ก่อนหน้านี้เราเคยเขียนสรุปความแตกต่างระหว่างหนังกับหนังสือ DIVERGENT (ภาคแรกของ INSURGENT) ไปแล้วในบล็อก “Divergent: ขยายหนังจากหนังสือ”
ถ้าใครเคยอ่านบล็อกนั้นมาแล้วก็จะเห็นว่ามีความแตกต่างหรือสิ่งที่หนังตกหล่นไปจากหนังสือหลายจุดอยู่เหมือนกัน ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้หนัง INSURGENT ภาคต่อของ DIVERGENT นั้น ทำงานยากกว่าที่ควรจะเป็น
โดยเฉพาะการเก็บตกตัวละครต่างๆ ที่ไร้ตัวตนในหนังภาคแรก แต่ดันมีบทบาทสำคัญในเนื้อเรื่องภาคสอง ซึ่งเป็นจุดที่คนที่ไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อน อาจจะงงกับตัวละครหน้าใหม่ หรืออาจไม่เข้าใจว่าใครเป็นใคร ทำอะไร ที่ไหน ยังไง
สำหรับบล็อกนี้ เช่นเคย เราก็จะมาขยายหนังจากหนังสือ INSURGENT กันต่อ เพื่อขยายความกระจ่างในเนื้อหาให้กับแฟนหนังที่ไม่ได้อ่านตัวนิยายต้นฉบับของ Veronica Roth เพราะหนังแตกต่างจากในหนังสืออย่างมากๆ แต่ถึงกระนั้น คนที่ไม่ได้อ่านหนังสือมาก่อน ก็ไม่ต้องเสียใจไปไยนะคะ เพราะหนังมันสนุกกว่าหนังสือมาก… หนังสือแอบน่าเบื่อจริงจังอย่าบอกใคร -*-
(ยอมรับว่า เราอ่านข้ามหลายบรรทัดมาก เพราะเบื่อ ดังนั้นถ้ามีอะไรผิดพลาดหรือขาดตกอะไรไปหยุมหยิม ขออภัยล่วงหน้าไว้ ณ ที่นี้)
1. Uriah, Marlene, and Lynn
ประเด็นแรกที่เราขอพูดถึงคือหนุ่มผิวสีสุดหล่อนามว่า Uriah ที่เราเคยบ่นไปในบล็อกก่อนๆ ว่า เราโกรธผู้กำกับฯ มากๆ ที่ตัด Uriah ของเราออกไปสิ้นซากไร้ตัวตน ทั้งๆ ที่ Uriah เป็นตัวละครที่มีบทบาทและมีความน่ารักทุกอิริยาบถ
ในหนังสือ ตั้งแต่ภาค DIVERGENT เราจะรู้จัก Uriah, Marlene, และ Lynn ว่าเป็นแก๊งเด็กใหม่ของกลุ่มผู้กล้า (Dauntless) รุ่นเดียวกับ Tris นางเอกของเรา ต่างกับ Tris ก็แค่ทั้งสามคนเป็นพวกที่เป็น Dauntless โดยกำเนิด ไม่ได้ย้ายมาจากกลุ่มอื่นแบบ Tris, Christina, หรือ Peter แต่ในหนังภาคแรกนั้น ไม่มี Uriah, Marlene, และ Lynn ปรากฏอยู่เลยแม้แต่เอ่ยนามลอยๆ ขึ้นมาก็ไม่มี
ในหนัง INSURGENT นี้ Uriah มีตัวตน แสดงโดย Keiynan Lonsdale แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้มีบทเยอะตามต้นฉบับ ในแผ่นฟิล์ม เขาเหมือนเป็นแค่ตัวละครประกอบลอยไปลอยมา แต่ก็ยังดีแหละที่อย่างน้อยก็ยังมีตัวตนสักที
ส่วน Zeke ซึ่งเป็นพี่ชายของ Uriah นี่สิ ไม่มีตัวตนในภาคแรกยังไง ภาคนี้ก็ยังเป็นอากาศธาตุอยู่ยังงั้น (ในภาคนี้ ถ้า Zeke มีตัวตน เขาจะมีบทบาทคือเขากับ Tori แฝงตัวไปเป็นไส้ศึกอยู่ในพวก Eric ที่ Erudite)
