“What’s your favorite thing about Earth?”
เลื่อนแล้วเลื่อนอีกมาหลายครั้ง ปล่อยให้ติ่งน้อง Asa Butterfield (จาก Hugo, Ender’s Game, X+Y, Miss Peregrine’s Home for Peculiar Children) อย่างเรารอแล้วรอเล่ามาก็หลายเดือน ในที่สุด The Space Between Us ก็ได้ฤกษ์ฉายในไทยจริง ๆ เสียที
หน้าหนังในเทรลเลอร์ The Space Between Us อาจดูเหมือนหนังรักวัยรุ่นหรือหนังรอมคอม แต่จริง ๆ มันมีมากกว่านั้น มันคือหนัง sci-fi ที่เน้นประเด็น coming-of-age มีการผจญภัย การค้นหา อิสรภาพ มุมมองที่มีต่อโลก จนถึงพาร์ทครอบครัว
ถ้าให้พูดตรง ๆ คือ The Space Between Us มีความพยายามเป็นหนังที่มีทุกอย่าง แต่ทำได้ไม่ค่อยสุดสักอย่าง และมีช่องโหว่ที่ไม่เมคเซนส์มากมาย ดังนั้นคนดูที่อยาก enjoy กับหนังเรื่องนี้ก็ทำอะไรมากไม่ได้ นอกจาก appreciate กับปัจจุบันตามที่หนังสอน และทิ้งตรรกะ โดยเฉพาะทางวิทยาศาสตร์ ออกไปให้สิ้น

เรื่องย่อ ๆ คือ Asa Butterfield เป็น Gardner Elliot เด็กชายวัย 16 ปีที่เกิดบนดาวอังคาร แม่ของเขา Sarah (Janet Montgomery) ซึ่งเป็นหัวหน้านักบินอวกาศ เสียชีวิตขณะคลอด และอวัยวะภายใน เช่น หัวใจและกระดูก ของเขาเองก็ไม่สามารถดำรงชีวิตได้บนโลก จึงต้องเป็น Martian ตลอดมา
Gardner มีเพื่อนบนโลกที่ติดต่อทางอินเทอร์เนต ชื่อ Tulsa (Britt Robertson จาก Tomorrowland) เขาอยากกลับโลกไปพบเธอและตามหาพ่อของเขา นักวิทยาศาสตร์หญิงผู้เป็นผู้ปกครองของเขา Kendra (Carla Gugino จาก San Andreas) ช่วยพูดกับ Nathaniel Shepherd (Gary Oldman จาก The Dark Knight และ Harry Potter) ผู้ก่อตั้ง Genesis Space Technologies ให้ช่วยหาทางให้ Gardner กลับโลกได้

ช่วง Road Trip ระหว่าง Gardner กับ Tulsa และมีผู้ใหญ่วิ่งตามเนี่ย ค่อนข้างน่าเบื่อสำหรับเรา คือเข้าใจว่า Road Trip เป็นสัญลักษณ์ของการเรียนรู้และเติบโต แต่ไม่คิดว่า The Space Between Us จะเดินตามสูตรสำเร็จอย่างน่าเบื่อ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เหมือนเอาประเด็นเดิม ๆ มาเล่าใหม่ไปงั้น ๆ แบบนี้
อย่างไม่นานมานี้ เราเพิ่งดู The Road Within ไป แล้วมันคล้ายกันมาก ๆ แต่ถ้าใครที่ไม่ค่อยได้ดูหนังแนวนี้ ก็อาจจะโอเคและดู The Space Between Us ได้เพลิน ๆ แหละมั้ง โดยเฉพาะเด็ก ๆ วัยรุ่นที่อยากจะออกไปท่องโลกโดยอิสระปราศจากพ่อแม่หรือกฎเกณฑ์ใดใด

