ตามทีได้แจ้งไว้ในบล็อก Catching Fire: Film vs. Book (Part 1) ว่า ความแตกต่างระหว่างหนังกับหนังสือของ Catching Fire มีมากมายหลายประเด็นมาก ทั้งจุดที่แตกต่างกัน ทั้งจุดที่ในหนังไม่บอก หรือจุดที่หนังบอกไม่เคลียร์ ฯลฯ เราจึงจำเป็นต้องแบ่งบล็อก “ความแตกต่างระหว่างหนังกับหนังสือ Catching Fire” ออกเป็น 2 บล็อก ตามนี้…
- Part 1 (คือบล็อกก่อนหน้า) เขียนเฉพาะช่วงก่อนที่ Katniss จะรู้ว่าตัวเองต้องกลับไปแข่ง The Hunger Games อีกรอบ
- Part 2 (คือบล็อกนี้) เขียนถึงเรื่องราวหลังจากที่ Katniss เดินทางไปแข่ง The Hunger Games ครั้งที่ 75
ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเคยดูหนังมาแล้วหรือไม่ก็ตาม ก่อนจะอ่าน Catching Fire: Film vs. Book (Part 2) นี้ เราแนะนำให้อ่านบล็อก The Hunger Games: Film vs. Book และ Catching Fire: Film vs. Book (Part 1) ของเราก่อน ตามลำดับ
1. Preparation for the Quarter Quell
-
หลังจาก President Snow ประกาศเปิดเทศกาล The Hunger Games ครั้งที่ 75 หรือ The Quarter Quell ครั้งที่ 3 มีกติกาพิเศษว่า ปีนี้จะจับฉลากสุ่ม Tributes ของแต่ละเขตจากเหล่า Victors ที่ยังมีชีวิตอยู่ของเขตนั้น ๆ ในหนังสือเราจะเห็นว่า Katniss กับ Haymitch ดื่มและเมาเละด้วยกันทั้งคู่ จน Peeta ต้องเทเหล้าของ Haymitch ทิ้งหมดบ้าน และไปสั่ง Ripper ไม่ให้ขายเหล้าให้ Haymitch หรือ Katniss อีกโดยเด็ดขาด
-
ในหนังสือ เราจะเห็นว่า Peeta ฟิตมาก จริงจังกับการเตรียมพร้อมกับเกมอย่างมืออาชีพ ให้ทุกคน (ตัวเอง, Katniss, และ Haymitch) เพิ่มน้ำหนัก ออกกำลังกายทุกเช้า และฝึกซ้อมการต่อสู้ทุกบ่าย
-
Katniss สอนทั้งสองหนุ่มปีนต้นไม้ ทุกคนรอบตัว Katniss ต่างก็มีส่วนช่วยด้วยหมดเลย แม่ของ Katniss จัดอาหารพิเศษเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้ทุกคน Prim ก็คอยช่วยรักษาเวลามีใครเจ็บปวดกล้ามเนื้อจากการฟิตร่างกาย Madge ก็แอบขโมยหนังสือพิมพ์ Capitol จากห้องทำงานของพ่อมาให้พวก Katniss อ่าน แม้แต่ Gale ที่หมั่นไส้ขี้หน้า Peeta ยังมาสอน Peeta กับ Haymitch ทำกับดักล่าเหยื่อด้วย
-
นอกจากนี้ Effie ได้ส่งเทปบันทึกการแข่งขันของปีเก่า ๆ จาก Capitol มาให้ทั้งสามด้วย โดยคัดเฉพาะเทปที่ Victors ปีนั้น ๆ ยังมีชีวิตอยู่ (เหลือ 59 คน จาก 74 ปี) ส่วนใหญ่เป็น Tributes จาก District 1, 2, และ 4 ซึ่งเป็นกลุ่ม Careers ทั้งสามก็ไล่ดูเทป พร้อมทำ Short Notes อย่างละเอียด เพื่อเรียนรู้ว่า Victors แต่ละคนเป็นยังไง สู้แบบไหน และชนะได้อย่างไร
2. FINNICK & DISTRICT 4
-