ใน INSURGENT ถ้าว่ากันตามในหนังสือ Uriah จะรู้ตัวอยู่แล้วว่าตัวเองเป็น Divergent ไม่ใช่เพิ่งมารู้เอาวันที่โดนเข็มนั่นยิงใส่ (ซึ่งในหนังสือดูเมคเซนส์กว่า เพราะ Uriah ผ่านการสอบ Aptitude Test และการ Train มาแล้วเช่นเดียวกับ Tris แถมยังทำการทดสอบ Fear Landscapes ได้คะแนนสูงพอๆ กับ Tris ด้วย ดังนั้น ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้มาก่อนว่าเขาเป็น Divergent
อย่างไรก็ตาม Uriah ในหนังสือก็ขอ Tris เช่นกันว่า อย่าเพิ่งบอกใครเรื่องที่เขาเป็น Divergent (แต่ Four รู้อยู่แล้ว เพราะเขาก็เป็นคนเทสต์ Uriah เช่นกัน)
Uriah
ส่วน Marlene, Lynn, และ Hector มีตัวตนในภาคนี้เช่นกัน แต่ทั้งสามก็ไม่ได้ดูมีความสำคัญเท่าไหร่ และก็ไม่มีปมความสัมพันธ์ใดๆ กับ Uriah แบบในหนังสือ คือแทบไม่เหมือนเป็นเพื่อนร่วมแก๊งกันเลยด้วยซ้ำอะ
ในหนังสือเขียนให้ Uriah กับ Marlene เป็นแฟนกัน และ Lynn ยังบอกก่อนตัวเองตายอีกว่าตนแอบชอบ Marlene (แบบเชิงชู้สาว) มานานแล้ว Lynn จึงมีอาการกระฟัดกระเฟียดเวลาเห็น Uriah จู๋จี๋กับ Marlene (Roth คงอยากให้หนังมีความหลากหลายทางเพศจริงๆ นั่นแหละ)
การตัดปมปัญหารักสามเส้านี้ออกไป ในแง่ดีคือ subplot น้อยลง หนังก็ไม่วุ่นวายหรือดู “เยอะ” จนเกินไปดี แต่ข้อเสียคือการตายของ Marlene ดูดราม่าน้อยลงลงไปนิดหน่อย
นอกจากนี้ แม่ของ Lynn สอนลูกๆ ว่า Divergent เป็นตัวอันตราย Shauna กับ Hector (พี่สาวและน้องชายของ Lynn) ก็เลยเชื่ออย่างนั้น มีแต่ Lynn คนเดียวในบรรดาสามพี่น้องที่มองว่าไร้สาระ เธอไม่เชื่อว่า Divergent มีอยู่จริง มีแต่แผนการปลอมๆ ที่พวกผู้นำทำขึ้นมาเบี่ยงเบนความสนใจประชาชนเท่านั้น
Lynn, Hector, Marlene
2. Edward
ถึงแม้ภาคนี้จะมีแก๊ง Uriah, Marlene, และ Lynn แต่ภาคนี้กลับไม่มี Edward หนึ่งในทีมเด็กใหม่ของ Dauntless ที่ย้ายมาจาก faction อื่น เช่นเดียวกับ Tris อยู่เลย
เราเองก็จำไม่ได้ละว่าในหนังภาคแรก Edward สาบสูญไปยังไง แต่ในหนังสือ Edward กับ Myra แฟนสาว ขอออกจากกลุ่ม Dauntless หลังจากถูก Peter เอามีดแทงจนตาบอดข้างนึง ทั้งนี้เพราะตอนนั้น Peter ต้องการเป็นที่หนึ่งของรุ่น เขาจึงพยายามกำจัด Edward ซึ่งได้คะแนนเก็บเป็นอันดับ 1 ทิ้ง แต่หนังไม่มีฉากเอามีดแทงตาบอดในหนังเพราะผู้กำกับฯ ตัดซีนนั้นทิ้งทั้งๆ ที่ถ่ายทำไว้แล้ว
อย่างไรก็ตามแน่นอนว่าเมื่ออัปเปหิออกจาก Dauntless ปุ๊บ Edward ก็ต้องกลายเป็น Factionless ทันที และในหนังสือนี้เอง Edward ผู้เหลือตาข้างเดียว คือคนที่พา Tris กับ Four ไปพบ Evelyn (แม่ของ Four และเป็นผู้นำกลุ่ม Factionless) ที่แหล่งกบดาน และ Edward ก็ยังมีบทบาทอยู่เรื่อยๆ ตลอดทั้งเรื่อง
