ถ้าใครเคยดูหรือเคยอ่านบล็อกรีวิว Paper Towns ของเรา อาจจะคุ้นหูคุ้นตากันบ้างกับชื่อวรรณกรรม Moby-Dick (1851) กับ Captain Ahab หรือบางคนอาจจะรู้จัก Moby-Dick ของ Herman Melville กันมานานแล้ว เพราะเป็นหนังสือบังคับอ่านนอกเวลาที่โรงเรียน
นิยายเรื่อง Moby-Dick จัดเป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิค based on a true story ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็น “one of the greatest novels in the English language” เล่าเรื่องจากมุมมองของ Ishmael หนึ่งในลูกเรือที่รอดชีวิต จากเรือ Pequod ที่บัญชาการโดย Captain Ahab ซึ่งบ้าคลั่งกับการตามล่าเพื่อล้างแค้นเจ้าวาฬเพชฌฆาตสีขาว “Moby-Dick” อย่างเอาเป็นเอาตาย
สำหรับหนัง In the Heart of the Sea ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวนิยายดังกล่าว ก็มีการดัดแปลงจากต้นฉบับเล็กน้อย คือประมาณว่า หนังก็ดัดแปลง (หรือบิดเบือน) มาจากหนังสือทีนึง ตัวหนังสือก็ดัดแปลง (หรือบิดเบือน) มาจากเรื่องจริงอีกทีนึง อะไรอย่างนั้น
แต่พล็อตหลักๆ ก็ยังเป็นเรื่องการกลุ่ม sailors ที่ออกล่าวาฬ จนไปเจอวาฬยักษ์ในตำนานจนเรือแตกยับ เช่นเดียวกับในหนังสือ
READ MOBY-DICK: http://americanliterature.com/author/herman-melville/book/moby-dick-or-the-whale/summary
เรื่องย่อ In the Heart of the Sea
นักเขียนหนุ่ม Herman Melville (Ben Whishaw จาก Skyfall, The Lobster, Suffragette, Cloud Atlas) เดินทางมาสัมภาษณ์ชายชรา Thomas Nickerson (Brendan Gleeson จาก Suffragette) ที่ Nantucket เพื่อเก็บข้อมูลไปเขียนนิยาย
Thomas Nickerson เป็นผู้รอดชีวิตคนเดียวที่เหลืออยู่จากเรือ Essex ที่อับปางจากการโจมตีของวาฬยักษ์ในช่วงปี 1819-1820 ซึ่งตอนนั้น Thomas Nickerson ยังเป็นเด็กอายุแค่ 14 ปี (Tom Holland จาก The Impossible และว่าที่ Spider-Man คนต่อไปของ Marvel)
เรือ Essex ได้รับมอบหมายจากบริษัทอุตสาหกรรมน้ำมัน Nantucket ให้ออกไปหาน้ำมันวาฬ 1,000 บาร์เรล โดยแต่งตั้ง George Pollard (Benjamin Walker จาก Abraham Lincoln: Vampire Hunter) ลูกชายของผู้บริหารเป็นกัปตันเรือ และให้โปรแห่งวงการนักล่าวาฬ Owen Chase (Chris Hemsworth จาก Thor, The Avengers, Rush) เป็นต้นหน ซึ่งมี Matthew Joy (Cillian Murphy จาก Inception, The Dark Knight) เพื่อนตายเป็นคู่หูดูโอ
แต่แล้ววันนึง เรือ Essex ถูกวาฬยักษ์สีขาวโจมตีจนเรือแตก ทั้งกัปตันและลูกเรือเกือบยี่สิบชีวิตต้องลอยแพอยู่กลางมหาสมุทรซึ่งไกลแสนไกลจากชายฝั่งเป็นเวลาร่วมเดือนด้วยเสบียงอันจำกัด โดยเจ้าวาฬยักษ์ Moby-Dick ก็ยังคงตามมาล่าชีวิตพวกเขาอย่างไม่ลดละ
