ถ้าจะอ่านรีวิว LIFE หนังเอเลี่ยนสายพันธุ์มฤตยู 2017 ไปที่ http://www.kwanmanie.com/life-2017-review/ นะคะ
ภาพยนตร์ LIFE : เพื่อนผมชื่อ เจมส์ ดีน สร้างจากเรื่องจริง บอกเล่าเบื้องหลังการถ่ายภาพอดีตดาราทีนไอดอล James Dean โดยDennis Stock ช่างภาพประจำ Magnum Photos ในปี 1955 ซึ่งเป็นปีที่ Dennis Stock ถ่ายภาพ James Dean ลงนิตยสาร LIFE, เป็นปีที่หนังเรื่องแรกของ James Dean เข้าฉาย, เป็นปีที่ James Dean กำลังมีชื่อเสียงเงินทอง, และในขณะเดียวกัน ก็เป็นปีที่ James Dean จากโลกนี้ไปตลอดกาล…
เรื่องย่อ LIFE
ในปี 1955 Dennis Stock (Robert Pattinson จาก Twilight, Harry Potter) ช่างภาพของ Magnum Photos ได้บังเอิญรู้จักกับ Jimmy หรือ James Dean (Dane DeHaan จาก The Amazing Spider-Man 2, Chronicle) นักแสดงหนุ่มวัย 24 ปี และ James Dean ก็ได้ชวน Dennis Stock มาดูหนังรอบปฐมทัศน์เรื่อง East of Eden ซึ่งเป็นหนังเรื่องแรกที่เขาแสดงนำ
หลังจากดูหนังจบ Dennis Stock เห็นว่า James Dean คนนี้มีของ ไม่ธรรมดา เขาเชื่อว่าอีกไม่นาน James Dean จะต้องโด่งดังเป็นพลุแตกแน่นอน เขาจึงไปขออนุญาตเจ้านาย John Morris (Joel Edgerton จาก The Great Gatsby, Warrior, Exodus, The Gift) ว่าเขาจะถ่าย photo-essay ของ James Dean ส่งตีพิมพ์กับนิตยสาร LIFE โดยหวังว่าคอลเล็คชั่นนี้จะทำให้ James Dean ดังขึ้น และยังจะเป็นผลงานแจ้งเกิดทางอาชีพของเขาเองด้วย
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ LIFE
ถึงแม้พระเอกทั้งสองจะหล่อและเล่นดีแค่ไหน แต่ LIFE เป็นหนังสร้างจากเรื่องจริง เล่าเรื่องเรียบๆ ง่ายๆ นิ่งๆ ติสต์ๆ ตามชื่อหนัง ตามโปสเตอร์ และตามคาแรกเตอร์ของ James Dean เลยนั่นแหละ ดังนั้นใครที่จิตไม่แข็งพออาจจะเบื่อจนถึงขั้นง่วงได้
อย่างเราเอง ตอนแรกก็เตรียมใจกับความไม่หวือหวาของหนังมันแล้วนะ แต่พอเอาเข้าจริง มันดันค่อนข้างเนิบกว่าที่เราเตรียมใจไปสักหน่อย เราจึงต้องตั้งสติใหม่และใช้สมาธิสูงมากในการ concentrate กับแก่นสารของหนังและบทสนทนาของตัวละคร แต่ก็ดีใจที่ตัวเองตั้งใจดู ไม่ง่วง ไม่หลับ หรือไม่ลุกออกจากเก้าอี้ เพราะช่วงองก์สุดท้ายของหนัง เขาก็ได้ทำให้เราเข้าใจในที่สุดว่าสาระสำคัญที่หนังต้องการจะสื่อคืออะไรกับคนดู
ปัจจุบัน เราอาจจะรู้กันว่า James Dean เป็นดาราที่ดังเร็วและอายุสั้น เขามีผลงานการแสดงเพียงสามเรื่อง แต่ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Oscars สาขา Best Actor ทั้งๆ ที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว แต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้เน้นที่ความสามารถหรือผลงานของ James Dean ว่าเขาแสดงหนังเก่งอย่างไร ทำไมถึงดังได้
หนังบอกแต่ว่าผู้ชายคนนี้กำลังจะเป็นซุป’ตาร์หน้าใหม่ และเป็นสัญลักษณ์ของการเคลื่อนไหวอะไรสักอย่างของวงการ (“He’s the symbol of a new movement or something,”) หนังเขาเน้นให้เราได้เห็นแต่การใช้ชีวิตช่วงปีสุดท้ายของ James Dean ช่วงก่อนที่เขาจะดัง หนังเน้นโชว์ให้เห็นว่า อย่างน้อยก่อนตาย เขาก็ยังได้เรียนรู้การใช้ชีวิต การ appreciate things