แต่ในหนังภาคนี้ Edward เหมือนบุคคลผู้ล้มหายตายจากจากโลกใบนี้ไปแล้ว คนที่พา Tris กับ Four ไป Factionless คือตัวละครใหม่ หน้าตาแว๊นซ์ๆ ชื่อว่า Edgar (เออ ชื่อก็คล้ายกันอยู่นะ) เป็นมือขวาของเจ๊ Evelyn
Edgar
3. Tris
ในหนังสือ Tris จะมีปม คือนางจะไม่กล้าจับปืน และยังบาดเจ็บเล็กน้อยจากภาคก่อน หลายช่วงนางจะใช้มีดแทนปืนและเหน็บมีดติดไว้กับตัวตลอด เรื่องปืนมีที่มาที่ไปคือนางยังรู้สึกผิดและระลึกถึงวินาทีที่ตัวเองลั่นไกยิง Will ตายอยู่ตลอดเวลา
คือในหนังนางก็หลอนถึง Will นะ แต่ก็ยังจับปืนได้เป็นปกติ (ในหนังสืออาการนางหนักกว่ามาก) สุขภาพร่างกายก็แข็งแรงบึกบึนดี ถึกกว่าภาคก่อนหลายเท่าอย่างมีนัยยะ แต่ด้านจิตใจก็แปรปรวนและไม่เสถียรพอๆ กัน โดยในหนังสือ Tris กับ Four จะมี conflicts กันบ่อยครั้งเลย
ส่วนเรื่องทรงผมนางเอก ในหนังสือก็ตัดผมเช่นกันเพื่อต้อนรับการเปลี่ยนแปลง แต่นางก็ตัดสั้นแค่ประมาณคางเท่านั้น ไม่ถึงกับสั้นเฉี่ยวเท่เก๋ไก๋อย่างทรงในหนัง ซึ่ง Shailene Woodley ต้องตัดสั้นจุ๊ดจู๋ เพราะนางไปรับบทผู้ป่วยมะเร็งในหนังเรื่อง The Fault in Our Stars (2014) มาก่อนหน้านี้
4. Johanna
ช่วงแรกของหนัง กลุ่มของ Tris ลี้ภัยมาหลบอยู่ใน Amity โดยในหนังเหมือนจะมีแค่กลุ่ม Tris, Four, Caleb, Peter, และ Marcus แต่ในหนังสือนั้น จะมีพวก Abnegation จำนวนหนึ่ง รวมถึง Susan กิ๊กของ Caleb มาร่วมลี้ภัยอยู่ด้วยที่ Amity
โดย Johanna ผู้นำกลุ่ม Amity (รับบทโดย Octavia Spencer นักแสดงออสการ์) ในหนังสือมีบทบาทมากกว่าในหนัง กล่าวคือไม่ได้โผล่มาแค่ช่วงต้นๆ ของเรื่องอย่างที่เห็นในจอเท่านั้น นอกจากนี้ Johanna ต้นตำรับจะต้องมีรอยแผลเป็นเด่นชัดเป็นเอกลักษณ์บนใบหน้า และบอกอีกว่าเคยอยู่กลุ่ม Candor มาก่อนจะย้ายมา Amity
5. Caleb
Caleb ทั้งในหนังและในหนังสือ ภาคนี้เขามีบทบาทมากขึ้นมาก แต่เราชอบ Caleb ในหนังสือมากกว่าในหนัง ในหนัง Caleb ดูเป็นเนิร์ดพูดน้อยต่อยไม่เป็น แต่ในหนังสือเขาดูพูดเก่งมากกว่านั้น เฟรนด์ลี่ มีอารมณ์ขัน เขาเข้ากับเพื่อนๆ ของ Tris ที่ Dauntless ได้เป็นอย่างดี (ถึงแม้จะเป็นในแง่ถกเถียงนี่นั่น แต่ก็เป็นไปโดยสนุกขำๆ)
และที่สำคัญคือ หวงน้องสาวมาก จะคอยกันท่า Four ตลอดเวลา จนมีการกัดกับ Four อยู่บ่อยครั้ง เออ น่ารักดี
“Don’t you think you’re too old to be with my little sister?”
“She isn’t your little anything.”
