ถึงแม้ Independence Day: Resurgence หรือ ID4 ภาค 2 (2016) จะฉายห่างจากภาคแรกถึง 20 ปีดีดัก แต่เราเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่หลายคนคงจะพอคุ้นหูคุ้นตากับ ID4 ภาค 1 (1996) กันอยู่บ้าง เพราะนี่เป็นหนึ่งในหนังบล็อกบัสเตอร์ในตำนานที่โด่งดังมากในยุคนั้น และยังเป็นหนังใหญ่แจ้งเกิดของ Will Smith อีกต่างหาก
ทบทวน Independence Day ภาค 1
เมื่อปี 1996 วันชาติอเมริกา (4 ก.ค.) ปี 1996 ประธานาธิบดี Thomas J. Whitmore (Bill Pullman) ต้องรับมือกับปัญหาเอเลี่ยนบุกโลก นักบิน Captain Steven Hiller (Will Smith) กับวิศวกร David Levinson (Jeff Goldblum) ออกไปทำลายยานแม่และกู้โลกได้สำเร็จ เอเลี่ยนถอยทัพกลับไป ความสงบกลับมาสู่ชาวโลก มนุษยชาติสามัคคีกันเป็นหนึ่งเดียว
เรื่องย่อ Independence Day: Resurgence
20 ปีต่อมา เอเลี่ยนกลับมาบุกโลกอีกครั้ง Madam President Lanford (Sela Ward) ส่งกองทัพนักบินไปสู้กับมัน นำโดย Captain Dylan Hiller (Jessie T. Usher) ลูกชายของอดีต Captain Steven Hiller (Will Smith) กับ Jake Morrison (Liam Hemsworth จาก The Hunger Games) คู่หมั้นของ Patricia Whitmore (Maika Monroe จาก It Follows และ The 5th Wave) ลูกสาวของอดีตประธานาธิบดี Thomas J. Whitmore (Bill Pullman)
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ Independence Day: Resurgence
“It’s definitely bigger than the last one,” ที่ Jeff Goldblum กล่าวไว้ใน trailer หนัง เห็นจะไม่ได้หมายถึงแค่ยานเอเลี่ยนที่มาบดโลก หากแต่หมายถึงทุก ๆ อย่างในหนัง Independence Day: Resurgence ที่ยิ่งใหญ่มโหฬารและวินาศสันตะโรกว่าภาคแรกอย่างยิ่ง โดยเฉพาะงานเอฟเฟ็กต์ CGI
จากผลงานการกำกับที่ผ่านมาของ Roland Emmerich ไม่ว่าจะเป็น ID4, Godzilla, The Day After Tomorrow, 10,000 BC, 2012, White House Down ฯลฯ ล้วนการันตีได้เลยว่า เรื่องทุบตึกหรือทำลายล้างโลกนี่งานถนัดเขาแน่นอน และ Independence Day: Resurgence ก็เป็นอีกหนึ่งหนังทำลายล้างที่ไม่ผิดหวัง แลนด์มาร์คดัง ๆ ทั้งโลกสิ้นซากไม่เหลือดี (เว้นแต่หอไอเฟล ปารีส และไวท์เฮ้าส์) ทั้งยาน ทั้งตัวเอเลี่ยนในภาคนี้ก็เต็มตากว่าภาคแรกสิบเท่า
ดังนั้น Independence Day: Resurgence จึงเป็นหนังป๊อปคอร์นอีกเรื่องที่เราแนะนำว่าจัดโรง IMAX 3D ได้เลย คุ้มชัวร์! เพราะคุณจะได้เห็นยานเอเลี่ยนยักษ์ใหญ่เต็มสเกล และสัมผัสความสั่นสะท้านครืน ๆ พร้อมซาวนด์ประกอบรอบ 360 องศาในฉากเอเลี่ยนแกรนด์โอเพนนิ่ง บอกเลยว่า คุ้มค่าราคาตั๋วมาก
เอาตรง ๆ นะ สำหรับเรื่องนี้ เราว่าถ้าดูในโรงปกติธรรมดา อาจจะไม่สนุกหรือตื่นตาตื่นใจเท่า IMAX 3D เพราะเนื้อเรื่องแทบไม่มีอะไร คาดเดาได้เพราะคล้าย ๆ กับภาคแรก ความบังเอิญมากมายหาความสมเหตุสมผลไม่ค่อยได้ คือเน้นเว่อร์ เน้นใหญ่ ดูเอาเพลินหรือเอาบันเทิงได้อย่างเดียว
ตัวละครก็ยั๊วเยี๊ยะไปหมด แต่ยังดีที่การจัดการตัวละครของผู้กำกับไม่เลวร้ายเหมือนหนังบางเรื่องไม่นานมานี้ ใน Independence Day: Resurgence ส่วนใหญ่เป็นตัวละครเก่าที่ได้ซีน และยังคงมีเสน่ห์อยู่ เพราะหนังเอามุกจากภาคเก่ามาเล่นหลายมุกอยู่ ดังนั้น คนที่เคยดูภาคแรกมาก่อนก็จะดูได้สนุกกว่าและอินกว่า (แต่ถ้าไม่เคยดูมาก่อน ก็ตามเรื่องทัน เพราะอย่างที่สรุปทบทวนมาให้ข้างต้น ภาคแรกไม่ค่อยมีอะไร)
