“Art is pain, life is suffering”
ตั้งแต่หนังเรื่อง John Wick เข้าฉายเมื่อปี 2014 พระเอกหนุ่มติดดิน Keanu Reeves ก็ได้กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง หลังจากที่กระแสหนังของเขาเงียบ ๆ ไปหลายปี เรื่องสุดท้ายที่ปัง ๆ ของเค้าก็เหมือนจะเป็นเรื่อง The Matrix ปี 1999 – 2003 นู่นเลย ซึ่ง Chad Stahelski สตันท์แมนของเค้าในเรื่องนั้น ปัจจุบันก็คือ ผู้กำกับ John Wick ทั้งสามภาคนี้นี่เอง
ยังจำได้ว่า เราไปดู John Wick ภาคแรกแบบไม่คาดหวังมาก ปรากฏว่ามันเป็นหนังแอ็คชั่นที่สนุกชิบหายวายป่วง โหด มันส์ เดือด ฆ่าไม่บันยะบันยัง ตัวหนังก็ประสบความสำเร็จจนทำให้ได้ขยายจักรวาลของหนัง มีภาคสองและภาคสามตามมา ซึ่งดูเหมือนว่า แฟรนไชส์นี้จะยังไม่สิ้นสุดแค่เพียงสามภาคนี้ซะด้วยสิ
สำหรับคนที่ไม่เคยดูภาคก่อน ๆ มาก่อน ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเรื่องย่อของสองภาคแรกนั้นเล่าง่ายและสั้นมาก ส่วนใหญ่หนังขายฉากแอ็คชั่นจัดเต็มเป็นหลัก แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็แนะนำให้ดูให้ครบทุกภาค เพราะเรื่องราวภาค 1-3 นั้น เรียกว่าเกิดขึ้นต่อ ๆ กันเลย
ภาคแรกเริ่มต้นขึ้นคือ ลูกชายของหัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่มาฆ่าหมาและขโมยรถของ John Wick (Keanu Reeves) ทำให้ John Wick มาแก้แค้น ฆ่าล้างบางทั้งแก๊งมาเฟีย ต่อมาภาคสอง มีคนมากึ่งบังคับให้ John Wick ไปฆ่าคนในสภาสูง แล้วสุดท้ายมีเหตุให้ลงเอยที่ John Wick ฆ่าคนคนนึงในสภาสูงนั้นใต้ชายคาโรงแรม The Continental ซึ่งมีกฎอยู่ว่านักฆ่าทั้งหลายห้ามทำภารกิจหรือต่อสู้กันในเขตโรงแรมเด็ดขาด
ผลแห่งการกระทำในภาคที่แล้วส่งผลให้ John Wick ถูกอเปหิจากวงการ และถูกสภาสูงหมายหัวด้วยค่าหัวสูงถึง 14 ล้านเหรียญฯ ทำให้นักฆ่าจากทั่วทุกสารทิศต่างกรูกันเข้ามาหวังฆ่า John Wick พิชิตเงินรางวัล โดยเฉพาะแก๊งนักฆ่าเอเชียฝีมือขั้นเทพ นำโดย Zero (Mark Dacascos)
ในขณะเดียวกัน คนที่เคยช่วย John Wick ในภาคที่แล้ว ได้แก่ Winston ผู้จัดการโรงแรม (Ian McShane จาก Pirates of the Caribbean) กับ Bowery King (Laurence Fishburne จาก The Matrix) ก็โดนหางเลขไปด้วย โดยคนจากสภาสูงฝ่ายตุลาการ (Asia Kate Dillon จาก Orange Is the New Black) ตามมาเคลียร์บัญชีถึงที่
สิ่งที่ชอบในภาคนี้คือความเล่นใหญ่จัดเต็มกว่าเดิม คือ 2 ใหญ่กว่า 1 แล้ว อันนี้ 3 ก็ใหญ่กว่า 2 คือมันใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และด้วยความที่ไม่ต้องปูเรื่องอะไรเยอะแล้ว มาถึงก็ยิงกันได้เลย ฉากแอ็คชั่นจึงเดืิอดตลอดเวลาชนิดแทบไม่มีเว้นว่างให้พักหายใจหายคอ อีกทั้งการออกแบบซีนแอ็คชั่นยังคงสดใหม่ แทรกมุกตลกเบา ๆ โดยรวมไม่รู้สึกซ้ำซากจำเจกับก่อนหน้า (แถมมีโหดกว่าการใช้ดินสอฆ่าคนแล้วซะด้วย) แต่ละฉากนี่โหดจนต้องร้องขอชีวิต ตลอดเรื่องคือต้องเอามือทาบอก อ้าปากค้าง และร้องเ-ี้ยบ่อยมาก เพราะมันเดือดมากจริง ๆ ไม่เสียชื่อผู้กำกับที่เคยเป็นอดีตสตันท์แมน
ในบรรดาสามองก์ แอ็คชั่นองก์แรกเป็นส่วนที่เราชอบมากที่สุดของหนัง โดยในองก์นี้ส่วนใหญ่อยู่ในนิวยอร์ก ตั้งแต่ห้องสมุดประชาชน คอกม้า ร้านขายอาวุธเก่า ฯลฯ ตรงนี้แหละที่เราบอกตะกี้ว่าของของเค้ามันดูสดใหม่ ตื่นตาตื่นใจ ถึงแม้หลายฉากก็เห็นแล้วบ้างในเทรลเลอร์ แต่ในฉบับหนังเต็ม สนุกกว่าในเทรลเลอร์หลายเท่า!