ในหนังบอกแค่ว่า Finnick Odair จาก District 4 เป็น Victor ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เขาชนะการแข่งขันทั้งที่อายุแค่ 14 ปี แต่ในหนังสือบรรยายด้วยว่า ด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา Finnick เป็นขวัญใจมหาชน ได้รับอาหารและหยูกยาจากสปอนเซอร์ไม่ขาด รวมถึงของขวัญที่ทำให้เขาชนะเกมในปีนั้นได้ในที่สุด นั่นก็คือ ฉมวกสามง่าม (Trident) อาวุธที่เขาคุ้นเคยมาตั้งแต่เกิด ซึ่งถือเป็นของขวัญสปอนเซอร์ที่ราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว
-
ในหนังสือบอกว่า หลังจาก Finnick เป็น Victor เขาก็ไม่เคยหาผลประโยชน์กับบรรดาแฟนคลับ เขาดื้อรั้น ปลีกตัว และไม่เคยกลับมาเหยียบการแข่งขันปีต่อ ๆ มาอีกเลย
-
ป้า Mags หญิงชราจาก District 4 แชมป์ที่อายุ 80 แล้ว เป็นเมนเทอร์ของ Finnick (เหมือนที่ Haymitch เป็นพี่เลี้ยงของ Katniss กับ Peeta) และเป็นโรคความดันโลหิตสูง-เส้นเลือดในสมองแตก แต่เหตุผลที่ Katniss ตัดสินใจเอาป้า Mags เข้าร่วมทีม เพราะเธอชอบที่ Mags อาสามาแทน Annie Cresta คนรักของ Finnick เช่นเดียวกับที่ Katniss อาสามาแทน Prim
-
ในหนังสือเล่าด้วยว่า Annie เป็นแชมป์เมื่อ 5 ปีก่อน เป็นปีที่มีแผ่นดินไหวทั้งประเทศ แผ่นดินไหวทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ใน Arena และแน่นอน Annie ซึ่งมาจาก District 4 เป็น Tribute ที่ว่ายน้ำแข็งที่สุด เธอจึงชนะเกมในปีนั้นในที่สุด (ส่วน Tribute ฝ่ายชายที่มาจากเขต 4 ด้วยกันกับ Annie ตายก่อนจะเกิดแผ่นดินไหว) แต่เนื่องจากเธอต้องเห็นเพื่อนร่วมเขตถูกตัดหัวตายคาที่ต่อหน้าต่อตา เธอจึงมีอาการทางประสาทและเป็นโรคฮิสทีเรียแต่นั้นมา
-
Katniss แทบไม่เคยรู้จัก Annie มาก่อนเลย เพราะในปีนั้น ตอนเกิดแผ่นดินไหว เหมืองในเขต 12 ก็ถล่มเช่นกัน ทำให้พ่อของ Katniss เสียชีวิต เธอจึงไม่มีเวลามาสนใจข่าวสารเกี่ยวกับเกมบ้า ๆ นี้
3. THE Training
-
วันแรกของการ Training มีแต่ Tributes ลงมาฝึกซ้อมเลท กล่าวคือ เขานัดเทรนสิบโมง แต่ตอนสิบโมง มี Tributes ที่มาถึงแล้วแค่สิบคน (ไม่ถึงครึ่งเลย) ต่างจากปีแรกที่ Tributes ต่างมาลงสนามกันเป็นครั้งแรก ทุกคนกระตือรือล้นลงมาเทรนกันก่อนเวลา ขนาด Peeta กับ Katniss ไปถึง Training Center ตรงเวลาเป๊ะ ๆ พวกเขายังไปถึงเป็นคู่สุดท้ายเลย
-
ในหนังสือเล่าว่า Katniss เพิ่งได้ตกผลึกตอนนี้ว่า ข้อเสียเปรียบของ District 12 คือ นอกจากความรู้ในห้องเรียน เด็ก ๆ ที่ถูกจับเป็น Tributes แทบไม่มีทักษะใด ๆ เลย พวกเขาได้เรียนรู้ทักษะการเอาตัวรอดจริง ๆ ช้าเกินไป ถึงแม้เขต 12 จะเป็นเขตถ่านหิน แต่คนที่จะไปทำงานในเหมืองได้ก็ต้องอายุ 18 ปีบริบูรณ์แล้วเท่านั้น (ระบบ Reaping จับฉลากเลือก Tributes จากกลุ่มเด็กอายุ 12-18 ปี) ในขณะที่ใน District อื่น ๆ คนเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานในเขตตัวเองมาตั้งแต่เด็ก เช่น Finnick เขต 4 (เขตประมง) ใช้ฉมวกทำประมงมาแต่เล็ก หรือ Johanna เขต 7 (เขตป่าไม้) ก็ใช้ขวานเป็นก่อนจะคลานเป็นเสียอีก
