เราต่างเคยเห็นภาพที่คุณผู้ชายเลื่อนเก้าอี้และเปิดประตูให้คุณผู้หญิงกันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสำหรับเรา เราก็มองว่าเป็นหนึ่งในความเจนท์ที่เป็นสากลและยังอยู่ในขอบข่ายที่เหมาะสมพอดีพองาม แต่เทรนด์หนึ่งที่เห็นกันเกร่อในบ้านเราและเรารู้สึกว่ามันเป็นการเทคแคร์หรือประคบประหงมผู้หญิงจนโอเวอร์ไปหน่อยคือ เทรนด์คุณผู้ชายถือกระเป๋าให้คุณแฟน
โดยส่วนตัว ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนๆ จะให้ผู้ชายของตนถือของให้ เพราะความขี้เกียจ หรือเพราะอยากให้คนอื่นอิจฉาเล่น หรือจะเพราะเหตุผลใดๆ ก็ตาม เราก็พอมีเหตุผลเล็กๆ น้อยๆ ที่อยากจะสนับสนุนให้ผู้หญิงอย่างเราๆ ถือกระเป๋าของเราด้วยตัวเราเอง!
1. ถือออกจากบ้านมาเองได้ อยู่นอกบ้านเธอก็ต้องถือเองได้สิ!
ก่อนจะออกจากบ้านในแต่ละวันๆ เราทุกคนคงเลือกแล้วว่าวันนี้จะใช้กระเป๋าใบไหน เช่น วันไหนของน้อยก็ใช้แค่ใบ Alma หรือ Speedy แต่ถ้าวันไหนที่ต้องหอบสมบัติไปเยอะก็ใช้ Tote อย่าง Longchamp เป็นต้น
นอกจากเลือกทรงและไซส์กระเป๋าแล้ว เราก็ต้องรู้ตัวเองว่าวันนี้จะต้องยัดอะไรใส่ลงไปในกระเป๋าบ้าง อาจจะพิจารณาตามความจำเป็น เช่น อันไหนจำเป็นต้องใช้วันนี้ก็ใส่ลงไป อันไหนไม่จำเป็นต้องใช้วันนี้ก็เอาออกมา หรืออาจจะพิจารณาตามกิจกรรมในวันนั้นๆ เช่น วันนี้จะไปแค่นั่งทำงานในร้านกาแฟ ก็ทิ้งกระเป๋าเครื่องสำอางใบใหญ่ครบเซตไว้ที่บ้าน ไม่ต้องหอบไป
โตๆ กันแล้ว ของก็ของของเราเองทั้งนั้น ซื้อมาเอง เลือกหอบออกมาจากบ้านเอง และตัวเองก็ไม่ได้ง่อย พิการ หรือทุพพลภาพด้วย เราก็ต้องสามารถรับผิดชอบของของเราเองได้ (เออ มือเท้าก็มี ถือกระเป๋าเองก็ได้!)
ดูจาก Queen B หรือ Blair Waldorf เซเลบคนสวยจากซีรีส์ดัง Gossip Girl เป็นตัวอย่างก็ได้ นางเริ่ด มีความเป็น Queen ยิ่งกว่าผู้หญิงธรรมดาอย่างเราๆ หลายเท่า แต่นางยังถือกระเป๋าเองทุกใบ ไม่มีผู้ชายหน้าไหนใน NYC จะได้รับสิทธิพิเศษในการถือกระเป๋าหรูหราราคาแพงของนาง แม้กระทั่ง Chuck Bass เองก็เถอะ
2. ดีไซเนอร์ออกแบบกระเป๋ามา มีเจตนาชัดเจน ที่จะให้ผู้หญิงซื้อ และให้ผู้หญิงถือ
กระเป๋าแต่ละใบของเราเป็นกระเป๋าที่ดีไซน์มาสำหรับสุภาพสตรี ทั้ง texture, color, และ shape ใช่หรือไม่ เพราะกระเป๋าทุกใบมันคือแฟชั่น! มันคือสไตล์! กระเป๋าแต่ละสีแต่ละแบบก็มีคาแรกเตอร์แตกต่างกันไป แต่ไม่ว่าจะใบไหนก็ล้วนแต่เสริมลุคหรือแสดงตัวตนกับรสนิยมของผู้ถือทั้งนั้น
