ก่อนหน้านี้หนังซูเปอร์ฮีโร่ของ DC ได้รับกระแสตอบรับที่ค่อนไปในเชิงลบจากนักวิจารณ์และผู้ชมบางกลุ่มเป็นจำนวนมาก ช่วงหลังมานี้ DC จึงพยายามแก้เกมอย่างหนักมาตั้งแต่ Wonder Woman ซึ่งผู้กำกับหญิงแกร่ง Patty Jenkins ก็ช่วยกอบกู้หน้าให้แก่ค่ายได้อย่างฉลุย ทำให้ตอนนี้ค่ายเร่งผลิตภาคสองต่อมาแล้ว แถม Patty Jenkins ยังได้ขึ้นค่าตัวจนไม่น้อยหน้าผู้กำกับชายคนอื่น ๆ อีกด้วย และอีกหนึ่งผู้กำกับความหวังใหม่ที่จะมาช่วยกู้หน้าให้ DC คือ James Wan (จาก The Conjuring, Fast & Furious 7) ผู้มารับหน้าที่กำกับหนังเดี่ยวภาคแรกของเจ้าสมุทร Aquaman
ก่อนหน้านี้เราเคยเจอ Aquaman หรือ Arthur Curry (Jason Momoa จาก Game of Thrones) มาก่อนแล้วใน Dawn of Justice และ Justice League ก็ได้เห็นลักษณะนิสัยและสกิลของเขาพอหอมปากหอมคอ แต่ยังไม่ได้รู้จักปูมหลังของเขามากนัก ดังนั้นในหนังเดี่ยวของเขานี้ เราจะได้ไปรู้จักกับเขาตั้งแต่ พ่อของเขา Tom Curry (Temuera Morrison จาก Star Wars) ซึ่งเป็นคนเฝ้าประภาคาร ได้พบรักกับ Atlanna (Nicole Kidman จาก The Hours) ราชินีแห่งแอตแลนติส
แต่หนังปูเรื่องต้นกำเนิดและชีวิตวัยเด็กของเขาอย่างรวบรัด น่ารัก และรวดเร็ว ประเด็นหลัก ๆ ของหนังภาคนี้จะเน้นเล่าตอนที่ Arthur โตมากแล้ว และอาจารย์ของเขา Vulko (Willem Dafoe จาก Spider-Man) ส่งเจ้าหญิง Mera (Amber Heard อดีตภรรยา Johnny Depp ที่เพิ่งเป็นข่าวเมื่อปีก่อน) มาตามตัวเขาไปทวงชิงบัลลังก์จาก King Orm (Patrick Wilson จาก The Conjuring) น้องชายต่างพ่อของเขา ซึ่งกำลังจะประกาศสงครามกับโลกมนุษย์ โดยหนทางหนึ่งที่จะทวงบัลลังก์กลับมาได้ นั่นคือ พวกเขาต้องไปตามหาตรีศูลในตำนานที่หายไป
Aquaman เป็นหนังชิงบัลลังก์ที่แอ็คชั่นมันสะใจและตลกมากกว่าน้ำเน่า ถึงแม้จะมีประเด็นชิงบัลลังก์ ศึกสายเลือด ตามล่าหาสมบัติ เจ้าชายเลือดผสม หรือการเหยียดเลือดสีโคลน แต่เราก็ยัง enjoy ทุกฉาก โดยเฉพาะฉากใต้น้ำที่รังสรรค์มาสวยงามอลังการเหนือจินตนาการ คุ้มค่าราคาตั๋ว IMAX 3D ในหนังมีฉากแอ็คชั่นเยอะมาก คุ้มจุใจแน่นอน แล้วต้องบอกว่า นอกจาก James Wan จะกำกับหนังผีได้น่ากลัวแล้ว ยังกำกับหนังบู๊ได้สนุกมาก ๆ อีกด้วย
Jason Momoa เหมาะสมกับบท Aquaman ที่สุด นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าจะมีใครเหมาะไปกว่าเขา คู่ต่อสู้ของพระเอกก็ค่อนข้างสมน้ำสมเนื้อ ทั้ง Aquaman vs. King Orm หรือ Aquaman vs. Black Manta (Yahya Abdul-Mateen II จาก Baywatch) แล้วไหนจะมีฉากสู้กับ Atlantis Stormtroopers อีกประปราย
จริง ๆ หนังค่อนข้างมีอะไรเล่าเยอะ และวาร์ปไปวาร์ปมาหลายที่ แต่ด้วยสกิลอันแกร่งกล้าของผู้กำกับมือฉมัง โดยเฉพาะคิวบู๊ต่าง ๆ และการตัดต่อที่ยอดเยี่ยม หนังจึงออกมาสนุกมาก ดำเนินเรื่องกระชับตัดไว ไม่รู้สึกเวิ่นเว้อหรือน่าเบื่อเลยทั้งที่หนังถือว่ายาวเลยแหละ โดยรวมเป็นหนังที่ตอบโจทย์ความบันเทิงครบรสอย่างแท้จริง ถ้าจะให้นิยามสั้น ๆ ก็คงบอกแค่คำเดียวว่า “สนุกมากกกกก…” มันสนุกมากจริง แต่ถามว่ายอดเยี่ยมเพอร์เฟ็กต์ถึงขึ้นขึ้นหิ้งในดวงใจหรือไม่นั้น อันนี้ก็คงยังไม่ขนาดนั้นนะ
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 8.5/10
74 comments
Comments are closed.