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ In the Heart of the Sea
ครั้งแรกที่รู้จักหนัง In the Heart of the Sea ก็ประมาณเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตอนนั้นก็คิดว่า เออ มันเป็นหนังล่าวาฬสร้างจากนิยายดัง ไม่ว่ายังไงเราก็อยากดูอยู่แล้ว โดยเฉพาะโปสเตอร์หนังนี่อิมแพคมาก อยากดูตั้งแต่เห็นโปสเตอร์เนี่ยแหละ แต่พอเห็นว่า Thor (Chris Hemsworth) เล่นเป็นพระเอก เราก็คาดหวังกับหนังมันไว้ไม่ได้สูงนัก เพราะคิดว่า หนังต้องไม่มีอะไรมาก นอกจากเน้นมาขายกล้ามพระเอกเป็นแน่
แต่แล้ว พอต่อมาได้รู้ว่าเรื่องนี้ได้ผู้กำกับออสการ์อย่าง Ron Howard (จาก Rush, A Beautiful Mind, Apollo 13) มากำกับ เราก็เริ่มคิดใหม่ทำใหม่ละ เพราะเราชอบเรื่อง Rush ที่ผู้กำกับคนนี้เขากำกับเลยแหละ แล้วในเรื่อง Rush นั้น Chris Hemsworth ก็เล่นดีอย่างไม่น่าเชื่ออีกต่างหาก
ดังนั้น เราบอกเลยว่า เรารับแว่นตาสามมิติก้าวเข้าโรง IMAX 3D ไปดู #InTheHeartOfTheSea ด้วยคาดหวังที่สูงเลยทีเดียว แต่โอ้โห~ นี่เราว่าเราก็ตั้งความหวังไว้สูงแล้วนะ ปรากฏหนังมันทำได้สนุกและพีคเกินคาดเราไปมาก ไม่ว่าจะเป็นสาระตัวบท ฉากต่อสู้กลางทะเล และงานภาพ
เรื่องตัวบทหรือเนื้อหานี่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์เรานะ เพราะปกติหนังแนวนี้มักจะเน้นขาย CGI หรือฉากทริลเลอร์บู๊ระห่ำอย่างเดียว แล้วจะไม่ค่อยมีเนื้อหาสาระหรือข้อคิดเป็นเรื่องเป็นราวสักเท่าไหร่ แต่ In the Heart of the Sea นี่สะท้อนสังคมทุนนิยมกับธุรกิจอุตสาหกรรมที่แสวงหาผลประโยชน์จากธรรมชาติ เสียดสีระบบชนชั้นศักดินาเครือญาติ และพวกคนรวยที่คิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า
เนื้อหาทั้งหลายเหล่านี้จัดว่าเข้มข้น หลายฉากบีบเค้นอารมณ์สุดๆ (บางซีนนี่ถึงกับต้องขอปิดตาและร้องอิ๊ววววว~) ในพาร์ทมนุษย์นี่เราชอบที่ครึ่งแรกพวก sailors ทั้งหลายนี้เขาออกล่าเพื่อเงินทองและยศตำแหน่ง แต่ครึ่งหลังทุกคนทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตอยู่รอด เช่นเดียวกับสัตว์ทั้งหลายในท้องมหาสมุทร… ไม่มีใครอยากเกิดมาเป็นผู้ล่า แต่ก็ไม่มีใครอยากเป็นผู้ถูกล่าเช่นกัน
ฉากไคลแมกซ์ของเรื่องคือฉากเรือแตก บางคนอาจจะชอบความระห่ำของน้องวาฬที่ทำลายล้างอย่างไม่ปราณี แต่เราอยากให้ทุกคนลองสังเกตตอนฉากเรือแตกว่า ตัวละครหลักๆ เลือกที่จะวิ่งไปเก็บของสำคัญอะไรลงมากับเรือบดด้วย เราว่าฉากนี้มันบ่งบอก characteristic ของตัวละครนั้นๆ ได้ดีอยู่เหมือนกันนะ แถมยังบอกคนดูอีกว่า สุดท้ายแล้ว… ในการทำงานหรือในการเอาตัวรอด อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด…
