เราเป็นคนหนึ่งที่ดู X-Men มาตั้งแต่เด็ก ชอบและตื่นตาตื่นใจกับมนุษย์กลายพันธุ์และพลังของพวกเขาอย่างยิ่ง ก็ติดตามดู X-Men มาครบทุกภาค ตั้งแต่…
- X-Men ภาคแรก (2000)
- X2 (2003)
- X-Men: The Last Stand (2006)
- X-Men Origins: Wolverine (2009)
- X-Men: First Class (2011)
- และ X-Men: Days of Future Past (2014) ตามลำดับ
ดังนั้น แน่นอนว่า X-Men: Apocalypse (2016) ซึ่งเป็นภาคแรกหลังจากที่ทีมงานเขาทำการรีเซตไทม์ไลน์ไปใน X-Men: Days of Future Past (2014) เป็นหนังภาคต่ออีกเรื่องหนึ่งที่เราตั้งตาตั้งตารอคอย
เรื่องย่อ X-Men: Apocalypse
ในปี 1983 หลังจาก Apocalypse (Oscar Isaac จาก Star Wars: Episode VII – The Force Awakens, Ex Machina, Inside Llewyn Davis) มนุษย์กลายพันธุ์คนแรกของโลกฟื้นคืนชีพจากสภาพมัมมี่ เขาก็มีความคิดจะทำลายล้างและครอบครองโลกใหม่อีกครั้ง
Apocalypse รวบรวมจตุรอาชา (The Four Horsemen) มาเป็นลูกสมุน ได้แก่ Storm (Alexandra Shipp จาก Straight Outta Compton), Psylocke (Olivia Munn จาก Magic Mike), Angel (Ben Hardy), และ Erik Lensherr หรือ Magneto (Michael Fassbender จาก Steve Jobs)
ทีมของ Professor Charles Xavier (James McAvoy จาก Wanted) แห่ง School for Gifted Children นำโดย Raven หรือ Mystique (Jennifer Lawrence จาก The Hunger Games, Silver Linings Playbook, Joy), Hank McCoy หรือ Beast (Nicholas Hoult จาก Warm Bodies, Mad Max: Fury Road, Equals), และซีไอเอ Moira Mactaggert (Rose Byrne จาก Neighbors) พยายามไปหยุดแผนการชั่วร้ายของ Apocalypse และโน้มน้าวให้ Magneto กลับใจอีกครั้ง
ร่วมด้วยเด็ก ๆ เจนเนอเรชั่นใหม่ ได้แก่ Jean Grey (Sophie Turner หรือ Sansa Stark จาก Game of Thrones), Scott Summers หรือ Cyclops (Tye Sheridan จาก Mud, Scouts Guide to the Zombie Apocalypse), Kurt Wagner หรือ Nightcrawler (Kodi Smit-McPhee จาก Dawn of the Planet of the Apes), และ Peter Maximoff หรือ Quicksilver (Evan Peters จาก Kick-Ass)
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ X-Men: Apocalypse
Special Effect หรือ Visual Effect หรือ CGI ควรเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับต้น ๆ สำหรับหนังแอ็คชั่น หนังไซไฟ หรือหนังซูเปอร์ฮีโร่ แต่ไม่รู้ทำไมไปสะกดจิตผู้กำกับ Bryan Singer เขาหรือยังไงมิทราบ เพราะ effect ต่าง ๆ ใน X-Men: Apocalypse พังมาก
ภาพลอยอย่างเห็นได้ชัดเยอะซีนมาก โดยรวมคือไม่เนียนอย่างยิ่ง มีความเทคโนโลยียุค ’80 คือเห็นแล้วลืมไปเลยว่า X-Men เคยได้เข้าชิงออสการ์สาขา Best Achievement in Visual Effects (หรือหมดเงินไปกับค่าตัว Jennifer Lawrence หมดแล้ว?)
ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้น บอกเลยว่าบทแย่ ตัดต่อห่วย เล่าเรื่องน่าเบื่อ ดีที่ยังพอมีมุกตลกที่รับได้อยู่บ้าง แต่โดยรวมก็ยังไม่ปังพออยู่ดี มุกตลกของ Marvel ปังกว่า แต่สิ่งที่แย่กว่าหนัง Marvel เรื่องล่าสุด (Captain America: Civil War) คือการจัดการกับตัวละครที่ยั้วเยี้ยะ
X-Men: Apocalypse จัดการกับตัวละครเยอะ ๆ ไม่ได้เลย มีหลายซีนที่เราเห็นตัวละครกระทำการทั่วไปแล้วเราก็ได้แต่สงสัยว่า “มึงทำไปทำไม” / “อะไรของมึง” (ซึ่งส่วนใหญ่ดูจนจบแล้วก็ยังไม่เข้าใจ) แถมช่วงองก์แรกยังปูพื้นปูมหลังตัวละครเยอะเกินความจำเป็น โดยเฉพาะสำหรับคนดูที่รู้จักตัวละครหมดแทบทุกตัวแล้วก็จะไม่มีพลังพิเศษของตัวใหม่ตัวไหนให้ตื่นตาตื่นใจด้วยเท่าไหร่
เช่น แบคกราวนด์การมาอยู่ที่รร.นี้ของ Cyclops เนี่ย จะเล่าอีกทำไม คุ้นว่าเคยมีภาคก่อน ๆ เล่าไปแล้วไม่ใช่หรอ หรือแค่อยากขายความหล่อของ Alex Summers (Lucas Till จาก) ผู้เป็นพี่ชายของ Cyclops ต่อจากภาคเก่า ๆ อีกสักหน่อย? (แต่พอให้อภัยนะ เพราะทั้งสองพี่น้อง Summers เค้าหล่อละลาย)
แล้วตัวละครตัวใหม่ Apocalypse นี่เป็นตัวร้ายที่มีพลังล้นฟ้านะ แต่กลับมีความเวิ่นสูงมาก ใช้พลังไม่คุ้มสักนิด พอฟื้นคืนชีพปั๊บ ก็วาร์ปไปวาร์ปมา เอาแต่เก็บเด็กเข้ามาอยู่ในสังกัดจตุรอาชา (The Four Horsemen) มัวแต่เดินสายแจกจ่ายพลังพิเศษและแต่งองค์ทรงเครื่องให้เด็ก ๆ เขาอยู่นั่น โอย บอกเลยว่า เสียดายฝีมือนักแสดงอย่าง Oscar Isaac
มิหนำซ้ำจตุรอาชาแต่ละตัวก็ดู “ไร้ประโยชน์” จริงจัง เป็นตัวร้ายที่ไร้มิติและไร้พัฒนาการโดยสิ้นเชิง เช่น Angel นี่ตอนที่ได้ปีกใหม่จากบอสใหญ่นี่เล่นโชว์ฟังก์ชั่นอลังมาก แต่สุดท้ายก็ใช้ปีกวิเศษได้ไม่คุ้มเลย อารมณ์เหมือนลูกหมาได้ปีกเหล็ก ประมาณว่าใช้ปีกเหล็กแต่เอาไว้ฟันซี่กรง จบ. หรือแม้แต่ขนาด Magneto เองก็ไม่รอด เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คือสรุปแม่งเป็น mutant หรือ bipolar?
ส่วน Jennifer Lawrence ที่ว่าจ้างมาแพง (ค่าจ้างสูงขึ้นเรื่อย ๆ แปรผันตรงตาม Oscars และความฮอตของ Katnis Everdeen) ในภาคนี้ได้ซีนเยอะมาก แลดูเป็นบุคคลสำคัญพอ ๆ กับศจ. Charles Xavier และ Magneto แล้วเป็นซีนที่เป็น Raven หรือ เน้นขายหน้านางเยอะกว่าตอนแปลงร่างเป็น Mystique ตัวสีฟ้า ๆ (Rebecca Romijn ที่เคยเล่นบทนี้ในภาคแรก ๆ คงแอบน้อยใจเบา ๆ)
แต่ถ้าถามว่าหนังใช้เจ๊ Jen Law คุ้มมั้ย เราว่ายังไม่คุ้มนะ ความสามารถดูง่อยลงไปมาก โดยเฉพาะในช่วงไคลแมกซ์
จะว่าไป ถ้าไม่นับฉากโชว์ของกระจุ๋มกระจิ๋ม ฉากต่อสู้มีจริงจังแค่ 1 ซีนไคลแมกซ์ช่วงองก์สุดท้ายนะ ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า พาร์ทนี้ไม่ได้ดี ไม่ได้แย่ ดูได้เรื่อย ๆ แต่ก็ไม่น่าจดจำอะไร สิ่งเดียวที่น่าจดจำสำหรับเราคือ Jean Grey ซึ่ง Sophie Turner (หรือ Sansa Stark จาก Game of Thrones) เป็น Jean Grey ที่ดีงามมาก สวย สตรอง และเล่นดี เกิดมาก เริ่ดมาก ชนะ!
ตัวละครเด็ก ๆ อย่าง Jean Grey, Cyclops, Nightcrawler, และ Quicksilver ได้โชว์ของมากกว่ารุ่นพี่หน่อยนึง แต่ก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรมากมาย ส่วนหนึ่งอาจเพราะมันก็เป็นพลังที่เราก็รู้ ๆ กันอยู่แล้วว่าใครทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน แม้แต่ซีนของ Quicksilver ที่เขาว่าเท่และเป็นไฮไลต์ เราก็เฉย ๆ แล้ว มันเล่นไปแล้วใน X-Men: Days of Future Past (หรือแม้แต่ใน Avengers 2: Age of Ultron) เพิ่มเติมคือยาวกว่า นานกว่าเฉย ๆ ซึ่งโดยส่วนตัวเราชอบซีนของ Quicksilver ในภาคก่อนหน้ามากกว่า
โดยสรุป ในฐานะที่เป็นแฟนหนัง ดู X-Men มาทุกภาค บอกตรง ๆ เลยว่าผิดหวังกับ X-Men: Apocalypse มาก ทั้งเรื่องการตัวบท การจัดการกับตัวละครมนุษย์กลายพันธุ์อันมากมาย และกระทั่ง Visual Effect
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 6/10
เข้าฉาย 19 พ.ค. 2016 นี้ ในโรงภาพยนตร์
ป.ล. มี end credit นะ รอประมาณ 5 นาที
107 comments