Chappie หนังหุ่นยนต์เรื่องล่าสุด ที่เห็น trailer และ poster ตอนแรกแล้วนึกว่าเป็นภาคต่อของ Real Steel เพราะเห็นเป็นหนังเกี่ยวกับหุ่นยนต์และมีหน้าของพระเอก Hugh Jackman เป็นจุดขาย แต่จริงๆ แล้ว Chappie ไม่ใช่ภาคต่อของหนังเรื่องไหนทั้งสิ้น หากแต่เป็นหนังโรบอต AI ที่มีพล็อตเรื่องเหมือน Real Steel + Pacific Rim + Big Hero 6 + Transcendence + Lucy (หรืออาจบวกอีกหลายๆ เรื่องที่เรายังนึกไม่ออก ณ ตอนนี้)
เรื่องย่อ Chappie
Michelle (Sigourney Weaver จาก Aliens, Avatar) เป็น CEO ของบริษัทผลิตอาวุธรายใหญ่แห่ง Johannesburg ที่ผลิต “หุ่นยนต์ตำรวจ” ส่งขายสำนักงานตำรวจ หุ่นยนต์ดังกล่าวคิดค้นโดย Deon (Dev Patel จาก Slumdog Millionaire) วิศวกรหนุ่มอัจฉริยะ ที่มีความมุ่งมั่นว่าวันหนึ่งจะผลิตหุ่นยนต์ที่มีความคิดและความรู้สึกได้แบบมนุษย์
ความสำเร็จของ Deon สร้างความอิจฉาริษยาแก่ Vincent (Hugh Jackman จาก X-Men, The Prestige, Les Misérables, Real Steel) วิศวกรรุ่นใหญ่ในออฟฟิศ อดีตนายทหารเก่า เพราะเขาก็สร้างหุ่นยนต์จำพวกเดียวกัน แต่เป็นแบบที่ต้องมีมนุษย์ควบคุมสั่งการจากจอมอนิเตอร์และมีรูปร่างใหญ่โตอัปลักษณ์ หุ่นยนต์ Moose ของเขาจึงไม่เป็นที่ต้องการและขายไม่ได้
หุ่นยนต์ตำรวจทำให้อาชญากร กุ๊ย และพวกโจรซ่องสุมทั้งหลายทำมาหากินลำบากขึ้น แก๊งโจรพังค์ อันประกอบด้วยหัวหน้าแก๊ง Ninja (Ninja), Yo-Landi (Yo-Landi Visser) แฟนสาว, และ Amerika ลูกสมุน (Jose Pablo Cantillo) จึงไปลักพาตัว Deon มา และยึดหุ่นยนต์ Chappie (Sharlto Copley จาก District 9, Elysium, Maleficent) ที่ Deon เพิ่งตั้งโปรแกรมใหม่ไป เพื่อจะฝึกให้เป็นหุ่นยนต์ประจำกองโจร
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ Chappie
Chappie ไม่ใช่หนังหุ่นยนต์ไอเดียใหม่เอี่ยมอ่อง แม้แต่ Deon ก็ยังมีความละม้ายคล้ายกับ Tadashi ใน Big Hero 6 เพียงแต่คนละสัญชาติ แก่นตอนท้ายของหนังก็เหมือนเอา Transcendence กับ Lucy มาล้อใหม่ หรือหุ่นยนต์ที่ใช้คนบังคับของ Vincent ก็เหมือนๆ กับคอนเซ็ปต์หุ่นกระป๋องของ Real Steel กับ Pacific Rim
ประเด็นที่ Chappie เอามาเล่นให้ดูดีกว่าหนังที่อ้างอิงมาข้างต้น ก็เห็นจะเป็นประเด็นดราม่าเรื่องครอบครัว หรือการเลี้ยงลูก ที่อยู่ในช่วงกลางเรื่องอันแสนจะเวิ่นเว้อ โดยหนังพยายามสื่อว่า การที่เด็กคนนึงจะโตไปเป็นคนยังไงนั้นก็ขึ้นอยู่กับพ่อแม่ การเลี้ยงดูอบรมสั่งสอน และสภาพแวดล้อมที่เขาเติบโต
เจ้าหุ่นยนต์ Chappie ก็เปรียบเสมือนผ้าขาว ถูกสั่งสอน เป่าหู หรือล้างสมองยังไง มันก็เชื่อมันก็ฟัง หรือเวลาได้ยินได้เห็นคนรอบข้างเขาพูดหรือทำอะไร มันก็ทำตามอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ สิ่งเดียวที่ Chappie ต่างจากเด็กเกิดใหม่ก็ตรงที่มันอัจฉริยะและมีพัฒนาการสูงกว่ามนุษย์เด็กหลายเท่า ก็เท่านั้น (อย่าง Chappie เกิดมา 5 วัน ก็เขียนโค้ดได้ละ ถ้าหุ่นแบบนี้มีอยู่จริง โปรแกรมเมอร์ รวมถึงอาชีพต่างๆ คงต้องเตรียมตกงานทั้งแผ่นดิน)