การแสดงโดยรวมจัดว่าผ่าน แต่ละคนดูทุ่มเทให้งานออกมาสมจริงจริงๆ (ง่ายๆ ดูจากหุ่นได้) ถึงแม้จะมีบ้างที่บางซีนสำคัญ Chris Hemsworth ยังนำพาไปได้ไม่สุด คือจริงๆ มันควรขยี้ได้อีกนิด
แต่ที่เกิดแน่ๆ คือน้อง Tom Holland นอกจากบทจะส่งให้เกิดแล้ว ออร่าหน้าตาและฝีมือการแสดงยังเด่นมาก จริงๆ น้องคนนี้ฉายแววตั้งแต่หนังสึนามิเรื่อง The Impossible ละ แถมเร็วๆ นี้จะได้เป็นไอ้แมงมุมอีกต่างหาก อนาคตไกล (เชียร์นะเชียร์ งานนี้เราไม่ #TeamThor แต่เราขออยู่ #TeamSpiderman อิอิ)
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่ไม่ชมไม่ได้เลยคืองานภาพและมุมกล้อง โดยเฉพาะมุมกล้องนี่เมพสุด โคตรเจ๋ง งานละเอียดตั้งแต่ฉากถอนสมอออกจากฝั่ง ประทับใจ ทุกอย่างมันเริ่ดมากจริงๆ
คือ…เราว่าเราก็ดูหนังแนวล่องเรือ ลอยแพ หรือแนวทะเลๆ อะไรแบบนี้มาก็เยอะแล้วนะ แต่เรื่องนี้เรารู้สึกว่ามันเฟรชอะ แบบว่าไม่เคยเห็นและไม่เคยได้ฟีลอะไรแบบนี้จากหนังล่องทะเลเรื่องอื่นมาก่อนเลย ชอบมาก สวยสมจริง CGI น้องวาฬนี่ดีงามมาเต็ม ยิ่งใหญ่เปิดตัวยิ่งกว่าก๊อตซิลล่า
แน่นอนว่าเรื่องภาพนี้คงต้องขอยกความดีความชอบให้กับทั้งตัวผู้กำกับและตัว Cinematographer ซึ่งก็คือ Anthony Dod Mantle เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Slumdog Millionaire (และยังถ่าย Rush กับ 127 Hours ด้วย) นั่นเอง
แต่ไม่ว่าเราจะเขียนอวยภาพยังไง คนอ่านก็คงไม่เห็นภาพหรอกเนอะ เพราะฉะนั้นต้องไปลองชมด้วยตาตัวเอง และถ้าเป็นไปได้นี่แนะนำให้ดู IMAX 3D ไปเลยนะ เพราะเรื่องนี้คุ้มแน่นอน
– ถ้า The Walk เป็นหนึ่งประสบการณ์การดูหนัง IMAX 3D ที่ดีที่สุดแห่งปีสำหรับฉากสูงเสียดฟ้า In the Heart of the Sea ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์การดูหนัง IMAX 3D ที่ดีที่สุดแห่งปีสำหรับฉากกลางมหาสมุทร – จริงๆ นะ
โดยสรุป สำหรับเรา In the Heart of the Sea เป็นหนังกลางทะเลที่ทรงพลังที่สุดแห่งปี ควรค่าแก่การดูโรง IMAX 3D ขึ้นไป เพราะหนังไม่ได้มีดีแค่ผู้ชายหล่อ หากแต่ยังภาพสวย เอ็ฟเฟ็คต์อลัง แถมยังสนุกดีมีสาระ (สนุกมากกกก ด้วย) ชอบมากๆ จนเรานี่อยากจะขออวยให้ไกลไปจนถึงออสการ์ไปเลยยยย~
In the Heart of the Sea เข้าไทย 3 ธ.ค. นี้ก่อนอเมริกา คะแนนตามความชอบส่วนตัวเจ้ให้ไปเลย 8.5/10 หักคะแนนการแสดงของพระเอกนิดหน่อย และขอหักคะแนนอีกสักนิดตรงที่พี่ Chris Hemsworth ไม่ยอมถอดเสื้อโชว์กล้ามโชว์ซิกแพ็ก เสียใจ );
105 comments