-
อย่างที่พอจะทราบจากในหนังกัน Katniss รู้เรื่องสนามแม่เหล็กตั้งแต่ Training เพราะ Beetee กับ Wiress บอก แต่พอมาอยู่ในสนามจริง Katniss จำเป็นต้องโกหก Peeta กับ Finnick ไปว่า หูข้างที่เสียของเธอได้ยินมัน (หนังไม่ได้กล่าวถึงเลยว่า หูข้างซ้ายของ Katniss เสียตั้งแต่เกมปีที่แล้ว ตอนที่เธอไประเบิดเสบียงของพวก Careers (แต่ก็ได้รับการรักษาโดยหมอของ Capitol แล้วแหละ)) สาเหตุที่เธอต้องโกหกก็เพราะกลัวว่า Gamemakers จะแอบดักฟังบทสนทนาของพวกเธออยู่ แล้วจะเปลี่ยนแปลงกลสนามแม่เหล็กถ้าพวกเขารู้ว่าเธอทันเกม
-
ส่วนฉาก Katniss ซ้อมยิงธนูใน Training Center นั้น ในหนังสือบรรยายว่า Tax ซึ่งเป็นเทรนเนอร์ประจำฐานนั้น ปล่อยนกปลอมให้ออกมาบินเป็นเป้าให้ Katniss ยิง เพราะเห็นว่าเป้านิ่งมันน่าเบื่อเกินไปสำหรับ Katniss แต่ในหนัง ทำฐานนี้แบบล้ำสุด ๆ ไปเลยให้ Katniss มาโชว์สกิลอย่างเว่อร์ สงสัยหนังกลัวว่าเป้านกปลอมแบบในหนังสือจะน่าเบื่อเกินไปสำหรับคนดู เลยทำเป้ายิงแบบดิจิทัลไฮเทคให้ Katniss ยิงกันไปเลยดีกว่า
4. The Alliance
-
Johanna และ Tributes แทบทุกคนตั้งฉายา (เชิงล้อเลียน) ให้ Wiress กับ Beetee สองเนิร์ดจาก District 3 ว่า Nuts กับ Volts ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เนิร์ดอย่าง Beetee ชนะการแข่งขันในปีของเขาจากการทำกับดักไฟฟ้าด้วยลวดโลหะ (Wire) เพียงเส้นเดียว ส่วน Wiress ก็มีเซนส์ เธอมักมีสัญชาตญาณหยั่งรู้ล่วงหน้าก่อนคนอื่น เหมือนนก Canary ของ District 12 ที่ถูกเลี้ยงไว้ในเหมืองถ่านหิน นกประเภทนี้จะร้องเพลงตลอดเวลา ถ้ามันหยุดร้องและตายเมื่อไร เป็นสัญญาณว่าอากาศในเหมืองเริ่มไม่ดีละ คนต้องรีบอพยพออกไป
-
ในสนาม ในหนังสือ. Johanna บอกว่า Haymitch หลอกเธอว่า Katniss บอกว่า ถ้าอยากร่วมทีมกับ Katniss ล่ะก็ Johanna ต้องพา Beetee กับ Wiress มาหา Katniss ด้วย (ตอน Johanna บอกมาอย่างนั้น Katniss ก็งงนะว่ากูไปพูดตอนไหน แต่ก็เออออตามน้ำไป)
-
อีกอย่างที่อยากจะบ่นคือ เจ๊ Johanna ที่เราเห็นถอดเสื้อผ้าในลิฟต์ต่อหน้าคนอื่น ในหนังสือ นางแก้ผ้าบ่อยมาก แม้แต่ตอนอยู่ใน Training Center ก็ยังจะเปลือย สงสัยนางจะเมายาจริง ๆ
-
ใน Training Center นอกจากป้า Mags จะสอน Katniss ทำเบ็ดตกปลาอย่างที่เราเห็นในหนังแล้ว Finnick ยังสอน Katniss ใช้ฉมวกด้วย แลกกับ Katniss สอนการยิงธนูเบื้องต้นให้ ในหนังสือบรรยายด้วยว่าตอนนั้น Katniss ก็เริ่มสัมผัสได้ว่า Finnick ก็เป็นคนดีและเริ่มชอบเขาขึ้นมานิด ๆ