ตอนที่กลุ่ม Eric มาที่ Amity ทุกคนไม่ได้แอบอยู่ข้างบนแบบในหนัง แต่พยายามเนียนเป็น Amity ซึ่งเนียนไปก็เท่านั้น เพราะมี Dauntless คนนึงจับผิดได้ว่าทรงผม Four มันสั้นเกินกว่าจะเป็น Amity แล้วโรงอาหารก็เริ่มยิงกันตั้งแต่จุดนั้นเป็นต้นไป
ทุกคนหลบหนีกระสุนกันอลหม่าน มีแต่ Tris ที่พอได้ยินเสียงปืนก็หลุดไปอยู่ในภวังค์อีกแล้วจนตัวเองเกือบโดนยิงโดยไม่รู้ตัว (หลอนไม่หาย) โชคดีที่ Caleb ถลาเข้ามาคว้าปืนของ Tris แล้วยิงไปที่คนนั้นแทนให้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในหนังสือ Caleb ก็ดูแกร่งกว่าในหนังเยอะ
และเพื่อเป็นการเน้นย้ำว่า Caleb ในหนังสือแกร่งกว่าในหนังอีกอย่างคือ ตอนกระโดดขึ้นรถไฟ เขาไม่ได้เป็นภาระของ Tris เลย ตรงกันข้าม เขาช่วยให้ Susan ขึ้นรถไฟแล้วก็สามารถกระโดดขึ้นไปได้ด้วยตนเอง และตอนกระโดดลงเขาก็กระโดดลงได้สวยๆ ไม่มีปัญหาแต่ใดๆ
ส่วนการแยกทางของ Caleb หลังจากออกจาก Factionless ในหนังสือเมคเซนส์กว่า ในหนังคือจู่ๆ Caleb ก็มาขอไม่ไป Candor (พูดกลางคัน ณ ขณะเดินอยู่บนซากปรักหักพังเก๋ๆ) แต่ในหนังสือ Susan เป็นคนอยากไปหา Abnegation คนอื่นๆ ที่หลบอยู่ในเซฟเฮ้าส์อื่นของ Factionless และ Caleb จำเป็นต้องไปกับกิ๊ก แล้ว Caleb ก็ให้สัญญาไว้ว่าจะพยายามหาทางกลับมาหา Tris นะ (แต่ก็นะ Susan ไม่มีตัวตนในหนังนี่เนาะ)
ซึ่งต่อมาไม่นาน Caleb ก็กลับมาหา Tris ที่ Candor จริงๆ ภายหลังคืนที่ Eric พาพวกทรยศทั้งหลายเข้ามาล่า Divergent ในตึก Candor นั่นแหละ โดย Caleb มากับ Marcus ส่วน Peter ก็ไปซบอก Erudite ตามท้องเรื่อง ไม่แปลกใจ
6. Peter
ในหนัง Tris กับ Peter ทะเลาะกันโครมครามกลางโรงอาหารเพราะ Peter ไปพูดจี้ใจดำ Tris แต่ในหนังสือเรื่องราวมีความซับซ้อนกว่านั้น กล่าวคือ Peter เข้ามาในห้อง Tris และจงใจมาแย่ง hard drive ไปจาก Tris
ทั้งสองโดนเรียกตัวไปสงบสติอารมณ์ Tris ถูกฉีด Peace Serum (ดูเหมือนเซรุ่มนี้ จะเป็นส่วนผสมในขนมปังที่พวกนั้นกินกันทุกวันอยู่แล้วด้วยนะ คนในกลุ่มนี้จึงแฮปปี้กันได้ทั้งวี่ทั้งวันอย่างที่เห็นในหนัง) แต่เหมือน Amity จะฉีดเซรุ่มเกินขนาดให้นางไปหน่อย และนางก็ต้านเซรุ่มนี้ไม่ได้ (ทั้งๆ ที่ต้านเซรุ่มตอน stimulation ได้) นางเลยบ้าๆ ไปพักนึง ซึ่งหนังไม่มีโมเมนต์นี้
ส่วนครึ่งหลังของเรื่อง เนื่องจากในหนังสือไม่มี SIMs เยอะห้าด่านหกด่านแบบในหนัง ดังนั้น Tris จึงไม่มีโอกาสได้ไว้ชีวิต Peter ดังนั้นสาเหตุที่ Peter ในหนังสือจะรู้สึกเป็นหนี้และอยากช่วย Tris เป็นการตอบแทนก็คือ ตอบแทนที่ Tris ช่วยชีวิต Peter ให้รอดตายจากกระสุนไว้ตอนที่ Dauntless บุกเข้ามาใน Amity (แม้ว่าก่อนนางจะกระโดดไปช่วย นางไม่รู้หรอกว่าคนที่ตัวเองกำลังช่วยจะเป็น Peter คู่กัดตัวเอง)
“I can’t be anyone’s debt. The idea that I owed you something made me sick.”
