Love, Rosie (2014) หนังโรแมนติกคอเมดี้ ดัดแปลงจากนิยายเรื่อง “Where Rainbows End” (2004) ของ Cecelia Ahern (ผู้เขียน P.S. I Love You)
Love, Rosie เป็นเรื่องราวของหนุ่มสาวบริติช Rosie (Lily Collins จาก Abduction, Mirror Mirror, The Mortal Instruments) กับ Alex (Sam Claflin จาก Pirates of the Caribbean และ The Hunger Games) ทั้งสองเป็นเพื่อนบ้าน… เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เด็กๆ และฝันจะไปเรียนต่อที่ Boston ด้วยกัน
แต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่เป็นไปตามแผน เพราะ Rosie ท้องกับ Greg (Christian Cooke จาก Doctor Who และ Romeo & Juliet) โดยไม่ได้ตั้งใจ Alex ก็ไปมีแฟนเป็นผู้หญิงสวยเพอร์เฟ็กต์
ความรักของ Rosie กับ Alex ไม่เคยตรงกันเลยสักครั้ง ทั้งๆ ที่ใจของทั้งคู่ตรงกันตลอดมา
พล็อตของ Love, Rosie ก็ไม่ต่างอะไรมากจากหนังแอบรักเพื่อนทั่วไป ถึงแม้หนังจะมีช่องโหว่ไปบ้าง แต่ก็นิดเดียว และเราก็ไม่ได้สนใจมากด้วย (เพราะมัวแต่เช็ดน้ำตาอยู่ และมันก็ไม่ได้ขัดหูขัดตามากแต่อย่างใด) ถ้าถามว่าหนังดีมั้ย เราว่าสอบผ่านแต่ไม่ดีมากแบบมาสเตอร์พีซ
เราชอบเพลงประกอบในหนัง ชอบการติดต่อสื่อสารของพระนางที่อยู่คนละทวีปผ่านสื่อต่างๆ ตามยุคสมัย ตั้งแต่โปรแกรม msn จนมาถึง iMessege (คนที่เกิดยุค ’90 เป็นต้นไป น่าจะอิน) ชอบ Lily Collins กับ Sam Claflin ที่น่ารักมากๆ เคมีดูเข้ากัน และที่สุดของที่สุด คือชอบที่มันค่อนข้างสะท้อนชีวิตจริงของเรา ทั้งเรื่องความรักและแผนการชีวิตในอนาคต
Love, Rosie โดนชีวิตตัวเองเต็มๆ เราอินมาก ร้องไห้ไปหลายช็อตเลย ร้องแบบหนักมาก ออกจากโรงมาแล้วยังแอบน้ำตาคลออยู่เลย คือดูแล้ว มันเหมือนเห็นปัจจุบันและอนาคตของตัวเองอยู่ในตัวของ Rosie กับ Alex ซึ่งไม่ใช่แค่ประเด็นแอบรักเพื่อนรักเท่านั้น แต่ยังอินกับเรื่องราวของชีวิตที่กลัวว่าจะประสบกับตัวเองในอนาคตด้วยเหมือนกัน
(Warning! เนื้อหาด้านล่างนี้ อาจมีสปอยล์นิดหน่อย แต่ไม่มาก สปอยล์พอๆ กับ trailer)
Can men and women be just friends?
