Bumblebee เป็นหนังภาคแรกในแฟรนไชส์ Transformers ที่ไม่ได้กำกับโดย Michael Bay (เขามาขึ้นแท่นโปรดิวซ์แทน) ผู้กำกับเรื่องนี้คือ Travis Knight (จาก Kubo and the Two Strings) หนังเรื่องนี้จึงค่อนข้างสดใหม่และแตกต่างจาก TF ทั้ง 5 ภาคที่เคยมีมา ซึ่งสำหรับเรา เราคิดว่าหนัง Bumblebee เป็นอะไรที่แฟรนไชส์นี้ควรจะเป็นมาตั้งแต่ 11 ปีที่แล้วแล้วด้วยซ้ำ
Bumblebee เกิดก่อน TF ภาคแรก หรือก่อนที่ Bumblebee จะเป็นรถ Camero และมาเป็นคู่หูกับ Sam Witwicky (Shia LaBeouf) โดยเล่าเรื่องราวตั้งแต่ปี 1987 ซึ่งเป็นปีที่ Bumblebee (ให้เสียงโดย Dylan O’Brien จาก The Maze Runner) ลี้ภัยสงครามจากดาวบ้านเกิด มาปักหลักที่โลกครั้งแรก ยังเป็นรถเต่าสีเหลืองผุ ๆ พัง ๆ ซ่อนอยู่ในอู่แห่งหนึ่ง
เด็กสาววัย 18 ปี Charlie Watson (Hailee Steinfeld จาก Pitch Perfect 2) ซึ่งกำลังอยากได้รถประจำตัว เช่นเดียวกับ Sam Witwicky ใน TF ภาคแรก ได้มาพบกับรถเต่าคันนี้ และเอากลับโรงรถที่บ้านตัวเอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเด็กสาวชาวโลกและหุ่นยนต์เอเลี่ยนจากต่างดาว
แต่ทีนี้ Bumblebee ถูก Decepticons สองตัว ตามล่าด้วย (ให้เสียงโดย Justin Theroux จาก The Girl on the Train และ Angela Bassett จาก Olympus Has Fallen – ใช่ค่ะ…ในที่สุดก็มีหุ่นยนต์เอเลี่ยนเป็นผู้หญิง~) โดย Decepticons ไปลวงเหล่าทหารมนุษย์ นำโดย Jack Burns (John Cena จาก Blockers) ให้เป็นพันธมิตรและช่วยตามหา Bumblebee หรือ B-127
หนังเรื่องนี้ฉลาดกว่า TF ก่อนหน้านี้ตรงที่ ใส่ใจกับพล็อตมากขึ้น บทไม่เบาโหวงหรือกลวง ตัวละคร (อย่างน้อยก็ฝั่งตัวละครเอก) มีมิติและมีความเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจมากขึ้น ซึ่ง Hailee Steinfeld ก็แสดงได้ดีเกินคาดมาก (จนสงสารน้อง BNK ที่มาพากย์เสียงไทยเป็นเธอ) ทุกฉากที่เป็นซีนของมนุษย์หรือที่เป็นเกี่ยวกับเธอล้วนมีพลังดึงดูดและยกระดับแฟรนไชส์ขึ้นมาอีก (ก่อนหน้านี้เราเคยคิดว่า ฮอลลีวู้ดจะดันอะไรเด็กคนนี้นักหนา แต่วันนี้… เราได้ยอมรับแล้วว่าเด็กคนนี้มีความสามารถจริง)
ส่วนฉากแอ็คชั่นก็ไม่ได้ทิ้ง มีพอหอมปากหอมคอ มีไม่ได้มากมายแต่ทว่ามีคุณภาพ หุ่นยนต์หรือทหารไม่ได้มาตีกันยั้วเยี้ยะพร้อมกับระเบิดตูมตามจนคนดูเวียนหัวอย่างที่แล้วมา แม้แต่ Optimus Prime (Peter Cullen เจ้าเดิม) ก็ออกมาเพียงหยุมหยิม หรือเรียกว่าแทบไม่ได้ออกมาเลย เราต้องลุ้นกันเองว่า Bumblebee กับ Charlie จะรอดจาก battle นั้น ๆ ไปได้อย่างไร (ปกติจะลุ้นน้อยกว่านี้ เพราะเชื่อว่า สุดท้ายเดี๋ยวตัวจี๊ดพี่ใหญ่เบอร์ Prime จะกระโดดเข้ามาช่วยอยู่ดี)
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์และเคมีระหว่าง Bumblebee และ Charlie จะดีมาก ๆ อย่างที่ Shia LaBeouf และ Mark Wahlberg ยังไม่สามารถทำได้ขนาดนี้ แต่ความสัมพันธ์ระหว่าง Charlie กับคนรอบข้าง เช่น ครอบครัวของเธอ หรือ Memo (Jorge Lendeborg Jr. จาก Love, Simon) ยังผิวเผินไปบ้างเสียหน่อย แต่โดยรวมก็ไม่ได้แย่ เพราะตัวละครเหล่านี้ล้วนเป็นสีสันที่เติมเต็มความเป็นหนังแฟมิลี่ให้หนังเรื่องนี้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Bumblebee เป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ที่น่าจะถูกใจไม่ใช่แค่กับคนดูหนังเพื่อความบันเทิงทั่วไป หากแต่ยังถูกใจคอหนังกลุ่มอื่น ๆ รวมถึงหนังวิจารณ์ด้วย คือ บรรยากาศและกลิ่นอายของยุค ‘8o โดยเฉพาะเรื่องเพลงหรือวงดนตรี ที่ถูกใส่มาในหนังอย่างลงตัว ทำให้ Bumblebee เป็นหนัง TF ที่ซอฟต์ขึ้นกว่าที่เคย
โดยสรุป Bumblebee ลดความวินาศสันตะโรและฉากแอ็คชั่นลง แล้วไปเพิ่มพาร์ทความเป็นมนุษย์มากขึ้น ซึ่งโดยส่วนตัว เราเองก็ชอบ Bumblebee มากกว่า TF แทบทุกภาค คะแนนตามความชอบส่วนตัว 8/10
ป.ล. ไม่จำเป็นต้องเคยดู TF มาก่อน ก็ดู Bumblebee ได้เลย อารมณ์มันเหมือนเป็นหนังเดี่ยวของ Bumblebee จากจักรวาล Michael Bay เช่นเดียวกับที่ Aquaman เป็นหนังเดี่ยวของ Aquaman จากจักรวาล DC อย่างไรอย่างนั้น
48 comments
Comments are closed.