ตอนได้ข่าวว่า ‘Documentary Club : The Classics’ จะนำ ‘Man on Wire : ไต่พลิกโลก’ หนังสารคดีที่สร้างจากชีวิตจริงของ Philippe Petit นักไต่ลวดชื่อดังชาวฝรั่งเศส กำกับโดย James Marsh จาก The Theory of Everything เข้ามาฉายในบ้านเรานั้น เราก็กาปฏิทินรอไว้เลยว่าจะไปดูตั้งแต่รอบแรกให้ได้ เพราะ Man on Wire เป็นหนังสารคดี OSCARS ปี 2009 ที่เป็นต้นแบบของหนังเรื่อง The Walk และเราเองก็ชอบ The Walk มาก
ใน The Walk ตอนที่ Joseph Gordon-Levitt เดินบนลวดข้ามตึกแฝด World Trade Center นั้น ยังติดตาตรึงใจเรามาจนถึงตอนนี้ ฉากนั้นมันเสียวซี้ดชนิดหัวใจจะวายมากๆ แล้วฉากตอนที่เล่าเบื้องหลังการคิดการณ์ใหญ่ การวางแผน หรือการเตรียมการ ก็ดูสนุกและโคตรเหลือเชื่อ สำหรับเรา The Walk เป็นประสบการณ์การดูหนังสามมติที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของเราเลย ถึงแม้ว่าเนื้อหาของหนังจะไม่ค่อยมีอะไรมากก็ตาม
อ่านรีวิว The Walk ได้ที่ >> http://www.kwanmanie.com/the-walk-review/
ใน Man on Wire ก็เล่าเรื่องราวส่วนใหญ่คล้ายๆ กับที่เราได้ดูแล้วใน The Walk แต่ก็มีบางจุดเหมือนกันที่ในหนังไม่ได้บอกเราแต่สารคดีเขาบอกเรา เช่น ภารกิจที่ออสเตรเลีย หรือบางจุดที่หนังบอกเราแต่สารคดีไม่เห็นพูดถึงก็มี เช่น ความสัมพันธ์ของ Philippe กับหัวหน้าคณะละครสัตว์ Papa Rudy (เวอร์ชั่นหนัง แสดงโดย Ben Kingsley)
นอกจากนี้ ตัวหนังกับตัวสารคดียังมีความแตกต่างกันอีกตรงที่ตัว Man on Wire ซึ่งเป็นภาพยนตร์สารคดี ไม่ได้ใช้เทคนิคการถ่ายภาพหรือเล่นมุมกล้องเว่อร์วังแบบในหนัง The Walk (ซึ่งสร้างมาเพื่อระบบสามมิติโดยเฉพาะ) กล่าวคือ งานภาพของ Man on Wire เน้นภาพจริงจากเหตุการณ์จริง ตัดสลับกับการสร้างฉากสมมติโดยใช้นักแสดงที่หน้าเหมือนตัวจริงมาแสดง และตัดสลับกับบท interview ของบุคคลจริงๆ ด้วย
ถึงแม้ Man on Wire จะไม่ได้ขายฉากหวาดเสียวบนสลิงแบบในหนังฟอร์มยักษ์อย่าง The Walk แต่เรื่องราวก็เข้มข้นและเชือดเฉือนกว่าหนังมาก โดยเฉพาะในส่วนของการเล่าเรื่อง เราชื่นชมเลยว่าการตัดต่อบทสัมภาษณ์ของบุคคลจริงๆ อย่าง Philippe Petit, Annie (แฟนสาว), Jean-Louis (เพื่อนสนิท)ฯลฯ เขาทำมาดีทีเดียว ดูเพลิน ไม่น่าเบื่อ เข้าถึงอารมณ์ และทำให้เราเข้าใจความสัมพันธ์ของพวกคนเหล่านั้นมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงบทสรุปที่ค่อนข้างเคลียร์ หลังจากที่เราต้องเคลือบแคลงใจจาก The Walk มาเป็นอาทิตย์ๆ
สิ่งที่เราชอบในหนังสารคดี Man on Wire คือ มันทำให้เราได้เห็นคาแรกเตอร์ของคนคนนั้นชัดเจนมากกว่าเห็นดารามาสวมหัวโขนเป็นพวกเขา โดยสังเกตได้จากน้ำเสียง ท่าทาง แววตา ภาษา และลักษณะการพูด
เช่น Philippe Petit เนี่ย เรารู้สึกว่าตัวจริงเขาค่อนข้างจะเป็นคนบ้าพลัง อารมณ์ขัน มั่นใจในตัวเอง สนใจแต่ตัวเอง และค่อนข้างเหลิงกับชื่อเสียงหรือคำชื่นชม (เช่นด้วยกับ “นักมายากล” ที่เป็น symbolic ใน The Little Prince เลย)
ในขณะเดียวกัน จากการให้สัมภาษณ์ของ Annie (แฟนสาว) เราก็รู้สึกได้ว่า เธอคนนี้อัดอั้นและเจ็บปวดเวลาระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อปี 1974 นั้น เราว่าชีวิตจริงๆ เธอจะต้องน่าสงสารกว่าที่เห็นในสารคดีแน่ๆ ไม่ต้องถามเราว่า “ทำไม” แต่ให้ลองไปดูเอาเองว่าทำไมเราห้ามถามว่าทำไม
ไม่เสียเวลาหรอก เพราะ Man on Wire ยาวแค่ 94 นาที เขาเล่ากระชับ ไม่ได้บิวท์อะไรยืดยาวหรือเวิ่นเว้อแบบ The Walk ที่ล่อไปกว่าสองชั่วโมง แต่หนังมีฉายแบบจำกัดรอบและจำกัดโรงมากๆ
Man on Wire ฉายรอบปกติ ตั้งแต่ 29 ต.ค. – 4 พ.ย. 2015 เฉพาะที่ SFW CentralWorld (วันธรรมดา 19:00 น. / เสาร์-อาทิตย์ 15:00 และ 17:10 น.) และ SF Maya ChiangMai (วันธรรมดา 20:00 น. / เสาร์-อาทิตย์ 17:00 น.) เท่านั้น
44 comments