พวกเราหลายคนคงจะคุ้นเคยกับแอนิเมชั่นสไตล์ Pixar หรือ Disney กันเป็นอย่างดี แต่นอกจากงานแอนิเมชั่นที่ใช้คอมพิวเตอร์ CGI แล้ว โลกเรายังมีแอนิเมชั่นแบบ Stop-Motion กับการใช้เทคนิค 3D printing เช่น Anomalisa ที่เข้าชิงออสการ์กับ Inside Out เมื่อปีที่แล้ว และปีนี้ดูเหมือน Zootopia ของ Disney อาจมีหนาวเช่นกัน เพราะ Kubo and the Two Strings ของ Laika เขาไม่ได้มาเล่น ๆ
Kubo and the Two Strings เป็นผลงานแอนิเมชั่นเรื่องที่ 4 ของค่าย Laika ผู้สร้าง Coraline, Paranorman, และ The Boxtrolls กำกับโดย Travis Knight พากย์เสียงโดยกองทัพนักแสดงระดับออสการ์ ได้แก่ Charlize Theron, Matthew McConaughey, Ralph Fiennes, Rooney Mara, Brenda Vaccaro ร่วมด้วย Art Parkinson นักแสดงเด็กดาวรุ่ง หรือ Rickon Stark จากซีรีส์ Game of Thrones
เรื่องย่อ Kubo and the Two Strings
หลังจากแม่เสียสละชีวิตให้ Kubo (Art Parkinson จาก Game of Thrones) รอดพ้นจากเงื้อมมือของ Moon King ผู้เป็นตาแท้ ๆ (Ralph Fiennes หรือ Lord Voldemort จาก Harry Potter) และน้าสาว (Rooney Mara จาก Carol) เด็กชายก็ต้องออกไปตามหาดาบ ชุดเกราะ และหมวกของพ่อของเขา ซึ่งเป็นนักรบซามูไรที่ถูก Moon King ฆ่าตายเมื่อ 11 ปีก่อน โดยมีป้าจ๋อ (Charlize Theron จาก Mad Max: Fury Road) และลุงด้วง (Matthew McConaughey จาก Dallas Buyers Club) เป็นพี่เลี้ยงหรือเพื่อนร่วมทาง
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ Kubo and the Two Strings
“If you must blink, do it now. Pay careful attention to everything you see…”
ดูจากรายชื่อคนพากย์เสียง และเบื้องหลังกรรมวิธีการสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่และละเอียดลออของพวกเขาแล้ว พูดได้เลยว่า Kubo and the Two Strings เกิดมาเพื่อล่ารางวัลแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง
ทุกคนที่ได้ไปชมรอบสื่อต่างชื่นชมเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า “ภาพสวยมาก!” โดดเด่นแบบไร้ที่ติหรือ flawless เลยก็ว่าได้ จนอาจจะพูดได้เลยว่านี่คือส่วนผสมที่ลงตัวที่สุดของงานแอนิเมชั่นแบบ Stop-Motion กับคอมพิวเตอร์กราฟิก ดังนั้น ถ้าใครที่ชอบการ์ตูนหรืองานแอนิเมชั่น ไม่ว่าจะแบบ Stop-Motion หรือไม่ก็ตามแต่ รวมถึงคนที่สนใจเทคโนโลยี 3D printing อยู่นั้น เราแนะนำเลยว่า คุณจะต้องหลงรักหนังเรื่องนี้
ในส่วนของเนื้อหาอาจจะไม่มีอะไรมาก บางโมเมนต์แอบนึกถึง Harry Potter เพราะ Kubo (Art Parkinson) เป็นเด็กชายผู้รอดชีวิต พ่อแม่ใช้เวทมนตร์และพลังแห่งความรักเฮือกหายใจสุดท้ายปกป้องเขาจากเงื้อมมือน้าสาว (Rooney Mara) ซึ่งลอยมาเหมือนผู้คุมวิญญาณเวอร์ชั่นผีญี่ปุ่น และ Moon King (Ralph Fiennes) ซึ่งพากย์เสียงโดยอดีต Lord Voldemort เอง
แต่โดยรวมก็ไม่ได้ซ้ำกับ Harry Potter เลยนะ แถมเป็นหนังที่มีสาระ เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี มีกลิ่นอายของความตะวันออก โดยเฉพาะในเรื่องประเพณี วิถีชีวิต และปรัชญาตะวันออกของคนญี่ปุ่น เช่น มีฟีล “อย่ากลับบ้านดึกนะ เดี๋ยวผีมากินตับ หรือโจรมาจับไปเรียกค่าไถ่” และ “ถ้าไม่เชื่อฟังหรือขัดคำสั่งพ่อแม่ ก็จะ….”