ผู้หญิงที่เป็น smart woman ทั่วไป (ไม่ใช่แค่ girl ต้อยๆ) ก็คงคิดแล้วคิดอีกก่อนออกจากบ้านเช่นกันว่า วันนี้ใส่เสื้อผ้าสีนี้ กระเป๋าใบไหนถึงแมตช์กับชุดนะ หรือวันนี้จะไปงานนี้ จะหนีบ Clutch ใบไหนไปด้วยดีนะ พูดง่ายๆ เวลาผู้หญิงเราจะถือกระเป๋าก้าวออกจากบ้าน เราต้องเลือกแล้วว่ามันเข้ากะชุด หมวก รองเท้า หรือเข็มขัด ที่ใส่ในวันนั้นๆ
ลองย้อนขึ้นไปดูตัวอย่าง Queen B หรือ Blair Waldorf อีกสักหน่อย จะเห็นว่าสีกระเป๋าที่นางถือช่างเข้ากับชุดยิ่งนัก หรือรูปด้านล่าง จะเห็นว่า ฝ่าย Serena van der Woodsen ก็เช่นเดียวกัน กระเป๋าทุกใบของนางช่วยเสริมบุคลิกเรียบหรูของนาง ให้เจิดจรัสและเป๊ะเว่อร์ยิ่งขึ้น 10! 10! 10!
ถ้ามิกซ์แอนด์แมตช์เป็นหรือคุมโทนดีๆ เรารับรองว่ากระเป๋าใบหนึ่งจะช่วยเสกสาวๆ ให้ดูดีมีระดับขึ้นได้จริงๆ ลองดูนะคะ
3. ข้างในกระเป๋าคือสมบัติส่วนตัวของเราทั้งนั้น
นอกจากเป็นแฟชั่นหรือเป็นสไตล์ของเจ้าของแล้ว คุณสมบัติหลักๆ ของกระเป๋าก็คือ… แน่นอน… คือมีไว้ใส่ของ!
อย่างที่กล่าวไปแล้วในข้อแรก เราเป็นคนเลือกของรักของหวงที่สำคัญหรือจำเป็นติดกระเป๋าออกมาเองใช่หรือไม่ ไม่ว่าจะกระเป๋าตังค์ ไอโฟน ไอพอด ไอแพด ตลับแป้ง ลิปสติก ทิชชู่ หนังสือ ฯลฯ มันคือของของเราทั้งสิ้น
นอกจากนี้ มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่เวลาโทรศัพท์เราดังแต่ละที ไลน์เด้งแต่ละครั้ง หรือจะซับหน้ามันแต่ละครา ต้องหันไปบอกให้คุณผู้ชายช่วยล้วงออกมาให้หน่อย (ดีไม่ดี อาจควักเจอผ้าอนามัยเป็นชิ้นแรก)
เราคิดว่า กระเป๋าแค่ใบเดียว ข้างในมีของของเรามากมายจิปาถะ เราควรถือเอง หยิบใช้เอง มันดูน่าอุ่นใจและสบายใจกว่าเยอะ ตราบใดที่ไม่ได้แบกบ้านทั้งบ้านหรือแบกก้อนหินหลังบ้านใส่กระเป๋าออกมาด้วย ก็ไม่ต้องลำบากให้คุณผู้ชายเขาถือให้ก็ได้ ผู้ชายน่ะ แค่ให้เขามีหน้าที่คอยระวังหน้าระวังหลังไม่ให้ใครมาฉกชิงวิ่งราวของของเรา แค่นี้เขาก็ภูมิใจแล้ว
(แต่ถ้าในกรณีที่ระหว่างวันเราเผลอไปช้อปปิ้งหรือได้ถุงได้ของอื่นๆ ติดมือเพิ่มมาพะรุงพะรังมากมาย จะไปออดอ้อนให้ผู้ชายช่วยถือบ้างไรบ้าง ก็พอจะหยวนๆ ได้อยู่)
4. การถือกระเป๋าให้ไม่ใช่การแสดงความรักเสมอไป
เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องนานาจิตตัง บางคนอาจมองว่ามันก็เป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่ง หรือเป็นการแสดงความเอาใจใส่ บลาๆๆ แต่สำหรับเรา (ขีดเส้นใต้ ความเห็นส่วนตัว ขีดเส้นใต้) เรามองว่า ถ้าสาวๆ จะต้องให้หนุ่มๆ ของตัวเองมาคอยถือกระเป๋าเดินตามต้อยๆ ตลอดเวลา มันค่อนข้างจะ “ดูเยอะ” เกินไปเสียหน่อย