วิธีการช่วยของ Peter ถ้าเอาอย่างละเอียดตามในหนังสือและดูเกรียนน้อยกว่าในหนัง – เล่าโดยย่อคือ… Peter ย้อมสีเซรุ่มอัมพาตชั่วคราวให้สีเหมือน Death Serum ที่ Jeanine จะให้ฉีดเพื่อฆ่า Tris แล้วเอาเซรุ่มไปสลับกัน จบ.
7. Marcus
ตอนวิ่งหนีออกจาก Amity ทุกคนแยกย้ายกันวิ่ง โดยไม่มีฉาก Peter หักหลังต่อหน้าต่อตาแบบในหนัง ในหนังสือจะต่างคนต่างวิ่ง จนเหลือรอดแต่ Tris, Four, Caleb, และ Susan โดยไม่มีฉากกระโดดข้ามรถไฟสุดเชย เอ้ย สุดเท่ของพระเอกเหมือนในหนัง
ส่วน Marcus (พ่อของ Four) และคนอื่นๆ ก็ไปไหนไม่รู้ พวก Tris ตัดสินเอาเองว่า พวกนั้นคงหนีไม่รอด
Marcus ก็เช่นเดียวกับเจ๊ Johanna คือออกมาแค่ตอนต้นๆ มีบทบาทน้อย คนดูเห็น Marcus ครั้งสุดท้ายตอนที่เขาถูก Dauntless ยิงในกรีนเฮ้าส์ แล้วหนังก็ไม่พูดถึงอีกเลยว่าเขาเป็นตายร้ายดียังไง (คงจะเอามาเซอร์ไพรส์ภาคหน้า) แต่ในหนังสือ Marcus มีบทบาทมากกว่านั้น เหมือนเป็นคนกุมความลับไว้ และกลับมาช่วยเด็กๆ ในตอนหลัง (ถึงแม้ Tris จะเกลียดขี้หน้าพ่อสามีแค่ไหนก็เถอะ)
ต่อมายังเฉลยอีกด้วยว่า Marcus ก็เป็น Divergent รวมถึง Marcus ยังบอกอีกด้วยว่า ตอนท้ายภาคหนึ่งที่แม่ของ Tris เข้าไปช่วย Tris น่ะเป็นเรื่องบังเอิญ นางไม่รู้ว่า Tris อยู่ที่นั่นมาก่อน นางแค่จะเข้าไปไฟล์สำคัญให้ปลอดภัยจากเงื้อมมือ Jeanine แต่พอไปเจอ Tris ก่อนไฟล์ นางก็เลือกทิ้งไฟล์นั้นแล้วดิ่งไปช่วย Tris แทนทันที ซึ่งทำให้ Tris เข้าใจว่าข้อมูลนั้นสำคัญกับพ่อแม่ของเธอมากจริงๆ
8. Evelyn
การปะทะกับพวก Factionless บนรถไฟ ในหนังสือก็แค่เจอหน้ากันเบาๆ ไม่ทันได้ต่อยตีกันยกใหญ่อย่างในหนังเลยแม้แต่แอะเดียว เพราะ Four พูดขึ้นก่อนจะมีเรื่องเลยว่า “My name is Tobias Eaton. I don’t think you want to push me off this train.” (ในหนังก็ต้องการขายฉากบู๊ เป็นเรื่องสามัญปกติแหละ)
กลุ่ม Factionless ส่วนใหญ่มาจาก Dauntless โดยเฉพาะคนแก่ที่ถูกบีบให้ออกจากกลุ่มเมื่อสังขารไม่อำนวยแล้ว รองลงมาคือ Erudite ส่วน Abnegation คือกลุ่มที่มาอยู่ Factionless น้อยที่สุด จนกระทั่งถูก attack เมื่อปลายภาคแรกที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม Factionless มีประชากรที่เป็น Divergent สูงมาก
แม่ของ Four ในหนังสือเคยเกริ่นมาแต่แรกแล้วว่านางตายไปตอนคลอดลูกคนที่สอง และในหนังสือภาคสองนี้ เขาบรรยายว่า Tris จำไม่ได้ว่าแม่ของ Four ตายยังไง แต่เธอคุ้นว่าเธอเคยไปร่วมงานศพ (อืม รู้สึกว่าหนังสือทั้งสองภาคแอบขัดๆ กันเล็กน้อย เอ๊ะ… หรือนี่เข้าใจอะไรผิดไปเอง) โดยแม่ของ Four ใช้ชื่อว่า Evelyn Johnson แทนนามสกุล Eaton