นอกจากนี้หนังยังทำให้เราเห็นความย้อนแย้งในตัว James Dean เอง และในขณะเดียวกันก็ทำให้เราเข้าใจเขาไปด้วย กล่าวคือ James Dean อยากมาเป็นดาราฮอลลีวูดเพราะเขาอยากเป็นนักแสดงที่เก่งและเล่นบทดีๆ เขาอยากดังก็จริงแต่ก็อยากดังเพราะฝีมือการแสดง ไม่ได้อยากดังด้วยการโชว์ตัว ออกสื่อ หรือเดินสายโปรโมตตัวเองตามหมากฮอลลีวูด เขาเบื่อ…
อีกอย่างเขาอยากมีเวลาไปอยู่กับเพื่อนด้วย… เขาเหงา… จนกระทั่งได้มาเจอช่างภาพ Dennis Stock ซึ่งตอนแรกเหมือนจะเข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เกาะกินจากตัวเขา แต่สุดท้ายก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันทั้งๆ ที่ต่างกันแทบคนละขั้ว
ในส่วนของ Dennis Stock ตอนแรกเขาก็เหมือนฟรีแลนซ์ไส้แห้งที่ต้องกระเสือกกระสนหาเงินไปเลี้ยงปากท้องตัวเองและจุนเจือครอบครัว เขาจึงจำเป็นที่จะต้องรับงานเป็นตากล้องถ่ายภาพตามกองถ่ายหรือตามงานพรมแดงต๊อกๆ ไปวันๆ จนแทบไม่ได้แตะความฝันที่เขาอยากจะเป็นช่างภาพอาชีพที่ได้มีผลงานและนิทรรศการเป็นของตัวเอง
จะเห็นได้ว่า ชีวิตวัยทีนตอนปลายและยี่สิบตอนต้นของ Dennis Stock ต้องประสบกับความยากลำบากมากในการเป็นพ่อที่ดีของลูกชาย และการเป็นศิลปินที่ดี แต่พอเขาได้มาเจอ James Dean เขาก็เกิดพลังบางอย่าง
ตอนที่เขาดู East of Eden จบลง เขาไม่ได้แค่รู้สึกเชื่อมั่นในตัว James Dean หากแต่ยังเชื่อมั่นในตนเองได้มากขึ้นด้วย เขาได้เจอกับผู้ทรงอิทธิพลต่อชีวิตของเขา ผู้ซึ่งผ่านเข้ามาอยู่ในชีวิตของเขาเพียงเวลาอันสั้น…แต่กลับเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล…
เมื่อดาราใกล้รุ่งที่กับตากล้องหวังรุ่งมาเจอกัน มันจึงเกิดเรื่องราวของรูปภาพระดับตำนานขึ้น ดังนั้น สิ่งที่หนังเรื่อง LIFE เน้นก็คือ การถ่ายทำ photo-essay “Moody New Star” ของช่างภาพ Dennis Stock
โดยหนังจะพาเราลงดีเทลไปที่แรงจูงใจของเขาว่าทำไม Dennis Stock จึงอยากถ่ายรูป James Dean ซึ่ง ณ ขณะนั้นก็ยังเป็นแค่นักแสดงโนเนม กับแรงจูงใจที่ทำให้ James Dean ตกลงปลงใจร่วมโปรเจ็กต์กับช่างภาพไส้แห้งอย่าง Dennis Stock
โดยอัลบั้ม “Moody New Star” ของ Dennis Stock นี้ ใช้ New York ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพนักแสดงของ James Dean เป็นโลเกชั่นรอง และใช้ฟาร์มใน Indiana ซึ่งเป็น hometown ของเขาเป็นโลเกชั่นหลัก เพื่อจะสื่อว่าสภาพแวดล้อมที่ส่งผลให้ดาราดาวรุ่ง James Dean เป็นคนแบบนี้ได้นั้นเป็นอย่างไร (“It’s a good way of saying, ‘I’ve been here, you’ve been here,”)
“The story was to reveal the environments that affected and shaped the unique character of James Byron Dean. We felt a trip to his hometown, Fairmount, Indiana, and to New York, the place of his professional beginnings, would best reveal those influences.”