เราเชื่อว่า การถือกระเป๋าให้มันไม่ได้ดูแมนหรือดูน่ารักซะทีเดียว ไม่เชื่อลองนึกภาพผู้ชายหน้าเข้มๆ หิ้วกระเป๋า Prada สีชมพูใบมินิเดินอยู่ในห้างฯ ดูสิ ดูตุ๊ดมากกว่าดูแมนหรือเปล่า โอเค คุณอาจตอบว่าไม่… โอเค คุณอาจมองว่าน่ารักดีออก แต่บางทีนั่นอาจดูดีแค่ในสายตาคุณคนเดียวก็ได้
ถ้าอยากให้เขาแสดงความรัก แสดงความเอาอกเอาใจ หรือทำอะไรหวานๆให้ เราคิดว่า มันน่าจะยังมีวิธีอื่นๆ อีกร้อยแปดพันเก้า กระเป๋ามันไม่ได้พิสูจน์อะไรขนาดนั้นหรอกเนาะ
ที่สำคัญ ถ้าเขาไม่ถือกระเป๋าให้เราตามที่เราต้องการ ก็ไม่ต้องไปงอแง งอน หรืองุ้งงิ้งง้องแง้งใส่เขา มันไร้สาระ จำไว้ว่า ต่อให้ผู้ชายเขาจะยอมถือกระเป๋าให้เราตลอด มันก็ไม่ได้ยืนยันว่าเขารักเราแท้จริงนิรันดรเสมอไป ในขณะเดียวกัน ผู้ชายที่เขาไม่สปอยล์เราเลย อาจจะเป็นผู้ชายที่รักและดีกับเรามากที่สุดรองจากพ่อก็ได้ ใครจะรู้
5. ผู้หญิงไม่ใช่เพศที่อ่อนแอ อาจจะเรี่ยวแรงน้อยกว่าชายอกสามศอก แต่ก็เป็นคน ไม่ใช่ปรสิต
คิดง่ายๆ ว่า วันนึงวันหน้า สักวันเราก็ต้องอุ้มลูกอุ้มท้องให้สามีใช่มั้ย หนักกว่าอุ้มกระเป๋านี้เยอะเลยเนอะ ดังนั้นแค่กระเป๋าใบเดียวเอง เราต้องมีปัญญาถือเองได้ พยายามเข้า ฮึบ!
ถึงแม้บางครั้งฝ่ายชายจะเป็นคนเสนอตัวช่วยถือกระเป๋าให้เราเองก็ตาม ชะนีไทยใจหาญอย่างเราก็ไม่ควรถูกสปอยล์จนเสียนิสัย ทั้งนี้ เรามีความคิดเสมอมาว่า ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ผู้หญิงควรพยายามทำด้วยตัวเองให้ได้และให้ชิน เพราะเรื่องอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน วันนึงเราอาจจะเลิกกับแฟนคนนี้แล้วหาแฟนใหม่ไม่ได้ไปทั้งชีวิต หรือวันนึงแฟนเราอาจจะล้มหายตามจากไปก่อนเรา (ไม่ได้แช่งนะ พูดตามสัจธรรมเฉยๆ) เราจะได้มั่นใจว่าถ้ามันถึงวันนั้นขึ้นมาจริงๆ เราจะสามารถยืนหยัดอยู่ด้วยลำแข้งของเราได้
คิดซะว่า อย่างน้อยเรารักแฟน ก็อย่าให้แฟนต้องเหนื่อยหนักหรือลำบากแทนเรากับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย ลองมาเริ่มต้นทำอะไรด้วยตัวเองดูบ้าง เริ่มง่ายๆ จากการถือกระเป๋านี่แหละ เบสิคสุดละ เชื่อสิ นี่หวังดี
6. มันคือส่วนหนึ่งของความเท่าเทียมทางเพศ