โดยกำเนิด Evelyn เป็น Erudite มาก่อน (แล้วค่อยย้ายมา Abnegation และแต่งงานกับ Marcus) และเธอก็เป็นคนบอก Tris กับ Caleb ว่าพ่อของพวกเธอก็เคยเป็น Erudite เช่นกัน พูดง่ายๆ ว่าปู่ย่าของ Tris กับ Caleb นี่เป็นเพื่อนซี้กับพ่อแม่ของ Jeanine ตัวร้ายเลยทีเดียว
นอกจากนี้ในหนังสือบอกด้วยว่า Four รู้เรื่องที่แม่ของเขายังมีชีวิตอยู่และเป็นผู้นำกลุ่ม Factionless มาประมาณหนึ่งปีก่อนหน้านี้แล้ว เพราะตอนนั้นแม่ส่งข้อความมานัดให้เขาออกไปพบ
Evelyn มีเป้าหมายจะสร้างสังคมใหม่ในอนาคตที่ไม่มีระบบ faction และต้องการกำลังพลความช่วยเหลือจาก Dauntless
ในหนังสือ Evelyn เล่ากับ Four ด้วยว่า Marcus สงสัยตั้งแต่ Four ยังเล็กแล้วว่า Four เป็น Divergent (เพราะ Marcus ก็เป็น Divergent แต่แค่ไม่เคยบอกใคร) และเขาก็เฝ้าดู Four อย่างใกล้ชิดมาตลอด ตอนที่ Evelyn หนี Marcus ออกมา เธอจึงไม่เอา Four มากับเธอด้วย เพราะเธอคิดว่า Four จะปลอดภัยกว่าถ้าอยู่กับ Marcus
คำบอกเล่านี้ทำให้ Four เริ่มใจอ่อนอยู่ในใจ แต่ Tris ยังคงไม่เชื่อใจเธอ มองว่าเธอพยายามหลอกใช้ Four ซึ่งตรงนี้จะค่อนข้างตรงกันข้ามจากในหนัง
“If I decide to forgive her, you had better try to do it too!”
นอกจากนี้ Tris ยังง้องแง้งใส่ Four อีกว่า Four แอบไปคุยเรื่องสำคัญกับแม่กลางดึกลับหลังเธอ แต่ไม่ยอมมาเล่าสักนิดว่าคุยอะไรกัน (เธอไปแอบได้ยินเองโดยบังเอิญ) แต่ต่อมา Four ก็ย้อน Tris กลับเหมือนกันว่า Tris ก็ไม่ยอมบอก Four เรื่องที่เธอฆ่า Will แล้วทั้งคู่ก็เถียงกันเรื่องความไว้ใจ
9. Christina
ที่ Candor ในหนังสือ Tris ไม่ได้โกรธ Four เรื่องที่ Four เสนอให้ใช้ Truth Serum เพราะในหนังสือ Four ไม่ได้เสนอให้ใช้ Jack Kang ผู้นำกลุ่ม Candor เป็นคนคิดเองพูดเองแต่ต้นเลยว่าจะใช้ Truth Serum กับทั้งสองคน
ส่วนที่ Tris โกหก Christina เรื่อง Will ก็แตกต่างเล็กน้อยแต่ไม่มาก ในหนัง Christina มาถาม Tris ว่าเจอ Will บ้างมั้ย แล้ว Tris ก็โกหกไปว่าไม่เจอเลย แต่ในหนังสือ Christina เป็นคนบอก Tris ว่า Will ตายแล้ว Tris ก็ทำเป็นไหลตามน้ำบอกไปว่า รู้แล้ว เห็นจากในมอนิเตอร์ในห้องควบคุมอะไรสักอย่าง
อย่างไรก็ตาม หนังภาคแรกมันไม่ได้ทำให้ Will กับ Christina เป็นแฟนกันตั้งแต่แรกแล้ว พอถึงภาคสองตอนนี้มันเลยดราม่าได้ไม่สุด (ในหนังสือทั้งคู่เป็นแฟนกันตั้งแต่ภาคแรก)
Christina หายโกรธ Tris ในคืนที่ Jeanine ใช้ simulation กับคนที่ไม่รูอิโหน่อิเหน่ให้ฆ่าตัวตาย ถ้าใครจำได้ สาวผมทอง Marlene ตายตอนที่กระโดดลงมาตอนถูก Jeanine ควบคุมนั่นแหละ โดยในหนัง เราจะเห็น Tris เลือกช่วย Christina ส่วนอีกคนช่วยเจ้าเด็ก Hector แต่ในหนังสือ Christina ไม่ได้ถูก simulated แต่เป็นคนวิ่งมาปลุก Tris ให้รีบไปดูเหตุการณ์ ในหนังสือ Tris ช่วย Hector ส่วน Christina ช่วยเด็กอีกคน
