ซีรีส์ Start-Up ก็จบลงไป 2 อาทิตย์แล้ว แต่เราก็ยังไม่สามารถ move on จากซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้ เราไม่ถึงกับไปเปิด Start-Up ดูซ้ำอีก เพราะระหว่างที่ซีรีส์ยังออนแอร์อยู่ เราก็ดูแต่ละ epsiode เฉลี่ยไป 2-3 รอบแล้ว แต่เราก็ฟัง Ost. วนซ้ำไปซ้ำมาทั้งวันทุกวัน โดยเฉพาะเพลง Future และเพลง Running ที่ฟังแล้วมันมีไฟ ฮึกเหิม อยากออกไปใช้ชีวิตหรือเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง
เหตุผลหลักที่เรายัง move on จาก Start-Up ไม่ได้ ก็คือ Nam Do San เพราะเราชอบคาแรกเตอร์และพัฒนาการตัวละครของ Nam Do San และชอบรูปร่างหน้าตาและการแสดงของ Nam Joo-Hyuk ตอนนี้เราก็กำลังทยอยไล่เก็บผลงานเก่าของนักแสดง-นายแบบสุดหล่อคนนี้ ตั้งแต่ นักว่ายน้ำประจำมหาวิทยาลัย Weightlifting Fairy Kim Bok-Joo (2016-2017), นักว่ายน้ำประจำโรงเรียนมัธยม Who Are You: School 2015 (2015), ณ ปัจจุบัน (22/12/2020) เราเพิ่งเริ่มดู The Light in Your Eyes (2019), และเดี๋ยวสัปดาห์หน้า ก็จะไปดู Josée (2020) ในโรงภาพยนตร์
ก่อนที่เราจะเริ่มอวย Nam Joo-Hyuk มากไปกว่านี้ เราต้องไม่ลืมที่จะพาย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นที่เราเริ่มต้นเข้าสู่วงการติ่ง นั่นก็คือ บทโปรแกรมเมอร์สุดเนิร์ด Nam Do San นั่นเอง ถึงแม้ว่า เท่าที่เห็น คนที่ดู Start-Up เกินกว่าครึ่ง จะอยู่ทีม Han Ji Pyung หรือ Kim Sun-Ho ซึ่งเป็นบทพระรองที่น่าสงสาร แต่เราก็ยังยืนหยัดอยู่ทีม Nam Do San หรือ Nam Joo-Hyuk ตั้งแต่ ep.1 จนถึง ep.16 ไม่เคยเปลี่ยนใจหรือไขว้เขว
- เราเบื่อ stereotype ที่พระเอกต้องเพอร์เฟ็กต์ หรือรวยโดยชาติกำเนิดแบบละครไทย
ในหนัง ซีรีส์ หรือกระทั่งในชีวิตจริงก็ตาม ชีวิตมันอาจจะง่ายกว่าถ้าเราเลือก Prince Charming ที่หล่อ เก่ง แสนดี เพียบพร้อมทั้งเงินทอง สปอร์ตคาร์ นาฬิกาหรู และอพาร์ตเมนต์ริมแม่น้ำสวย ๆ อย่าง Han Ji Pyung ซึ่งเราก็โอเค เพราะอย่างน้อย Ji Pyung ก็ไม่ได้เกิดมาเพียบพร้อม หากแต่สร้างทุกอย่างขึ้นมาเองเช่นกัน แต่สุดท้ายเราก็มีเหตุผลอื่น ๆ ของเรา ที่ไม่ว่ายังไง เราก็ยังรักและเทใจให้ underdog อย่าง Do San ของเรามากกว่าอยู่ดี - Nam Do San ช่วยเหลือคนอื่น ทำอะไรด้วยแพชชั่น โดยสนเรื่องเงินทองเป็นเรื่องรอง