ตัวละครเก่าที่เด่น ๆ ในภาคแรก (ในวัยที่แก่ขึ้นอีก 20 ปี) ก็มากันเกือบครบองค์ประชุม ตั้งแต่ประธานาธิบดี Thomas J. Whitmore (Bill Pullman), วิศวกร David Levinson (Jeff Goldblum) และ Julius Levinson พ่อของเขา (Judd Hirsch), Dr. Brackish Okun (Brent Spiner), Jasmine Hiller (Vivica A. Fox) ภรรยาของ Captain Steven Hiller ขาดก็แต่ตัว Captain Steven Hiller เอง (Will Smith) ที่ไม่กลับมา มีก็แต่รูปถ่ายขนาดใหญ่กว่าตัวจริงของเขาแปะอยู่กับผนังทำเนียบขาว และการอ้างอิงชื่อของเขาผ่านบทไดอะล็อกอย่างบรีฟ ๆ
เป็นที่น่าแปลกใจเหมือนกันที่ Will Smith ไม่กลับมาเล่นให้กับภาคสองของหนังที่ช่วยแจ้งเกิดในวงการให้กับเขาเมื่อ 20 ปีก่อน ซึ่งจริงเท็จวงในเป็นอย่างไรก็มิอาจทราบได้ แต่การไม่มีอยู่ของ Will Smith ก็รักษาคอนเซ็ปต์ของตัวละคร the next gen ได้เหมือนกัน เพราะ Dylan Hiller (Jessie T. Usher) จะได้เป็นเด็กที่ครอบครัวไม่สมบูรณ์หรือเคยมีการสูญเสียเช่นเดียวกับตัวละครอื่น ๆ
กล่าวคือ Jake Morrison (Liam Hemsworth) กับ Charlie Miller (Travis Tope) คู่หูของเขา ต่างเป็นเด็กกำพร้า สูญเสียพ่อแม่จากเหตุการณ์ ID4 เมื่อปี 1996 รวมถึง Patricia Whitmore (Maika Monroe) ที่สูญเสียแม่ไปจากเหตุการณ์เดียวกัน เหลือแต่พ่อ ซึ่งตอนนี้เป็นอดีตประธานาธิบดีสติเฟื่อง ทั้งนี้ยังไม่นับนักบินสาวจีน Rain Lao (Angelababy) ซึ่งเป็นหลานของ Commander Jiang (Chin Han) ด้วยอีกราย
โดยภาพรวม ตัวละครใหม่ที่เด่น ๆ ก็สวยหล่อกันทุกคน แต่ไม่ค่อยมีอะไรน่าจดจำเท่าตัวละครเก่าเท่าไหร่ แถม conflict ระหว่าง Jake Morrison (Liam Hemsworth) กับ Dylan Hiller (Jessie T. Usher) ก็ไม่รู้จะมีมาเพื่ออะไร เช่นเดียวกับคู่กุ๊กกิ๊กของนักจิตวิทยา Catherine Marceaux (Charlotte Gainsbourg) กับวิศวกร David Levinson (Jeff Goldblum)
นอกจากหนุ่มสาวสวยหล่อข้างต้นแล้ว ตัวละครใหม่ที่เหมือนจะเด่นยังมี หัวหน้าเผ่าชาวแอฟริกันผิวสี Dikembe Umbutu (Deobia Oparei) กับอีตาพูดมาก Floyd Rosenberg (Nicolas Wright) นั่นอีก โดยเฉพาะคนหลังนี่ไม่รู้จะมีมาทำไม เป็นใคร ที่ไหน อย่างไร เรายังจำไม่ได้เลย จำได้แต่ว่า talk too much สงสัยผู้กำกับอาจใส่มาเพื่อความบันเทิง ส่วนบท Warloard Umbutu นี่พอเข้าใจได้หน่อยว่า หนังอยากเน้นความร่วมไม้ร่วมมือกันระหว่างคนหลายเชื้อชาติสีผิว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้หนังจะพยายามบอกว่า ตั้งแต่เอเลี่ยนบุกโลกเมื่อ 1996 มนุษยชาติทุกเชื้อชาติ ทุกสีผิว ก็รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่มีสงครามระหว่างกัน ช่วยกันต่อสู้ป้องกันจากพวกนอกโลกอย่างเดียว แต่หนังก็ยังอวยชาติอเมริกาเหมือนเดิมอยู่ดีนะ อย่างเช่น ตอนจะยิงหรือไม่ยิง President Lanford (Sela Ward) แห่งสหรัฐอเมริกาจะเป็นคนอนุมัติการตัดสินใจเสมอ