อย่างไรก็ดี แก่นหลัก ๆ ของหนังเกี่ยวกับครอบครัว ความทรงจำ และความเป็นมนุษย์ ซึ่งพอดูจบ เราจะเข้าใจได้ทันทีว่า ทำไมหนังเรื่องนี้ต้องชื่อนี้… เราไม่รู้ว่าพิณของ Kubo มาจากไหน มีที่มาที่ไปยังไง จนจบเรื่องแล้วหนังก็ไม่ได้บอก แต่บางทีมันอาจจะไม่สลักสำคัญอะไรก็ได้ เพราะ “the Two Strings” ณ ที่นี้ อาจจะไม่ได้หมายถึงสายพิณ หากแต่หมายถึงสายใยครอบครัว หรือเป็นตัวแทนของพ่อและแม่ โดยทั้งนี้ ไม่จำเป็นว่าพ่อและแม่ของเราจะยังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่ เพราะใดใดในโลกล้วนอนิจจังสังขารไม่เที่ยงอยู่แล้ว
ลึก ๆ หนังมีความพุทธอยู่เบา ๆ อย่างที่จะเห็นได้จากพระพุทธรูปใหญ่ตลอดการเดินทางของ Kubo และคำพูดที่ทำให้เราเห็นภาพว่า “ตายแล้วไปไหน” ซึ่งจริง ๆ มันก็คล้ายกับที่หนังเรื่อง Lucy สื่อนะ แต่ตอนนั้น Lucy ใช้เวลาแทบทั้งเรื่องเลยมั้งเพื่อพาคนดูมาเข้าถึงประเด็นนี้ แต่ Kubo and the Two Strings ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้เน้นจุดนี้เป็นหลัก แต่ก็ทำให้เราเก๊ตจุดนั้นได้ด้วยประโยคเดียวสั้น ๆ ประโยคเดียว
ในส่วนของตัวละคร บอกเลยว่า คนที่เด่นสุดไม่ใช่ Kubo นะ แต่เป็นป้าจ๋อ (Charlize Theron) โดยเฉพาะตอนป้าจ๋อต่อล้อต่อเถียงกับลุงด้วง (Matthew McConaughey) นี่จิ้นมาก พากย์ได้มีเสน่ห์สุด ๆ คาแรกเตอร์กับไดอะล็อกของพวกนางก็ตลก จุดที่คิดว่าจะไม่ขำมันก็ขำ เป็นหนังที่ทำให้ดูแล้วอารมณ์ดี
ทุกคนในเรื่องนี้พากย์ได้ดี ส่งอารมณ์ได้ยอดเยี่ยม ไม่เสียชื่อมีดีกรีเป็นนักแสดงออสการ์กันทั้งนั้น แม้แต่เจ้าหนู Art Parkinson ที่ดูโง่ ๆ และไร้ประโยชน์ใน Game of Thrones ก็พากย์เป็น Kubo ได้โอเคเลย น้ำเสียงดูมีชีวิตชีวา และกำลังเป็น Kubo จริง ๆ
แต่แอบสงสัยนิดนึงเหมือนกันนะว่า หน้าตาการ์ตูน ชื่อตัวละคร และโลเกชั่นก็ดูญี่ปุ่นจริงจัง แต่ใช้นักแสดงฮอลลีวู้ดพากย์ตัวเด่นหมดเลย และ speak English with strong accents มาก มีนักแสดงญี่ปุ่นไม่กี่คนที่ได้พากย์ แถมได้พากย์เป็นตัวประกอบได้พูดไม่กี่ประโยคอีกต่างหาก แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นประเด็นติดใจอะไรนะ เพราะมันไม่ขัดหรือบั่นทอนความสนุกเลยแม้แต่น้อย
สำหรับหนังเรื่องนี้ หัวใจของมันคือ “เรื่องเล่า” หรือ “ความทรงจำ” กล่าวคือ ไม่ว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายายท่านจะอยู่หรือจาก สิ่งดี ๆ หรือความดีงามที่ท่านสร้างไว้ครั้งยังมีชีวิตอยู่จะเป็นที่ระลึกหรือกล่าวขานของลูกหลานอยู่เสมอ โดยพื้นฐานสุดคือ “มุขปาฐะ” หรือการเล่าปากต่อปาก จนถึงการเขียนหรือวาดเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นจะหล่อหลอมเขาให้เติบโตไปในทิศทางนั้น ๆ อีกทั้งเป็นกำลังใจสำคัญหรือแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ของคนรุ่นหลัง อย่างที่ Kubo กล่าวว่า “Memories are powerful things.”
แล้วถ้าถามว่า ฟังเรื่องของบรรพบุรุษหรือพ่อแม่มาแล้ว ลูกหลานจำเป็นต้องเหมือนพวกเขามั้ย เอาจริงก็ไม่จำเป็นนะ อย่างเช่น ถ้าแม่ของ Kubo เลือกเดินตามรอยเท้าพ่อของเธอ เธอก็คงเป็นปีศาจเหมือนเขาไปแล้ว ส่วน Kubo ก็อาจไม่จำเป็นต้องเป็นฟันดาบหรือยิงธนูเก่งนักรบเหมือนพ่อของเขาที่เป็นซามูไรก็ได้ เพราะ Kubo ก็ได้รับหลายอย่างมาจากแม่เหมือนกัน เช่น เวทมนตร์ และศิลปะการเล่าเรื่อง
ดังนั้น มันคงจะดีกว่าถ้าเขาเอาความดีงามของทั้งสองมาผสานกับความเป็นตัวเขา และสร้างเรื่องราวใหม่ของตนเองขึ้นมา…
Kubo and the Two Strings ความชอบส่วนตัว 8/10
เข้าฉาย Sneak Preview (รอบหลัง 20:00 น.) ตั้งแต่ 1-7 กันยายน 2016 เข้าฉายจริง 8 กันยายน 2016 ในโรงภาพยนตร์ ระบบธรรมดาและระบบสามมิติ
ป.ล. ดูให้ถึงตอนขึ้น credit นะ อย่ารีบลุก ดูแล้วจะอยากลุกปรบมือให้ทีมงานเขาเลยจริง ๆ จากใจ
42 comments