-
จุดสำคัญอีกจุดคือ ถ้าจำกันได้ ทีมแคตนิสจะมีไอเท็มสีทองเป็นสัญลักษณ์ของทีมกันคนละชิ้น หนังอาจจะไม่ได้บอกละเอียดอย่างในหนังสือว่า กำไลสีทอง (gold bangle) ที่เป็นไอเท็มของ Haymitch และ Finnick ใส่มาในสนามแข่งนั้น Haymitch ตั้งใจให้ Finnick เอามาใส่เอง เพื่อเป็นสัญญาณและเป็นคำสั่งกลาย ๆ กับ Katniss ว่า “ต้องเชื่อใจ Finnick”
5. The Private Session
-
ใน Private Session ที่แต่ละ Tribute มีเวลา 15 นาที ในการแสดงทักษะความสามารถส่วนตัวให้เหล่า Gamemakers ดู เราเห็นในหนังแค่ว่า ขณะที่ Peeta กำลังออกจากห้อง Katniss เดินสวนเข้าไป แต่ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกัน แล้ว Katniss ก็ได้เห็นภาพวาดของ Rue ที่ Peeta วาดบนพื้นห้องแบบเต็มตา ทำให้เธอเกิด inspiration ทำ Dummy ของ Seneca Crane (Head Gamemaker คนเก่า) บ้าง ในขณะที่ในหนังสือแตกต่างออกไป Katniss ต้องรอกว่า 40 นาทีกว่าจะถูกเรียกให้เข้าไป เพราะทีมงานต้องเช็ดล้างผลงานจิตรกรรมของ Peeta เป็นอยู่นาน
-
ในหนังสือ ตอน Katniss เดินเข้าไป เธอไม่ได้เห็นผลงานของ Peeta หลงเหลือแต่กลิ่นน้ำยาล้างเตะจมูกและมีเสื่อผืนใหญ่ปูอยู่ที่กลางห้อง พวก Gamemakers ก็ดูสีหน้าหงุดหงิดผิดปกติ ทำให้ Katniss เชื่อว่า Peeta ต้องทำอะไรให้พวกเขาโกรธแน่ ๆ แล้ว Katniss ก็ไม่อยากให้พวกเขาไม่ชอบ Peeta เธอจึงตัดสินใจทำหุ่น Serena Crane แขวนคอ และบอกว่ามาโชว์ “my new knot-typing skills” เพื่อดึงให้ Gamemakers หันมาโกรธเกลียดเธอแทน และเป็นการบอกเป็นนัย ๆ ให้พวกเขาเห็นด้วยว่า เธอเป็นมากกว่าเครื่องมือในเกมบ้า ๆ นี้ของพวกเขา ผลคือ Katniss ได้สร้างประวัติศาสตร์แห่ง Private Session โดยการได้ศูนย์คะแนนถ้วน เป็นคนแรกของการแข่งขัน The Hunger Games
6. The Wedding Dress
-
ในหนังสือ Cinna ออกแบบชุดแต่งงานของ Katniss ไว้ถึงสองโหล แต่ชุดที่สุดท้าย Katniss ต้องใส่ คือชุดที่ชนะเสียงโหวตจากชาว Capitol ทั้งเมือง จากที่ Katniss บรรยายในหนังสือ ชุดแต่งงานที่ Katniss ใส่ขึ้นเวทีรายการสัมภาษณ์ น่าจะไม่สวยอลังการแบบในหนังมากนัก แม้แต่ Finnick กับ Johanna ยังอี๊เลย แต่ Katniss ก็ต้องใส่ชุดนั้น เพราะเป็นชุดที่ชนะการโหวต และ President Snow ก็ยืนกรานให้ใส่
-
ส่วนชุดเดรสที่เปลี่ยนเป็น Mockingjay หลังการหมุนตัว ชุดในหนังสือเหมือนจะมีปีกสีขาว ไม่ใช่สีดำทะมึนปนเทาเข้มทั้งตัวแบบในหนัง โดยในหนังสือ Katniss ช่วยออกแบบชุดนี้ด้วย และ Cinna ทำให้ชุดเป็นสีดำถ่าน และตัดเย็บจากขนนกเล็ก ๆ จนกลายเป็นนก Mockingjay โดยสมบูรณ์ (จนส่งผลให้ Cinna ถูกสั่งเก็บต่อหน้าต่อตา Katniss ก่อนเข้าสู่สนามแข่งขัน)
7. The Cornucopia & Salt Water