นอกจากนี้ เราจะได้เห็นว่าของมีค่าหรือนวัตกรรมที่ล้ำสมัย จะมีคุณหรือโทษแก่มวลมนุษย์ยังไง ก็ขึ้นอยู่กับผู้สร้างหรือผู้ใช้ด้วย เช่น สำหรับหนุ่ม Deon นั้น Chappie ถือเป็นมากกว่าสิ่งประดิษฐ์ มันคือความทุ่มเทของแทบทั้งชีวิตของเขา เขาจึงมอบแต่สิ่งดีๆ ให้ Chappie และพยายามทำทุกอย่างที่จะเจียระไนให้ “แกะดำ” อย่าง Chappie เป็นแกะที่ดีที่สุดในโลก อีกทั้งยังสอน Chappie ให้เป็นคนดี เป็นตัวของตัวเอง และอย่าให้ใครมาจำกัดศักยภาพของตัวเอง
ในขณะที่ Ninja มอง Chappie เป็นแค่เครื่องจักรกลโง่ๆ ที่จะช่วยให้เขาปล้นได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น เขาจึงเอาแต่สอน Chappie ให้เป็นโจรโจ๋ๆ แบบเขา ส่วน Yo-Landi ก็มอง Chappie เป็นเด็กน้อย เพราะเธออยากมีลูกมาเติมเต็มชีวิตของเธอ เธอจึงเลี้ยง Chappie ประหนึ่งไข่ในหินและเวรี่สปอยล์ แต่สำหรับ Vincent เขามอง Chappie เป็นมารขัดขวางความเจริญก้าวหน้า และจ้องคิดร้ายแต่จะกำจัดหรือดิสเครดิตเจ้า Chappie ของ Deon ตลอดเวลา
ในช่วงครึ่งแรกของเรื่อง อาจจะเล่าเรื่องน่าเบื่อ (ปนน่ารัก) ไปบ้าง เพราะส่วนใหญ่หนังไปทาง drama-comedy เสียมากกว่า แต่ถ้าทนถ่างตามาจนถึงองก์ที่ 3 ได้ ก็จะพบกับช่วง action/sci-fi จริงๆ จังๆ ของหนังเรื่อง Chappie อย่างที่เราเห็นใน trailer และนอกจากนี้หนังยังแอบมีความเซอร์ไพรส์ที่งดงามในตอนบทสรุปของเรื่อง ที่พอจะช่วยกอบกู้ความ error ของหนังช่วงครึ่งแรกๆ เอาไว้ได้พอสมควร (ตอนแรกนี่เกือบปรับตกแล้วจริงๆ นะ)
ในส่วนของนักแสดง คาแรกเตอร์ที่แย่ที่สุด ปัญญาอ่อนที่สุด และแบนราบที่สุดก็คงเป็น Vincent ซึ่งแย่ในเลเวลที่บทนี้อาจส่งให้ดาราดังอย่าง Wolverine ของเราเข้าชิง Rassies Awards สาขานักแสดงสมทบชายยอดแย่ได้เลยก็ว่าได้ ส่วนตัวละครอื่นๆ ไม่มีตัวละครไหนโดดเด่นไปกว่าใครเท่าไหร่ เราชอบคาแรกเตอร์ geek ของ Deon แต่สุดท้ายหนังก็เทความเด่นไปให้ Ninja เสียมากกว่า (ทั้งๆ ที่ตอนโปรโมตหนัง Ninja กับ Yo-Landi นี่แค่ตัวประกอบชัดๆ) ส่วนตัวละครที่ดีที่สุด น่าหลงรักที่สุด และน่าจะเรียกคะแนนจากคนดูได้บ้าง ก็คือเจ้า Chappie นี่แหละ (ก็นะ เด็กๆ ทำอะไรมันก็น่ารักน่าชัง)
โดยสรุป พล็อตหนังหุ่นยนต์เรื่อง Chappie ไม่ได้มีความแปลกใหม่อะไร แต่พอดูเพลินๆ ได้ เพราะถือว่ามีครบรส มีความเป็นหนังครอบครัวและแมสๆ ตัวหุ่นยนต์ก็น่ารักน่าเอ็นดู อีกทั้งยังมีการสอดแทรกสาระข้อคิดเรื่องการเลี้ยงดูลูกหรือการเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เด็กอีกด้วย ถึงแม้ Hugh Jackman ในเรื่องนี้จะดูก๊องแก๊ง ถึงแม้การเล่าเรื่องช่วงกลางๆ อาจจะน่าเบื่อไปเสียหน่อย เพราะไม่ได้บู๊กระจายอย่างที่เห็นใน trailer แต่องก์สุดท้ายหนังเขาก็จบลงได้ด้วยดี ในส่วนที่พะบู๊ก็มันก็มันใช้ได้ในระดับน่าพอใจ รวมๆ ไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่ได้แย่มากถึงขั้นกับรับไม่ได้ (6.5/10)
29 comments