องก์ที่สอง จริง ๆ แล้วเราก็ชอบในช่วงที่ John Wick พบกับ Sofia (Halle Berry จาก X-Men) ที่คาซาบลังก้า และบู๊คู่กัน พร้อมกับหมาอีก 2-3 ตัวของ Sofia ซึ่ง Halle Berry ไม่ได้มารับเชิญแค่เล่น ๆ แต่บู๊จัดหนักจัดเต็ม หมา ๆ ของเธอในเรื่องก็ได้ซีนเยอะและโหดกว่าที่คาดมาก นอกจากนี้ ผู้กำกับเค้ายังสามารถทำออกมาให้คนดูรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในฉาก ๆ นั้นจริง ๆ ซึ่งเราว่ามันสนุกมาก สนุกจนลืมหายใจ
แต่แถว ๆ นี้ มันก็จะมีในส่วนของบทบางจุดที่เราไม่ค่อยชอบอยู่บ้าง กล่าวคือ เราไม่ค่อยเก๊ตกับการที่ John Wick ต้องไปหาเจ๊เจ้าของโรงละครก่อน (Anjelica Huston จาก The Addams Family) แล้วค่อยมาหา Sofia เพื่อให้ Sofia พาไปหาหัวหน้าเก่าของ Sofia อีกที (Jerome Flynn จาก Game of Thrones) เพื่อให้ลุงแกชี้ทางไปหาคนที่สูงกว่าสภาสูง (Saïd Taghmaoui จาก Wonder Woman) แล้วสุดท้ายก็วาร์ปกลับมานิวยอร์ก… ที่ The Continental
องก์สามส่วนใหญ่เป็นการยิงและสู้กันใน The Continental ระหว่างทหาร/จนท.จากพวกสภาสูง กับ John Wick ซึ่งพวกทหารมาพร้อมชุดเกราะพิเศษ ซึ่งถือเป็นโจทย์ที่หนักขึ้นสำหรับ John Wick แต่ก็เช่นเดิม ต่อให้มาเป็นแสน พี่จอห์นก็ไม่หวั่น รวมถึงยังมีการสู้กันระหว่าง John Wick กับแก๊งเอเชียของ Zero ในช่วงไคลแมกซ์ ซึ่งพวกนี้มีฝีมือที่ค่อนข้างสมน้ำสมเนื้อกับ John Wick หน่อย เป็นครั้งแรกที่แอบมีความรู้สึก ณ ขณะดูหนัง John Wick ว่า กลัวพระเอกจะตายจริง ๆ (ภาคก่อน ๆ ตัวร้ายกับพระเอกยังเหมือนกระดูกคนละเบอร์)
โดยสรุป John Wick ยังเป็นหนังพูดน้อยต่อยหนัก บทไม่มากแต่บู๊หนักมากอยู่เช่นเดิม เพิ่มเติมคือการขยายจักรวาลที่ใหญ่โตขึ้นและแอ็คชั่นเล่นใหญ่กว่าเดิม โหดกว่าเดิม ภาพและสีก็สวย คุมโทนและทำโปรดักชั่นได้อย่างมีศิลปะ ยังไงก็ไม่ทำให้คอหนังแอ็คชั่นผิดหวังแน่นอน ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 8.5/10
รีวิวภาคแรก http://www.kwanmanie.com/john-wick-review/
รีวิวภาคสอง http://www.kwanmanie.com/john-wick-chapter-2-review/
47 comments
Comments are closed.