ถึงแม้ว่าเดือนนี้จะมีพาเหรดหนังใหม่เข้าโรงชนกันสัปดาห์ละเกือบสิบเรื่อง แต่ก็ถือว่ามีหนังแนวแอ็คชั่นแฟนตาซีไม่ค่อยเยอะ (เท่าที่เห็นก็มี Pan ซึ่งเหมือนว่าจะเจ๊งไปแล้วเรียบร้อย ทั้งที่ฟอร์มโคตรยักษ์) ดังนั้น The Last Witch Hunter จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดูไม่เลวสำหรับคนที่ไม่ใช่คอหนังดราม่าหรือหนังผีสยองขวัญ
เรื่องย่อ The Last Witch Hunter
Kaulder (Vin Diesel จาก Fast & Furious) เป็นนักล่าแม่มดคนสุดท้ายที่หลงเหลือรอดจากยุคโบราณกาล เขาฆ่า Witch Queen (Julie Engelbrecht) สำเร็จแต่ก็ถูกนางสาปให้มีชีวิตอมตะเดียวดายชั่วนิจนิรันดร์
800 ปีต่อมา ณ มหานครนิวยอร์ก เพื่อนสนิทคนเดียวของ Kaulder คือผู้ช่วยหรือ Dolan ลำดับที่ 36 (Michael Caine จาก Batman) แต่หลังจาก Dolan เกษียณได้ไม่ทันพ้นวัน เขาก็ถูกสาปแช่งเหมือนตายทั้งเป็นโดยพ่อมด Belial (Ólafur Darri Ólafsson) ผู้ซึ่งปลุก Witch Queen ขึ้นมาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
Kaulder กับ Dolan ลำดับที่ 37 (Elijah Wood จาก The Lord of the Rings) จึงต้องช่วยกันตามหาและฆ่าพ่อมด Belial เพื่อล้างคำสาปให้ Dolan ภายในสองวัน โดยมีแม่มดสาวสวย Chloe (Rose Leslie จาก Game of Thrones) เข้ามาเป็นลูกทีมกระบวนการล่าแม่มดด้วยอีกคน
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ The Last Witch Hunter
The Last Witch Hunter เป็นหนังที่ต้องเข้าไปดูโดยไม่คาดหวังมาก เพราะถ้าคาดหวัง ผลออกมาคือมันจะไม่สนุกเลย อย่างเรานี่เข้าไปแบบไม่คาดหวังอะไร มันก็เลยรู้สึกว่าหนังมันก็ดูได้เพลินๆ เรื่อยๆ คือพอดูได้ ไม่ดีไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรน่าจดจำหรือชวนให้อยากดูภาคต่อ (จากฉากจบ คาดว่าหนังมีแนวโน้มจะสร้างภาคสองต่อ)
ในส่วนของนักแสดงนำ สำหรับเรา เรายังสลัดภาพ Vin Diesel จากมาดนักซิ่งไม่ค่อยได้ (แถมเรื่องนี้ เขาก็ยังขับรถสปอร์ตคันหรูอีกต่างหาก) แต่การแสดงของเขาก็ไม่ได้แย่อะไร แค่ไม่โดดเด่นหรือรู้สึกแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ที่เขาเคยเล่น ส่วนนางเอก Rose Leslie (เจ้าของวลี “You know nothing, Jon Snow.”) หน้าตาน่ารักแต่ก็ยังไม่ดึงดูดพอ แถมในเรื่องนี้ก็ดูล้นๆ ไปหน่อย
นอกจากนี้เรายังรู้สึกว่าทั้งสองคนนี้ยังเคมีไม่ค่อยเข้ากัน ยังไม่เข้าใจว่าไปสปาร์คกันได้ตอนไหน อย่างไร ได้ไง – – คือก็ไม่รู้ว่าเพราะด้วยอายุวัยหรือเปล่า แต่จริงๆ เรื่องอายุก็ไม่น่าสำคัญนาาา ไม่รู้เหมือนกัน เราอาจจะคิดไปเองคนเดียวก็ได้ เราอาจจะติดภาพ Rose Leslie ว่าเป็นเมีย Jon Snow มามากไปอะไรทำนองนั้นก็เป็นได้