จริงๆ เรื่องความเท่าเทียมทางเพศ (Gender Equality) ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงสักทีเดียว แต่เราแค่อยากโยงและพูดเสริมเป็นการส่วนตัว เพราะทุกวันนี้เห็นมีมนุษย์ป้าหลายคนชอบโวยวายเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมอยู่หลายกรณี เช่น “ทีผู้ชายยังทำได้ แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้ล่ะ!” (หาได้ทั่วไปในเว็บกระทิปพันทู้) ทั้งๆ ที่ตัวเองยังทำตัวเป็นแม่ปูนิ่มสนิมสร้อย (บางคนมารยาร้อยเล่มเกวียน น่าตบมากๆ)
ปูนิ่มคือ ชะนีที่ก่นด่าผู้ชาย ว่าทำตัวไม่เป็นสุภาพบุรุษ เทคแคร์ปรนนิบัติบริการไม่ดี
ปูนิ่มคือ ชะนีที่งุ้งงิ้งง้องแง้งให้ผู้ชายคอยทำนี่นั่นโน่นให้ ไม่งั้นจะงอน เหวี่ยง วีน ประชด หรือชวนหาเรื่องทะเลาะ (ดีไม่ดีพาลบอกเลิก)
มันถูกต้องแล้วหรือ ถ้าเราจะทำตัวอ่อนแอ บอบบาง น่าทะนุถนอม เพียงเพื่อให้เขาถือของให้เรา ในขณะที่บางทีตัวเราเองก็ยกเอาประเด็นความเท่าเทียมทางเพศมาอ้าง เพื่อผลประโยชน์ ความสบาย หรือการเอาเปรียบเพศชายบ้างอยู่เรื่อยๆ
พี่น้องคะ (เออ จู่ๆ ก็เพื่อชีวิต…) ในขณะที่ผู้หญิงหลายคนทั่วโลกกำลังต่อสู้เรียกร้องเพื่อสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมทางเพศเพื่อสตรีเพศกันอย่างแข็งขัน เราจะยืนหยัดให้ผู้ชายผดุงกระเป๋าของเราให้ได้ต่อไปกระนั้นหรือคะ (ณ ที่นี้ กระเป๋าเป็นเพียง symbolic นะ นี่ยังหมายรวมถึงเรื่องอื่นๆ ด้วยอีก)
คิดดูดีๆ
เราควรทำความเข้าใจเรื่อง “ความเอาใจกับความเอาแต่ใจ” แยกแยะให้ออกระหว่าง “ความรักกับความเห็นแก่ตัว” และที่สำคัญ
ตีโจทย์ให้แตกเรื่องความเท่าเทียม
เพราะคนที่เป็น strong woman จริงๆ (ไม่ใช่แค่ girl ง่อยๆ) เขาย่อมต้องการความเท่าเทียมที่แท้จริง หาใช่ต้องการการถูกปฏิบัติเยี่ยงคนพิการไม่.
หมายเหตุ
บทความในบล็อกนี้ เราคัดลอกดัดแปลงมาจากบทความที่ “เราเขียนเอง” และเคยพับบลิชไว้ใน thorfun.com (ชื่อบทความว่า [โสดมีระดับ] ทำไมผู้ชายต้องถือกระเป๋าให้ผู้หญิง) ตั้งแต่เมื่อ ก.ค. 2013
และเราค้นพบว่า ทีมงาน theAsianparent.com ได้เอาบทความเดิมดังกล่าวของเราไปใช้ โดยเอาทั้งความคิดและสำนวนภาษาจากต้นฉบับของเราไปแก้ไขดัดแปลงแบบซื่อๆ ตรงๆ (ชนิดที่เด็กประถมมาอ่านยังแยกแยะออกว่าก๊อปปี้ของเรามาชัดๆ) และที่สำคัญ… ใส่เครดิตเป็นชื่อตัวเองหน้าตาเฉย และจงใจไม่ให้เครดิตเรา
ผู้อ่านทุกท่านสามารถตามไปพิจารณาได้ว่า เขาลอกบทความของเราจริงหรือไม่ ที่ลิงค์ “5 เหตุผลที่ผู้ชายไม่ควรถือกระเป๋าให้ผู้หญิง!” ค่ะ สวัสดี.
39 comments
บทความ Strong มั่กๆ Wonder Woman มาเอง