โดยส่วนตัว เราไม่ได้ตะขิดตะขวงอะไรกับหนังอวยอเมริกา ฮอลลีวู้ดเป็นคนสร้าง เขามีสิทธิจะอวยชาติเขา แต่ยอมรับว่าแอบเสียใจเล็กน้อยที่หนังภาคนี้ให้ประธานาธิบดีเป็นผู้หญิง (ถ้าในโลกแห่งความเป็นจริง ณ ปัจจุบัน President Lanford (Sela Ward) อาจเปรียบได้กับ Hillary Clinton) แต่สุดท้ายกลับดูไร้ค่า และไม่สตรองเท่าสมัย Thomas J. Whitmore (Bill Pullman) เป็นประธานาธิบดี
ในส่วนที่ว่า ภาคไหนสนุกกว่ากัน เราไม่ค่อยอยากเปรียบเทียบเท่าไหร่ ภาคแรกมันก็ย่อมคลาสสิคในแบบฉบับของมัน ภาคสองมันก็ย่อมอลังการขึ้นตามเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น เช่นเดียวกับ Star Wars หรือ Jurassic Park นั่นแหละ แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจที่พบเห็นจากการชม ID4 มาทั้งสองภาคคือ พัฒนาการของตัวละคร จากภาคหนึ่งมาถึงภาคสอง ทั้งนี้ ณ ที่นี้ เราไม่ได้หมายถึงพัฒนาการทางอารมณ์หรือคุณธรรม อย่างไอ้คนที่บ้า ๆ บอ ๆ มันก็เลอะเทอะเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่เรามองในแง่ของสถานะทางสังคมหรือตำแหน่งหน้าที่การงาน
อย่าง Patricia Whitmore (Maika Monroe) สมัยเด็ก ๆ ที่พ่อของเธอยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เธอได้วิ่งเล่นในทำเนียบขาวเยี่ยงอภิสิทธิ์ชน และมีสิทธิได้ขึ้น Air Force One ก่อนใคร ๆ โดยไม่ต้องร้องขอ แต่ปัจจุบันเธอเป็นเพียงลูกจ้างคนหนึ่งในทำเนียบขาว มิหนำซ้ำยังต้องเลิกเป็นนักบินที่เธอรัก เพื่อมาดูแลพ่ออีก เปรียบได้กับผู้หญิงหลายคนที่ต้องเลิกทำงานมาเป็นแม่บ้านยังไงยังงั้น
ส่วนเคสของ Jake Morrison (Liam Hemsworth) กับ Dylan Hiller (Jessie T. Usher) ก็เห็นชัดในเรื่องของต้นทุนชีวิตคนเราที่ไม่เท่ากัน กล่าวคือ ถึงแม้ Jake Morrison (Liam Hemsworth) จะมีฝีมือด้านการรบและการบินดีกว่า Dylan Hiller (Jessie T. Usher) แต่เขาก็ยังเป็นได้แค่ผู้หมวด ในขณะที่เพื่อนได้เป็นกัปตันแล้ว ส่วนหนึ่งก็เพราะ Dylan Hiller (Jessie T. Usher) เป็นทายาทของคนมีสี เป็นลูกเลี้ยงของ Captain Steven Hiller (Will Smith) คนดัง
ในทางกลับกัน ถ้า 20 ปีก่อน Captain Steven Hiller (Will Smith) ไม่แต่งงานกับแม่ของเขา ป่านนี้แม่ของเขา (Vivica A. Fox) ก็อาจจะยังคงแก้ผ้าเต้นจ้ำบ๊ะอยู่ ไม่ได้มีโอกาสทางการศึกษา จบมาเป็นคุณหมอที่คนนับหน้าถือตาและได้ช่วยเหลือผู้คนแบบนี้ และตัว Dylan Hiller (Jessie T. Usher) เองก็อาจจะไม่มีโอกาสได้มาเป็นนักบินระดับสูงได้เร็วเช่นนี้ก็เป็นได้
โดยสรุป ถึงแม้ว่าบทจะไม่มีอะไร แต่หนังยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง เอเลี่ยนเต็ม ๆ สนุก บันเทิง นักแสดงหล่อสวย คุ้มค่าตั๋ว และเหมาะแก่การดูในโรง IMAX แน่นอน ไม่ต้องดูภาคแรกมาก่อนก็ดูรู้เรื่อง แต่ถ้าได้ดูมาก่อนด้วยได้จะดีกว่ามาก
Read More >>> รู้ก่อนดู!! เกิดอะไรขึ้นใน 20 ปี ที่ผ่านไปของ Independence Day: Resurgence Timeline
Independence Day: Resurgence (ไอดี 4 สงครามใหม่ วันบดโลก) เข้าฉาย 23 มิ.ย. 2016 นี้ในโรงภาพยนตร์
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7.5/10
42 comments