Tris เสียใจมากที่ไม่เลือกช่วย Marlene ซึ่งเป็นเพื่อนของเธอ แต่นาทีนั้นเธอกดดันและจำเป็นต้องเลือกช่วย Hector ก่อนจริงๆ เพราะตอนนั้น Shaunna เพิ่งเป็นอัมพาตหลังจากถูกยิงหมาดๆ Hector จึงสำคัญกับ Lynn มาก เธอรู้สึกว่า Lynn จะเสีย Hector ไปไม่ได้
แล้วคืนนั้นเอง Tris ก็แอบหนีไป Erudite คนเดียว ในหนังเธอลอบออกไปอย่างเงียบๆ ไม่บอกใคร แต่ในหนังสือเธอบอก Christina ก่อนไป โดยโกหกเพื่อนว่าจะไปหา Caleb ที่ Abnegation
10. Eric
ตอนที่พวก Eric บุกมาที่ Candor ยามราตรี พวก Tris, Uriah, Lynn, และ Marlene กำลังลาดตระเวนสปายอยู่ข้างบนดาดฟ้า (Four ไม่ไป เพราะกลัวความสูง) ตอนที่ทุกคนโดนยิงสลบไป Tris กับ Uriah ซึ่งเป็น Divergent ไม่เป็นอะไร แอบเอาแจ๊กเกตของพวกศัตรูที่ถูกยิงมาใส่เพื่อพรางตัวเป็นทีม Eric เนียนๆ ไป แต่สุดท้ายก็ถูก Eric จับได้
ส่วนตอนที่ Four กับพวกที่แอบอยู่ออกมาช่วยพวก Divergent แล้ว Four ยังไม่ยิง Eric ทิ้งตอนนั้นเดี๋ยวนั้น แต่ไปฆ่าตอนหลังจากการตัดสินโทษของ Eric โดยชอบธรรมโดยสมาชิก Dauntless แล้ว แต่ไม่ว่าจะตอนไหน Four ก็เป็นคนเหนี่ยวไกอยู่ดี ตามคำขอสุดท้ายของ Eric
11. Four
เพื่อนๆ ใน Dauntless ต่างแซว Four เรื่อง Marcus ตอนที่ Marcus มาที่ Candor เขาจึงเข้าไปใช้เข็มขัดฟาดพ่อเขาอย่างที่พ่อเคยทำกับเขาสมัยเด็กๆ ต่อหน้าคนทั้งหลายกลางโรงอาหาร เพื่อให้ทุกคนเลิกมองว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดและยอมรับให้เขาได้ขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำคนใหม่ของ Dauntless
“I needed to prove to the Dauntless that I am not a coward.”
ซึ่งในที่สุด Four ก็ได้รับการโหวตให้เป็นผู้นำกลุ่ม พร้อมกับ Tori และ Harrison (ชายวัยกลางคนที่ไม่ได้มีบทบาทอะไรคนหนึ่ง) จริงๆ แล้ว Marlene ก็โหวต Tris ด้วยเช่นกันนะ แต่ Tris ขอปฏิเสธตำแหน่งดังกล่าวไป
12. Jeanine
ในหนังเราจะเห็นนวัตกรรมที่จู่ๆ Erudite ก็เสกมาจากไหนไม่รู้ เอามาใช้ในกระบวนการล่าแม่มด เอ้ย ล่า Divergent เพื่อวัดระดับเปอร์เซ็นต์ความเป็น Divergent ในตัวประชากร (แน่นอนว่า Tris 100%) ซึ่งในหนังสือ ไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าว และในความเป็นจริง ก็ไม่ควรจะมีอยู่แล้วด้วย
เราว่าอุปกรณ์ตรวจวัดระกับความเป็น Divergent ในหนังมันดูไม่สมจริงไปเสียหน่อยอะ ลองคิดดูสิ มันจะไม่ดูอะเมซซิ่งเว่อร์วังไปหน่อยหรอ ที่จู่ๆ แกก็ประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมสุดล้ำนี้ได้เพียงชั่วข้ามคืนเนี่ย!