-
ปีนี้ Gamemakers ออกแบบจุดปล่อยตัวให้ล้อมรอบไปด้วยน้ำ เพราะเขาต้องการจะสื่ออย่างมีนัยยะว่า “This is no place for a girl on fire.“
-
หลังจากขึ้นไปบน Arena แล้ว ภาพแรกที่ทุก ๆ tributes เห็นหลังปล่อยตัวคือ ตัวเองกำลังอยู่ท่ามกลางแหล่งน้ำเค็มขนาดใหญ่ และต้องว่ายน้ำประมาณ 20-40 เมตรเพื่อข้ามไปเกาะอันเป็นที่ตั้งของ The Cornucopia เพื่อเอาอาวุธและเสบียงอีกที
-
เข็มขัดที่ติดมากับชุดของ Tributes ทุกคน มีคุณสมบัติเป็นทุ่นลอยน้ำได้ คล้ายๆ โฟม ที่ช่วยให้ไม่จม แต่ต้องถีบตัวไปข้างหน้าเอง โดย Beetee ฉลาดเป็นคนแรก ๆ ที่ค้นพบคุณสมบัตินี้ของเข็มขัด
-
ถ้าเอาตามในหนังสือ มีแต่ Tributes จาก Districts ที่มีแหล่งน้ำจริง ๆ เท่านั้นที่ว่ายน้ำเป็น เช่น ที่ District 4 ประชากรทุกคนว่ายน้ำแข็ง เพราะอยู่กับทะเลมาแต่เกิด แม้แต่ป้า Mags ถึงแม้จะแก่แล้ว แต่ป้าก็ว่ายน้ำมาทั้งชีวิต 80 ปี จึงยังพอค่อย ๆ ตะเกียกตะกายว่ายไปเรื่อย ๆ ได้อยู่ นอกนั้น Tributes ส่วนใหญ่ต้องว่ายน้ำไม่เป็น เพราะหลาย ๆ เขตไม่มีแหล่งน้ำให้ฝึกว่ายน้ำ ใน Training Center ก็ไม่มีสระว่ายน้ำ
-
แต่อย่างที่บอกในบล็อกก่อนหน้า Katniss พอว่ายเป็นอยู่บ้างเพราะเคยไปว่ายในทะเลสาบลับที่พ่อค้นพบในเขต 12 มาตั้งแต่ยังเด็ก (Finnick ถึงกับงงและถามว่า “Where did you learn that in District 12?“)
-
-
ความยากอีกอย่างคือ ปกติ The Cornucopia ต้องมีทั้งอาวุธและเสบียง แต่ปีนี้กลับมีแต่อาวุธ ไม่มีเสบียงใดใด แม้แต่น้ำดื่ม
-
ตอนแรกที่พวกเธอได้ก๊อกน้ำ (spile / tap) มาจาก Haymitch ผู้ปราดเปรื่อง ทุกคนไม่ได้เห็นปุ๊บแล้วอ๋อปั๊บเหมือนในหนัง เพราะไม่มีใครรู้จักก๊อกแบบนี้เลย ต้องใช้เวลาและความพยายามอยู่นานกว่าจะนึกได้ว่ามันใช้ทำอะไร โดย Katniss มานึกได้ เพราะเคยเห็นพ่อใช้ตอนไปล่าสัตว์
-
อย่างที่เราได้เห็นในหนัง สนามปีนี้เต็มไปด้วยสนามแม่เหล็ก (Force Field) เมื่อ Katniss ยิง Rat Tree มาได้พวกเธอไม่ก่อกองไฟ เพราะอันตรายเกินไป พวกเธอทำอาหารให้สุกโดยการย่างสัตว์ให้เกรียมด้วยสนามแม่เหล็ก (เป็นไอเดียของ Peeta)
-
-
ในหนังสือ ขณะที่ Katniss กับ Finnick กำลังโกยอาวุธและพยายามจัดการกับพวก Careers ที่กำลังกระเสือกกระสนว่ายน้ำมาที่ The Cornucopia อยู่นั้น Peeta ก็ยังคงยืนอยู่ที่ plate ปล่อยตัวเพราะว่ายน้ำไม่เป็น Katniss จะกลับไปช่วย Peeta แต่ Finnick อาสาไปช่วยเองและย้ำกับ Katniss ด้วยว่าแกท้องอยู่นะ (ในหนัง เรื่องที่ Katniss ท้องแทบจะอันตรธานหายไปเลยตลอดเรื่อง ประหนึ่ง Peeta ไม่เคยใช้มุก Katniss ท้องมาก่อน แต่ในหนังสือ Finnick จะช่วยดึงสติย้ำเรื่องท้องอยู่เรื่อย ๆ)
8. The Sacrifice
-