ถึงแม้ว่า ก่อนที่ East of Eden จะเข้าฉาย James Dean เป็นแค่ดาราเล็กๆ โนเนมใน L.A. เวลาไปออกงานที่ไหน ก็ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากสื่อ เวลามีคนเอ่ยชื่อเขา ก็ต้องมีคนถามกลับมาว่า “เจมส์ไหน?”
แต่ทุกครั้งที่เขากลับมาเยี่ยมเยือน Indiana เขาคือซุป’ตาร์ดาวเด่นประจำชุมชน ทุกคนแถวนั้นชื่นชมและภูมิใจเขาในฐานะที่เขาเป็นตัวแทนคนดังที่สร้างชื่อเสียงให้กับเมืองเล็กๆ ของพวกเขา ที่สำคัญ เวลาที่ได้กลับมาอยู่บ้าน เขาได้เป็นตัวเอง เขาได้ใช้ชีวิต และมีความสุข… สีหน้าและแววตาต่างจากตอนคุยกับผู้จัดการหรือตอนให้สัมภาษณ์สื่ออย่างลิบลับ…
ดังนั้น การเริ่มต้นจากตัวตนที่แท้จริงของดารา เพิ่มมิติให้เขาแทนที่จะปรุงแต่ง ถือเป็นคอนเซ็ปต์ที่ฉลาดและแหกกรอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับในสมัยนั้นซึ่งยังไม่มีการถ่ายภาพ childhood home ของดารานักแสดงแบบนี้มาก่อน
“no photographers at that time had ever visited the childhood home of an actor, because few actors had ever been willing to expose their roots, to admit that the seeds of their talent came from quite ordinary soil”.
เอาจริงๆ ตอนแรกเราก็แอบคิดว่า James Dean เป็นคนแปลกและดูไม่น่าจะดังได้เลย James Dean เท่าที่เราเห็นในหนัง LIFE นี้ คือดูติสต์แตกมาก เอาแน่เอานอนไม่ได้ ขี้เกียจ ดื้อรั้น เอาแต่ใจ เบี้ยวงาน ไม่ชอบออกสื่อ และดูป่วยตลอดเวลา คือดูเป็น personality ที่ไม่น่าจะ popular ได้เลยจริงๆ
อย่างไรก็ตาม หลังจากถ่ายภาพคอลเล็คชั่นนั้นเสร็จ East of Eden ก็เข้าฉายพอดี จากนักแสดงโนเนมก็กลายเป็นที่สนใจของคนทั้งประเทศในบัดดล ซึ่งนั่นคงเป็นเพราะฝีมือการแสดงของเขาเองเลยล้วนๆ ต่อมา ในปีเดียวกัน James Dean ก็มีผลงานอีกสองเรื่องเข้าฉายตามมา ได้แก่ Rebel Without a Cause และ Giant ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้ได้ฉายหลังจากที่เขาเสียชีวิตแล้ว
สุดท้ายนี้ ถ้าใครอยากไปทำความรู้จักกับ James Dean และ Dennis Stock แบบเต็มๆ หรือไปพิสูจน์ฝีมือการแสดงอีกขั้นหนึ่งของแวมไพร์หนุ่ม Robert Pattinson กับไอ้แมงมุมตัวร้าย Dane DeHaan ก็ตีตั๋วไปดูพวกเขากันได้เลยใน “LIFE : เพื่อนผมชื่อ เจมส์ ดีน“
หนังเข้าฉาย 12 พ.ย. นี้ในโรงภาพยนตร์
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 6.5/10
ป.ล. Dane DeHaan ใช้เวลากว่าสี่เดือนในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ปรับลุคส์ให้เป็น James Dean ทั้งเรื่องการฟิตหุ่น เพิ่มน้ำหนัก เลียนแบบบุคลิกท่าทาง น้ำเสียง จนถึงฝึกออกเสียงสำเนียงอินเดียน่าของ James Dean
READ MORE: อัลบั้มรูปถ่ายเจมส์ ดีน โดยเดนนิส สต็อค – http://www.magnumphotos.com/Catalogue/Dennis-Stock/1955/USA-James-DEAN-US-actor-1955-NN146418.html
28 comments