เวลาแอบรักเพื่อน เราเหมือน Rosie กับ Alex คือเราจะพยายามทำตัวปกติ ปากไม่ค่อยตรงกับใจ จะพูดก็พูดไม่ได้ จะจูบก็จูบไม่ได้ และยังทำเป็นยุให้เพื่อนไปจีบคนนั้นสิคนนี้สิ แล้วก็มาทนเจ็บเจียนตายอยู่คนเดียวตอนที่เห็นเขาอยู่กับคนอื่น
เราเหมือน Rosie ตรงที่เรามีความฝัน มีแผนชีวิตที่วางไว้ให้ตัวเอง และก็มีคนบอกกับเรา อย่างที่พ่อของ Rosie บอกกับเธอว่าเธอเป็นผู้หญิงเก่ง เธอจะเป็นได้ทุกอย่างตามที่ฝันถ้าหากตั้งใจ ซึ่งตรงนี้มันคล้ายเสียจนทำให้เรากลัวว่า เรื่องราวในหนังของ Rosie ในลำดับต่อมา จะกลายเป็นเรื่องจริงกับชีวิตเราด้วยเช่นกันในวันหนึ่ง วันที่ความฝันทุกอย่างพังทลาย เพราะความผิดพลาดโง่ๆ แค่ครั้งเดียว (ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องท้อง แต่เป็นสิ่งไม่คาดฝันอื่นๆ หรืออาจจะท้องไม่มีพ่อจริงๆ นั่นก็น่ากลัวเหมือนกัน lol)
ในหนัง Rosie ไม่ยอมบอก Alex เรื่องท้อง เพราะกลัวจะเป็นตัวถ่วง กลัว Alex จะไม่ไปเรียนต่อที่อเมริกา (เขาได้ทุนเรียนหมอที่ Harvard) เพราะเธอ และเธอก็ต้องอยู่ในช่วงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตโดยไม่มี Alex อยู่ข้างๆ ครั้งแรกในชีวิต
ซึ่งฉากที่ Rosie ไปส่ง Alex ที่สนามบิน ทำให้เราคิดถึงเรื่องของเรา เราที่พูดอะไรในใจจริงๆ ไม่ได้สักอย่างเพราะเขากำลังจะไปเรียนต่อที่อเมริกา และฉันก็เป็นมนุษย์ด๊อกด๋อยคนนึงอยู่ที่เดิม พร้อมพันธะในชีวิตที่ต้องทำ เหมือนที่ Rosie ต้องจมปลักอยู่ที่อังกฤษ ทำงานเป็นแม่บ้านในโรงแรม เพื่อเลี้ยงดูลูกสาวโดยลำพัง
คนส่วนใหญ่ฝันอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์ โดยเฉพาะผู้หญิง ดังนั้น Rosie จึงต้องยอมหลอกตัวเองว่าอยู่กับ Greg ได้ เพราะถึงแม้ Rosie จะรักและคิดถึง Alex แค่ไหน ก็ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจาก Alex มีแฟนอยู่แล้วที่อเมริกา ภายหลัง Rosie จึงต้องยอมให้ผู้ชายเห่ยๆ อย่าง Greg กลับเข้ามาในชีวิต เพียงเพราะเธอแค่ต้องการใช้ชีวิตกับใครสักคนและอยากให้ลูกสาวมีพ่อ ส่วน Alex ก็พยายามตามหาผู้หญิงสวยๆ เพอร์เฟ็กต์ๆ มาเติมเต็มไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้ลืม Rosie ให้ได้
ซึ่งนี่ก็เป็นอีกสิ่งที่เรากลัว เรากลัวเสมอมาว่า ไม่ช้าก็เร็ว เพื่อนของเราคนนั้นจะต้องมีแฟนอยู่ที่นู่นสักวัน ถึงวันนั้นเราก็คงทำอะไรไม่ได้ ในเมื่ออยู่กับคนที่เรารักไม่ได้ ก็ต้องพยายามรักและพยายามอยู่กับคนอื่นให้ได้ และที่น่าจะเจ็บที่สุด คือวันแต่งงาน การที่ต้องไปอวยพรและแสร้งแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวในวันแต่งงานของเขา มันคงเป็นเรื่องยากมากแน่ๆ
ซึ่งเราก็ยังไม่รู้หรอกว่า ถ้ามีวันนั้นจริงๆ เราจะเข้มแข็งและทำใจได้เท่าที่ Rosie ทำหรือเปล่า
โดยสรุป เพราะความอินทั้งหลายนี้เอง เราจึงชอบ Love, Rosie ที่สุดในบรรดาหนัง “เพื่อนแอบรักเพื่อน” ที่เคยดูมา และเราก็เชื่อว่า ใครก็ตามที่แอบรักเพื่อนสนิทของตัวเองจะต้องเสียน้ำตาและหลงรักหนังเรื่องนี้ไม่น้อยไปกว่าเราแน่นอน
44 comments