พาร์ทโรแมนติกระหว่าง Gardner กับ Tulsa นี่เราก็ไม่อิน หนังไม่ลงลึกถึงความสัมพันธ์ที่ก่อตัวบนเรื่องลวงโลก… อย่างน้อยก็เป็นเรื่องโกหกในมุมมองของนางเอกในตอนแรก… คือเราไม่เก๊ตปูมหลังนางเอกด้วยซ้ำว่าชีวิตนางเต็มไปด้วยคนหลอกลวงยังไง… แต่นั่นแหละ ช่างมัน…
อีกสาเหตุนึงที่เราไม่อินกับเคมีของ Gardner กับ Tulsa คือเราเบื่อและรำคาญ Britt Robertson เป็นการส่วนตัว (ใครเป็นแฟนคลับนาง ต้องขออภัยที่เราต้องพูดตรง ๆ) คือไม่เข้าใจว่าทำไมชอบให้นางมาเล่นเป็นเด็กไฮสคูล ตั้งแต่ Tomorrowland ละ ทั้งที่หน้าและอายุนางไปแล้ว พอนางมาเล่นเป็นเด็ก นางก็ดูมีความพยายามทำตัวให้เป็นวัยรุ่นจนแอคติ้งมันล้นเว่อร์ (เออ น่าจะเอา Chloë Moretz มารียูเนียนกับ Asa เนอะ)

หนังก็มีประเด็นเรื่องความสัมพันธ์นะ ไม่งั้นมันไม่ตั้งชื่อว่า The Space Between Us หรอก แต่คำว่า Space ณ ที่นี้ก็ไม่ได้แปลว่าอวกาศอย่างเดียว มันก็มีช่องว่างระหว่างคนสองคนในรูปแบบที่เป็นนามธรรมด้วย ซึ่งหนังก็ขยี้ตรงนี้ไม่สุดอีกนั่นแหละ ช่างมัน ดู Space จากงานภาพแต่ละช็อตเอาก็ได้
พาร์ทโรแมนติกมีความเชยมากกว่าจะเรียกว่าความคลาสสิค (แต่แอบชอบคำว่า You’ve made me human นะ) บางทีไซไฟกับโรแมนติกมันอาจจะเข้ากันยากกระมัง ไม่ต่างอะไรกับ Passengers มากนัก แต่ Passengers เขาโปรดักชั่นล้ำกว่า และดาราเบอร์ใหญ่กว่า
เช่นเดียวกับความพยายามที่จะใช้อุปมาอุปไมยหรือเล่นคำคำว่า “ใจใหญ่” หรือ “หัวใจโต” ของ Gardner ว่าเป็นทั้งอาการผิดปกติของหัวใจที่เป็นอวัยวะภายในด้วย และใจในแง่ที่เป็น courage without limits (ตามธีมสปีชของ Richard Branson เอ้ย Gary Oldman ตอนต้นเรื่องด้วย) แต่นั่นก็ไม่เสียดายเท่าพาร์ทสายใยแห่งครอบครัวที่มาอย่างบางเบา

อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่า หนังเรื่องนี้เขาเพลงเพราะและภาพสวย โปรดักชั่นโดยภาพรวมก็ดี ถึงแม้จะมีขัดใจบ้างในบางจุด เช่น เราไม่เข้าใจว่าทำไมแล็ปท็อปที่ใช้ในห้องเรียนโคตรไฮเทคล้ำเลิศ แต่กระดานที่อยู่หลังอาจารย์คนสอนยังเป็นกระดานไวท์บอร์ดดั้งเดิมที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เป็นต้น (เอาเหอะ ช่างมัน)
เราพยายามมองข้ามจุดบกพร่องของหนังและหาความสวยงาม รวมถึงประเด็นที่หนังต้องการจะสื่อ เราพยายามเติบโตไปพร้อมกับตัวละคร Gardner และ Nathaniel โดยเฉพาะในเรื่องของ courage และ responsibleness มันจึงทำให้เรามองโลกในแง่ดีว่า อย่างน้อยหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้แย่ และคิดว่าคงมีเด็กวัยรุ่นหลายคนชอบมันมากกว่าเราอยู่ไม่น้อย รวมถึงคนที่ชอบ Passengers
หนังมันก็เฉพาะกรุ๊ปแหละเนอะ เราอาจจะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของเขา สำหรับเรา… ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้ Asa Butterfield มาเป็น Gardner Elliot เราอาจจะไม่โอเคกับหนังเรื่องนี้ไปเลยก็ได้ สำหรับเรา…ในเรื่องนี้การแสดงของ Asa Butterfield คือสิ่งที่ดีที่สุด จริง ๆ ไม่ได้อวยเล้ย (ดังนั้น ติ่ง Asa ห้ามพลาด!)
โดยสรุป คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7.5/10 (รวมคะแนนพิศวาสน้อง Asa แล้วอะไรแล้ว)
The Space Between Us เข้าฉาย 2 มีนาคม 2017 ในโรงภาพยนตร์
42 comments
Comments are closed.