หมอกพิษไม่ได้มีผลทำให้ผิวหนังไหม้พุพองเท่านั้น แต่ยังทำลายระบบประสาทให้หลอนหรือเบลอด้วย ฉากนี้ในหนังสือ Peeta ล้มตั้งแต่แรก ๆ ที่เริ่มวิ่ง (เพราะในหนังสือเขาใส่ขาเทียม) Finnick ช่วยแบกเขา และให้ Katniss ช่วยแบก Mags แทนเขา
-
ตอนแรก Katniss แอบใจวูบนิดนึง เพราะจริง ๆ Katniss ในหนังสือเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ไม่ได้สูงใหญ่อย่าง Jennifer Lawrence และเธอก็แบก Mags ไปได้ไม่เท่าไหร่ก็พากันล้ม เธอจึงถาม Finnick ว่าแบกทั้ง Peeta และ Mags ไปก่อนได้มั้ย แต่ Finnick แบกทั้งสองคนไม่ไหวเพราะแขนเขาก็เจ็บอยู่ด้วย
-
ฉากที่ต้องเลือกว่า Finnick จะแบกใคร ในหนังสือนี้ Finnick เป็นคนหันไปพูดกับ Mags ทั้งน้ำตาเองว่า “I’m sorry, Mags. I can’t do it.” แล้วป้า Mags ก็จูบ Finnick ก่อนจะเดินเข้าไปหาพงหมอกพิษนั้นเอง โดยที่ Finnick ไม่ได้ฟูมฟายร้องห้าม Mags เหมือนในหนัง หันไปเดินหน้าต่อก่อน Katniss ด้วยซ้ำ ประหนึ่งเขากับ Mags ตกลงกันไว้ก่อนหน้าแล้วว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้น ให้เลือกช่วยชีวิต Katniss กับ Peeta ก่อนเสมอ
-
แผลจากหมอกพิษ ถึงแม้จุ่มน้ำแล้วจะดีขึ้น ไม่แสบไม่เจ็บ แต่ก็คันคะเยอเอาเรื่อง Haymitch จึงส่งสปอนเซอร์มาให้อีกอัน เป็นยาแก้คัน และยังได้สปอนเซอร์อีกอัน เป็นขนมปังจาก District 4 (พิจารณาจากสาหร่าย (seaweed) ที่โรยอยู่บนขนมปัง)
-
ส่วนฉากที่ Tribute จาก District 6 ที่เมามอร์ฟีน สละชีวิตพุ่งออกมาช่วย Peeta จากฝูงลิง จนตัวเองถูกขย้ำตายซะเองนั้น ในหนังสือมีเวลาให้ร่ำลากันก่อนตายมากกว่าในหนัง ร่ำลานานขนาดที่ Peeta เล่าเรื่องให้เธอฟังก่อนสิ้นลมหายใจได้
-
ในหนังสือ เราจะเห็นความสัมพันธ์ระหว่าง Peeta กับ the morphlings อย่างชัดเจนกว่าในหนังด้วยว่า พวกเขาเริ่มคุ้นเคยกันตั้งแต่ในช่วง Training ในฐานการอำพรางตัว (The Camouflage Station)
-
-
Katniss เริ่มค่อย ๆ สังเกตว่า ทุกคนพยายามช่วยชีวิต Peeta ก่อนชีวิตของตัวเอง เช่น Finnick ที่ว่ายน้ำไปรับ Peeta, ช่วยปั๊มหัวใจและผายปอดให้ Peeta หลังถูกสนามแม่เหล็กช็อต, และยังเลือกช่วย Peeta จากหอกของ Brutas จนตัวเองขาบาดเจ็บจากคมมีดของ Enobaria, แม้แต่ morphling ก็ยอมถูกลิงขย้ำแทน Peeta, ป้า Mags ก็สละชีพเข้าไปในหมอกพิษ เพื่อให้ Finnick เหลือ Peeta เป็นภาระให้แบกเพียงคนเดียว, และยังจะ Johanna อีกคนที่รั้งให้ Peeta อยู่ที่ชายหาด (เพราะเธอรู้ดีว่าในป่าอันตรายกว่าที่ชายหาด) แทนที่จะปล่อย Peeta ไปหาน้ำดื่มในป่ากับ Katniss และ Finnick
-