Do San ไม่ได้มีเงินทองมากมายและยังไม่ประสบความสำเร็จพอที่จะช่วยเหลือหรืออุปการะผู้ที่ด้อยกว่าได้ แต่เขาไม่เคยลังเลที่จะใช้ความรู้-ความสามารถของเขาด้าน coding ในการช่วยเหลือผู้อื่นหรือส่วนรวม ฉากที่เราประทับใจที่สุดฉากหนึ่งก็คือ เมื่อเขารู้ว่าคุณย่าของ Seo Dal Mi กำลังจะสูญเสียการมองเห็น เขาเริ่มต้นพัฒนาแอพฯ เพื่อช่วยเหลือคุณย่าและผู้พิการทางสายตา และเขายังคงพัฒนามันอย่างต่อเนื่องหากมีฟีดแบ็กจากผู้ใช้งานตอบกลับมา โดยเขาไม่ได้ chase ความสำเร็จที่เป็นตัวเงินหรือผลกำไรเลย เขา pursue แต่ความฝันและแพชชั่นของเขา… กับของ Dal Mi ผู้หญิงที่เขารัก… ถ้า Dal Mi คิดจะทำอะไร เขาก็พร้อมสนับสนุนและบอกเธอว่า “ลองดู” ในขณะที่ Ji Pyung ได้แต่บอกว่า “อย่าทำ”, “ทำไปทำไม”, “ทำไม่ได้หรอก” ฯลฯ - Nam Do San เป็นตัวแทนของ first jobbers ที่เก่ง มีความฝัน แต่ still lost
ในวัย 20 something หรือวัยเพิ่งเรียนจบหมาด ๆ เป็นช่วงจุดเปลี่ยนของชีวิต จากวัยเรียนมาเป็นวัยทำงาน พวกเราต่างเคว้งคว้างว่าเราจะทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ หรือกับใคร ฯลฯ Do San มีความรู้ ความสามารถ และมีความฝัน แต่เขาขาดประสบการณ์, connection, ผู้ชี้นำ (mentor), และเงินทุน ยังไม่รวมที่เขาต้องถูกกดดันโดยพ่อแม่หรือแบกรับความคาดหวังของพ่อแม่ไว้ด้วยอีก เหมือนกับคนส่วนใหญ่ในวัยเดียวกัน รวมถึงตัวเราเองในอายุประมาณนั้น จึงไม่แปลกเลย ที่เราจะรู้สึก relate กับเขาได้ขนาดนี้ และนึกย้อนอยากมีคนอย่างเขาอยู่ข้าง ๆ เป็นเพื่อนคู่คิด ช่วยกันทำ เดินไปด้วยกัน ซัพพอร์ตกัน และเป็นปีกให้กันและกัน - เขาชัดเจนในความรู้สึกที่เขามีต่อ Seo Dal Mi
ฉากจบ ep.3-4 โดยประมาณ คุณย่าถาม Ji Pyung ว่าชอบ Dal Mi หรือเปล่า พร้อม ๆ กับที่เพื่อน ๆ ของ Do San ก็ถาม Do San ว่า ชอบ Dal Mi ใช่ไหม ในขณะที่ Ji Pyung ปฏิเสธ Do San ทำท่าคิดเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มรับว่า ใช่ เขาชอบผู้หญิงคนนี้ และตั้งแต่นั้นมา ไม่มีวันไหนที่เขาไม่ชัดเจนกับความรู้สึกนั้น เขาตั้งใจเปลี่ยนตัวเองเพื่อ Dal Mi, สานความฝันและเป็นความฝันให้เธอ, ปกป้องและดูแลเธอ, ที่สำคัญ ทันทีที่เขาได้อ่านจดหมายของ Dal Mi จบ เขาวิ่งออกไปหา Dal Mi ที่งานปาร์ตี้ทันทีอย่างไม่ลังเล ในขณะที่ Ji Pyung ผู้ที่ได้อ่านจดหมายนั้นมาตั้งแต่ 15 ปีที่แล้ว เขาไม่เคยมาหาเธอ เขาไม่เคยทำอะไรเลย
โดยสรุป เราอยู่ทีม Do San เพราะเรารู้สึกว่าเขาจับต้องได้ มีความเป็นมนุษย์ และเรารู้สึก relate กับเขาในหลาย ๆ เรื่อง (ที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เป็นส่วนใหญ่ ๆ เท่านั้น) ส่วนความดีของเขา ความสามารถของเขา รวมถึงความรักความเอาใจใส่ที่เขามีต่อคนรอบข้าง ถือเป็นโบนัสอันล้ำค่า ถ้าในโลกแห่งความเป็นจริง มีคนอย่างเขาเยอะ ๆ โลกก็คงน่าอยู่ขึ้นมาก เราอยากให้มีคนอย่างเขาอยู่ในชีวิตเรา ในฐานะใดก็ได้ ไม่ต้องคนรักก็ได้ ขอแค่เราได้อยู่ในวงโคจรของเขาก็ยังดี