ในส่วนของความบันเทิงทั่วไป เฉกเช่นที่เราเห็นกันในเทรลเลอร์ ก็คือ The Last Witch Hunter มีฉากบู๊ไม่เยอะมาก มาเยอะหน่อยเอาช่วงท้ายๆ แต่งาน Visual Effect จัดว่าผ่าน แล้วหนังก็เต็มไปด้วยความแฟนตาซีที่น่าสนใจ มีการออกแบบสังคมแม่มดด้วย อารมณ์เดียวกับ Diagon Alley กับ Hogsmeade ใน Harry Potter แต่อันนี้กลุ่มพ่อมดแม่มดจะแฝงตัวทำมาหากินอย่างสงบอยู่ในเมืองมนุษย์เลย
ช่วงแรกของเรื่องปูเรื่องโอเคเลยนะ และเก็บรายละเอียดค่อนข้างดีเลย มาเสียเอาก็ตอนที่หักมุมนี่แหละ พอหักปุ๊บ รูรั่วโหว่ช่องเบ้อเริ่มเลย คือบทสรุปยังไม่ค่อยโดน (แต่ก็เข้าใจนะว่า ถ้าไม่หักมุมเลย หนังจะง่ายไป ไม่มีอะไรให้คนดูดูจบแล้วออกมาพูดถึงเลย) แล้วอีกอย่าง การดำเนินเรื่องหรือการเล่าเรื่องก็ค่อนข้างเรื่อยๆ เฉยๆ ไม่ค่อยสนุกและชวนติดตามอย่างที่ควรจะเป็น แอบเบื่อบ้างบางช่วง โดยรวมเราจึงให้คะแนนแค่ 7/10
สิ่งที่น่าสนใจนอกเหนือจากฉากไล่ล่าฆ่าพ่อมดแม่มดร้าย ก็คงเป็นประเด็นเรื่อง “ความเป็นอมตะ” Witch Hunter ของเราผ่านโลกมาหลายยุคหลายสมัย ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยของ Napoleon, Stalin, หรือ Hitler แต่เขาก็อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ฝันร้ายถึงอดีตแทบทุกวัน เพราะคนอย่างเขามีอดีตมากเกินไป
Kaulder อยู่บนโลกมากว่า 800 ปีก็จริง แต่ก็ต้องทนดูเพื่อนหรือคนรักตาย โดยที่เขาไม่เจ็บ ไม่แก่ ไม่ตาย (เหมือน Wolverine) ซึ่งมันตามมาหลอกหลอนเขาไม่จบไม่สิ้น ปัจจุบันเขาจึงเลือกที่จะไม่มีสังคม ทั้งที่ขับรถสปอร์ตคันงามและพักอยู่อพาร์ตเมนต์สุดหรูติดวิว Central Park เขาไม่ผูกพันกับใครเลยนอกจากผู้ช่วยหรือ Dolan (ซึ่งเขาก็ผ่านมาแล้วสามสิบกว่าเจเนเรชั่น) เรียกได้ว่า ทั้งชีวิตของเขาอุทิศให้กับงานล่าแม่มด จนไม่ได้ “ใช้ชีวิต”
ในขณะที่ชีวิตอมตะเป็นสิ่งที่หลายคนถวิลหา (โดยเฉพาะสาวๆ ที่อย่างเต่งตึงและสวยเป๊ะตลอดเวลา) ชีวิตต้องคำสาปของ Kaulder มันทำให้เราเห็นว่า ชีวิตที่ไม่เจ็บ ไม่แก่ ไม่ตาย (รวมถึงชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งเงินทอง รถ บ้าน หรืองานที่มั่นคง) หรือชีวิตอมตะ มันคงไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าเราไม่ได้ใช้ชีวิต และไม่ได้อยู่กับคนที่เรารัก
The Last Witch Hunter เข้าฉาย 22 ต.ค. นี้ ในโรงภาพยนตร์
ป.ล. คะแนน 7/10 นี่รวมคะแนนพิศวาสจากหน้างานรอบสื่อด้วยนะ งานเขาจัดดี๊ดี มีเลี้ยงอาหารและเครื่องดื่ม (พิซซ่าอร่อยมาก) แถมยังมีแจกแฟ้มหน้าวิน ดีเซลอีกต่างหาก แหม่ ช่างเอาใจสุดๆ lol
97 comments