Katniss ประมวลผลได้ว่า Peeta คือบุคคลสำคัญที่ควรเหลือรอดหากมีการปฏิวัติเกิดขึ้น เพราะ Peeta มีคุณสมบัติที่คนอื่นไม่มี เป็นพรสวรรค์ของคนที่ควรจะเป็นผู้นำพึงมี นั่นก็คือ Peeta สามารถโน้มน้าวคนอื่นด้วยคำพูดไม่กี่คำ ขนาดประชาชนใน Capitol ก็ยังเชื่อเขา เขาเป็นขวัญใจประชาชน คำพูดของเขาจะเป็นพลังขับเคลื่อนมวลชน และพลิกสถานการณ์ทั้งประเทศได้แม้เพียงด้วยประโยคง่าย ๆ เท่านั้น
9. Tick, Tok
-
เผื่อใครตามไม่ทันในหนัง ตอนที่ Katniss ไขปริศนา Tick, tock ได้ เรามาทบทวนพร้อมกันตามในหนังสือ สรุปง่าย ๆ คือ ใน Arena ซึ่งเป็นโดมลักษณะกลม ๆ ถูกแบ่งเป็น 12 section เหมือนนาฬิกา และแต่ละชั่วโมงจะเกิดมหันตภัยขึ้นในแต่ละ section ตามลำดับเข็มนาฬิกา ดังนี้
- 12-1 lightning
- 1-2 blood rain
- 2-3 fog
- 3-4 monkey
- 4-5 Jabberjay
- 6-7 beast
- 7-8, 8-9, 9-10 unknown
- 10-11 wave
- 11-12 insect
-
เนื่องจากทุกอย่างมันเริ่มต้นที่ midnight ทำให้ Katniss นึกถึงคำพูดของ Plutach Haevensbee ที่บอกเธอในคืนเต้นรำว่า “It starts at midnight.” ซึ่งเธอมั่นใจว่านั่นต้องเป็นคำใบ้เกี่ยวกับ arena นี้แน่ ๆ (Plutach ยอมรับในตอนจบว่า เขาตั้งใจใบ้กับ Katniss ตอนเต้นรำจริง ๆ แต่ตอนนั้นใบ้ด้วยคิดว่า Katniss จะได้เป็น mentor ให้ tribute คนใหม่ของเขต คือตอนที่พูดนั้น เขาก็ยังไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่า Katniss จะต้องกลับมาเป็น tribute เองอีกครั้ง แผนนั้นมันเกิดมาทีหลังอีกที)
10. Jabberjays
-
ขณะที่ Katniss กับ Finnick ไปหาน้ำดื่มในป่า Katniss ได้ยินเสียง Prim ร้องเรียกให้ช่วย ซึ่งตามที่ในหนังเฉลย มันคือเสียงของนก Jabberjay แต่ Katniss ในหนังสือฉลาดไวกว่า Katniss ในหนัง เธอระลึกได้ว่านั่นไม่ใช่เสียงของน้องสาว เธอจึงยิงธนูฝังไปที่คอนกเจ้าปัญหาตายคาที่ แต่ Finnick เสียสติเมื่อได้ยินเสียง Annie เขาเชื่อว่าแฟนต้องถูกจับมาทรมานก่อนนกจึงไปจำเสียงร้องของเธอมาร้องแบบนี้ได้ พอ Finnick เริ่มสงบ นกก็เลียนเสียง Gale ขึ้นมาอีกจน Katniss สติหลุด สรุปคือ Katniss กับ Finnick ผลัดกันปลอบ ผลัดกันสติหลุด จนในที่สุดทั้งคู่ยอมแพ้ และตระหนักได้ว่าตัวเองอยู่ใน section ที่มี Jabberjay เป็นอาวุธทำลาย tributes ที่ไม่มีใครทำอะไรได้ นอกจากอดทนรอจนกว่าจะหมดชั่วโมงนั้นไป
-
ภายหลัง Beetee ได้อธิบายว่า พวก Gamemakers ไม่จำเป็นต้องจับ Prim, Annie, หรือ Gale มาทรมานอย่างที่ Katniss กับ Finnick กังวล เพราะมันสามารถเอาเสียงของพวกเขาจากตอนสัมภาษณ์หรือตอนใดมาดัดแปลงเอาได้ไม่ยาก เป็นเทคนิคง่าย ๆ ที่ District 3 ของ Beetee สอนในโรงเรียนตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว (แหม แอบขิง) นอกจากนี้ Peeta ช่วยเสริมความมั่นใจให้ Katniss อีกด้วยว่า Prim เป็นขวัญใจของชาว Capitol แม้แต่ President Snow ก็ไม่กล้าทำอะไรกับเธอหรอก (แต่เหมือนว่าในหนัง จะเป็น Johanna ที่บอกประโยคนี้ ไม่ใช่ Peeta)
