างบ้านของ Tom กับ Anna หายตัวไปอย่างลึกลับ คืนที่ Megan หายตัว Rachel เห็นหญิงสาวอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งจึงนำความไปบอก Scott (Luke Evans จาก Dracula Untold, Fast & Furious) สามีของ Megan ทำให้ Scott สงสัยว่าชายที่ Rachel เห็นอาจเป็น Dr. Kamal Abdic (Edgar Ramírez จาก Point Break, Joy) จิตแพทย์ประจำตัวของภรรยาของเขา
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ The Girl on the Train
ไม่รู้เราจะเป็นคนเดียวหรือเปล่าที่รู้สึกตั้งแต่ดูเทรลเลอร์แล้วว่า The Girl on the Train มีความคล้าย Gone Girl (2014) มาก แม้กระทั่งในหนังตัวเต็ม เราก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเบา ๆ ว่า Paula Hawkins คนเขียนเรื่องนี้ต้องได้รับแรงบันดาลใจไม่มากก็น้อยมาจาก Gillian Flynn จริง ๆ
เมื่อสันนิษฐานเรื่องแรงบันดาลใจดังกล่าวค่อนข้างสตรองในสมองเรา มันจึงอดไม่ได้ที่จะไม่เอาหนัง The Girl on the Train ไปเปรียบเทียบกับหนัง Gone Girl ของผู้กำกับ David Fincher ซึ่งเรื่องนั้น…อย่างที่รู้กัน…เป็นที่ชื่นชมอย่างท่วมท้นจากผู้ชมทั่วโลก รวมถึงเราเองด้วย
โดยส่วนตัวรู้สึกว่า The Girl on the Train ยังมีชั้นเชิงในการเล่าเรื่องและคลี่คลายปมไม่เหนือเท่า Gone Girl หรือพูดแบบไม่คิดอะไรมากก็คือ ไม่มีอะไรเทียบชั้น Gone Girl ได้เลยก็ว่าได้
แต่ทั้งนี้เราไม่ได้หมายความว่า The Girl on the Train เป็นหนังที่เลวร้าย ส่วนหนึ่งต้องยอมรับเลยว่า Gone Girl เขาทำมามาตรฐานสูงปรี๊ดมาก ประเด็นแน่นปึ้ก จึงไม่แปลกที่คนที่เคยดู Gone Girl มาก่อนแล้วอย่างเราจะรู้สึกเฉย ๆ กับ The Girl on the Train ซึ่งประเด็นธรรมด๊า~ ธรรมดา (ติดเหล้า ซึมเศร้า ชู้รัก คลั่งเซ็กส์ ความรุนแรงในครอบครัว ฯลฯ)
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ The Girl on the Train เกือบจะล้มเหลวในการเดินตามรอย Gone Girl และสร้างบรรยากาศระทึกขวัญให้ชวนติดตาม แต่ในส่วนของการหลอกล่อคนดู ก็ไม่ได้ล้มเหลวซะทีเดียว เราเดาเรื่องผิดหมด จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเมแกนหายไปไหน และ/หรือ ใครฆ่าเมแกน (ประมาณ ใครฆ่านานะ!?) ประสบการณ์จาก Gone Girl ไม่ได้ช่วยให้เราตามพวกตัวละครโรคจิต (และคนเขียนบทโรคจิต) เหล่านี้ทันเลย
ตัวละครหลักในเรื่องมีชาย 3 หญิง 3 แต่เน้นมุมมองของฝ่ายหญิง 3 คนมากกว่า ได้แก่ Rachel (Emily Blunt), Megan Hipwell (Haley Bennett), และ Anna (Rebecca Ferguson) ตัวละครหลักทั้ง 6 คน มีความ “จิต” กันหมด จิตแตกต่างกันไป และแต่ละคนก็ล้วนแต่ขาดสติทำผิดศีล 5 กันทั้งนั้น โดยเฉพาะข้อ 1, 3, 4, และ 5 (เออ เกือบทุกข้อนั่นแหละ)
นอกจากนี้ ตัวละครแต่ละตัวมีความสัมพันธ์กัน ไม่ใช่แค่ในเชิงสามีภรรยาหรือเพื่อนบ้าน หากแต่รวมถึงความฝันหรือความต้องการในเรื่องชีวิตคู่และครอบครัว ทั้งในเชิงเหมือนกันและย้อนแย้งกัน เช่น Rachel อยากมีลูกแต่มีไม่ได้ Megan ไม่อยากมีลูกแต่สามีอยากให้มี
Emily Blunt แสดงดีตามมาตรฐานของเธอ เธอพิสูจน์มาหลายเรื่องต่อหลายเรื่องแล้วว่าไม่มีบทบาทไหนที่เธอตีไม่แตก แต่ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่าบท Rachel Watson ของเธอมันมนุษย์ป้า โรคจิต โง่เง่า และน่ารำคาญจนไม่น่าเอาใจช่วยเลยสักนิด โดยเฉพาะช่วงแรก ๆ ที่เธอมัวแต่เมา คิดว่าตัวเองไม่มีค่า เพราะไม่สวย (ก็โทรมเพราะกินเหล้าปะ?) และไม่สามารถมีลูกได้ จนสามีทิ้งไปมีเมียใหม่ที่แซ่บกว่า
สำหรับเรา มันเป็นเรื่องที่น่ารำคาญมากที่ต้องมาดูผู้หญิงยึดติดกับ gender roles ตามครรลองที่ว่า “ผู้หญิงต้องเป็นแม่ที่ดีของลูก ผู้หญิงต้องเป็นศรีภรรยาที่ดีของสามี” ถ้าไม่ได้ทำหน้าที่สองอย่างนี้ให้ดี เธอจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า แต่ทำไมเวลาไม่มีงานทำ ไม่ได้ทำงาน หรือต้องไปแย่งสามีคนอื่นเขา เธอถึงได้ไม่รู้สึกบ้างว่าตัวเองไร้ค่า?
โดยสรุป The Girl on the Train ไม่ดีไม่แย่ ถ้าใครชอบหนังแนว Gone Girl ก็ไปดูได้ ไปนั่งเดา ๆ เรื่องได้เอาหนุก ๆ แต่อย่าคาดหวังมาตรฐานแบบ Gone Girl เลย เพราะมันคนละ division เลย เรื่องนู้นดูแล้วคิดตราตรึงไปหลายวัน แต่เรื่องนี้มันเหมือนรถไฟขบวนหนึ่งที่วิ่งผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีอะไรน่าจดจำ นอกจากการแสดงของ Emily Blunt และหน้าหล่อ ๆ หุ่นแซ่บ ๆ ของ Luke Evans ก็เท่านั้น จบ
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7.5/10
เข้าฉาย 6 ต.ค. 2016 นี้ ในโรงภาพยนตร์
<div id=”SC_TBlock_184997″ class=”SC_TBlock”>loading…</div>
<script type=”text/javascript”>var SC_CId = “184997”,SC_Domain=”n.ads1-adnow.com”;SC_Start_184997=(new Date).getTime();</script>
<script type=”text/javascript” src=”http://st-n.ads1-adnow.com/js/adv_out.js”></script>
61 comments
หนังตั้งใจหลอกล่อให้คนดูคลำทาง และเดาหาฆาตกร จนรู้สึกว่า เออ ช่างเมิงเหอะ ชะนีก็โง้ โง่…จนน่ารำคาญ ปูเรื่ออ้อยมาก (บวกกับใช้soundน่าเบื่อ) พอจะจบ อ้าวเห้ย แค่เนี้ยยยนน? ตื้นกว่าน้ำรอระบาย