ส่วนที่ Jeanine ในหนังสือล่วงรู้ดีกรีความเป็น Divergent ของ Tris ได้อย่างไรนั้นคือ Caleb ล้วนๆ กล่าวคือ Caleb หลอกถาม Tris ในหนังสือตอนต้นว่าผล Aptitude Test ของ Tris มีอะไรบ้าง แล้วต่อมา Caleb ก็เป็นคนไปบอก Jeanine ว่าน้องสาวตัวเองเป็น Divergent ที่มีคุณสมบัติถึง 3 ใน 5 faction (มีหมด ยกเว้น Amity กับ Candor)
Jeanine ไม่มีทางรู้ผลของ Tris จาก Aptitude Test เองมาก่อนหน้านี้ เพราะ Tori (ซึ่ง transfer มาจาก Erudite นี่แหละ) จัดการบิดเบือนรายงานหรือปลอมแปลงข้อมูลของ Tris ไปแล้วสิ้น
นอกจากนี้ ที่เราเห็นในหนังตอนจะ End Credit ว่า Evelyn ยิง Jeanine ตายอย่างสวยงามนั้น ในหนังสือ Jeanine ไม่ได้ถูกฆ่าตายโดย Evelyn แต่ Tori เป็นคนฆ่า โดย Tori มีสิทธิและเหตุผลในการฆ่า Jeanine ตรงที่ Jeanine เคยฆ่า Jonathan Wu พี่ชายของเธอมาก่อน (พี่ชายของ Tori เป็น Divergent) โดยในหนังสือ Jeanine ถูก Tori ฆ่าตายตั้งแต่กล่องปริศนาหรือฮาร์ดไดร์ฟยังไม่ถูกเปิดเลยด้วยซ้ำ
การเปลี่ยนคนฆ่า Jeanine ของในหนังก็ไม่ได้แย่ เพราะหนังไม่ได้ให้ความสำคัญกับ Tori หรือการตายของพี่ชายนางมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ดังนั้นการเปลี่ยนให้ Evelyn (ซึ่งรับบทโดยดาราดังอย่าง Naomi Watts) เป็นคนฆ่าแทน ก็ดูน่าจดจำดีและเป็นการเทคโอเวอร์ที่สมบูรณ์แบบดี เพราะไหนๆ Evelyn ก็กำลังจะมีบทบาทเป็นผู้นำคนใหม่ในซีซันหน้ากันอยู่แล้ว เนาะ
13. The Creator
กล่องโบราณที่บรรจุข้อความจากท่านผู้สร้างที่ Jeanine พยายามใช้ Divergent มาเปิดนั้น ในหนังสือเป็นแค่ hard drive ธรรมดา (จินตนาการว่า คงไม่น่าจะดูขลังเว่อร์วังแบบในหนัง) โดยหนังให้ความสำคัญกับฉากที่ Jeanine พยายามหา Divergent มาเปิดนังกล่องปริศนานี้มาก
ฉากที่ Tris ต้องผ่านด่านทั้ง 5 factions เพื่อเปิดกล่องนี้จนสำเร็จถือเป็นไคลแมกซ์ของหนัง ซึ่งมันก็เป็นการจับ main idea ที่ดี และก็ดูเป็นส่วนที่สนุกที่สุดแล้วที่มันจะเป็นไปได้จากที่ Roth เขียนไว้ในหนังสือต้นฉบับ
ข้อแตกต่างอีกอย่างเกี่ยวกับข้อความปริศนานี้ก็คือ ในหนังไม่ได้บอกว่า ผู้หญิงหรือผู้สร้างที่พูดอยู่ในคลิปนั้น ชื่อว่า Amanda Ritter หรือ Edith Prior (สรุปคือนางคือโคตรเหง้าบรรพบุรุษของ Tris กับ Caleb Prior นั่นเอง)
ตอนจบระหว่างหนังกับหนังสือก็ต่างกันเล็กน้อย ในหนัง ประตูเปิดกว้าง ประชากรทั้งเมืองกระโดดดี๊ด๊าเตรียมออกจากประตูเมืองไปสู่โลกใบใหม่หลังกำแพงที่พวกเขาไม่เคยรู้จัก แต่ในหนังสือ ไม่ได้พูดอย่างนั้นเลยสักนิด แถมในภาคต่อไป ทุกคนจะประสบปัญหาว่า Everlyn สั่งไม่ให้ใครหน้าไหนเข้าใกล้หรือออกจากกำแพงเมืองอีกต่างหาก น่าสนุกจริงๆ…
READ MORE: ความคิดเห็นของ Veronica Roth เกี่ยวกับประเด็นความแตกต่างของหนัง INSURGENT กับหนังสือที่เธอแต่ง ที่ >>> http://theartofnotwriting.tumblr.com/post/111590019156/insurgent-movie
18 comments