11. The RESCUE
-
ในหนังสือ ทีมของ Katniss ได้รับขนมปังโรลจำนวนมากตลอด รอบแรกเป็นสปอนเซอร์จาก District 3 ซึ่ง Finnick ตั้งใจนับจำนวนขนมปังอย่างมาก ตอนนั้น Katniss ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม Finnick ต้องจดจ่อและซีเรียสขนาดนั้นกับการแบ่งขนมปัง โดยรอบแรก Finnick นับขนมปังได้ 24 โรล รอบสองกับรอบสามก็ยัง 24 โรล จาก District 3 เหมือนเดิม แต่รอบสามนี้มี spicy red sauce พิเศษเพิ่มเติมมาด้วย ต่อมา หนังสือเฉลยว่า ขนมปังพวกนี้เป็นรหัสลับบอกวันเวลาว่าพวก Haymitch จะมาช่วยเมื่อไหร่ (ขนมปังจาก District 3 คือวัน แปลว่าจะมาวันที่ 3 ส่วนจำนวนโรลคือชั่วโมง คือ 24)
-
ฉากสุดท้ายคือฉากบนยานหลัง Katniss ฟื้น ในหนังสือบอกละเอียดกว่าในหนัง แต่รวม ๆ ก็ไม่ต่างกันมาก โดยสรุปคร่าว ๆ คือ มีการวางแผนจะพาตัว Katniss ออกจาก Arena มาแต่แรกอยู่แล้ว คนที่ร่วมมือมี District 3, 4, 6, 7, 8 และ 11 ส่วน Plutach ก็เป็นสมาชิกกบฏใต้ดินอย่างลับ ๆ มาหลายปีแล้ว และตั้งใจใส่ให้มี wire ไปวางไว้ในเกมเองแต่ต้น ส่วน Beetee ก็ได้รับคำสั่งจาก Plutach ว่าให้ทำให้สนามนี้มีช่องโหว่ โดยทั้ง Peeta และ Katniss ต่างก็ไม่รู้แผนนี้ ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย
12. Remember who the enemy is
-
ในหนังสือ Beetee ให้ Katniss กับ Johanna เป็นคนลาก wire ไปหย่อนน้ำ เพราะทั้งสองเดินป่าไวที่สุดในบรรดาทุกคน และ Peeta ไม่ให้ตามไป ด้วยเหตุผลอ้างว่า Peeta ช้าเพราะใส่ขาเทียม แต่เนื่องจากในหนัง Peeta ขาปกติดี จึงใช้ข้ออ้างแบบในหนังสือไม่ได้ Beetee ต้องอ้างว่าต้องการอย่างน้อยสองคนคอยปกป้องเขาจากพวก Careers แทน
-
ตอนที่ถูกตัดสายไฟในหนังสือ Johanna ทำกับ Katniss เหมือนในหนัง แต่เพิ่มเติมคือ เอาเลือดละเลงหน้า Katniss ด้วย พอ Brutas กับ Enobaria วิ่งมาถึงตัวเธอ ไม่มีใครสนใจ Katniss เพราะเห็นว่าอยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย แล้ววิ่งตาม Johanna ไปแทน
-
Katniss วิ่งกลับมาที่ต้นไม้ พบว่า Peeta ไม่อยู่แล้ว เหลือแต่ Beetee นอนหมดสติอยู่ ในหนัง Katniss จะมีฉากพูดกับ Finnick โดยลำพัง แต่ในหนังสือ Finnick โผล่กลับมาพร้อมกับ Enobaria (ผู้หญิงที่ตอนแรกอยู่กับ Brutas) และ Katniss ก็ซ่อนตัวไม่ให้ Finnick เห็น แล้วเล็งธนูไปที่ทั้งคู่
-
ส่วนคำพูดว่า “Remember who the enemy is,” ที่ Finnick พูดในหนังเพื่อเตือนสติ Katniss นั้น ในหนังสือ Finnick ไม่ได้พูดเลย แต่ Katniss ระลึกขึ้นมาได้เอง ประโยคนี้เป็นประโยคแนะนำคำสุดท้ายที่ Haymitch พูดไว้ก่อนเธอถูกส่งมาที่นี่
READ MORE:
42 comments