Guillermo del Toro ขึ้นแท่นเป็นผู้กำกับออสการ์เต็มตัวมาหมาด ๆ จากหนังสัตว์ประหลาด(?) The Shape of Water แต่รู้ไหมว่า 5 ปีก่อนหน้านี้ผู้กำกับสายเนิร์ดสัตว์ประหลาดคนนี้เคยเขียนบทและกำกับหนังแมส “หุ่นเยเกอร์” ตีกับ “ไคจู” อย่าง Pacific Rim (2013) มาก่อน
ถึงแม้ Pacific Rim จะโดนครหาว่า ลอกเลียน Transformers จนป๋า Michael Bay ต้องตั้งชื่อตัวละครเอก Transformers: Age of Extinction (2014) ล้อเลียนสวนกลับว่า “Cade Yeager” (รับบทโดย Mark Wahlberg) แต่ผู้กำกับออสการ์ Guillermo del Toro หาแคร์ไม่ สั่งโปรดิวซ์ภาคต่อภายใต้ชื่อ Pacific Rim Uprising โดยส่งมอบเก้าอี้ให้ Steven S. DeKnight (ผู้กำกับหนึ่ง episode ในซีรีส์ Daredevil) นั่งแท่นกำกับแทนตน
เนื้อเรื่องในภาคสองนี้เกิดขึ้นถัดจากภาคแรกประมาณ 10 ปี โดยที่ไม่จำเป็นต้องเคยดูภาคแรกมาก่อนก็ดูรู้เรื่องอยู่ ตัวละครนำของภาคนี้คือ Jake Pentecost (John Boyega จาก Star Wars: The Force Awakens) ลูกชายของอดีตผู้การ Marshal Stacker Pentecost (Idris Elba) ฮีโร่ผู้สละชีพปิดรอยแยกของไคจูสำเร็จจากภาคที่แล้ว
ตอนแรก Jake ใช้ชีวิตอยู่อย่างเสเพล จนกระทั่งเขากับ Amara Namani (Cailee Spaeny) ถูกจับข้อหาขับขี่เยเกอร์เถื่อน แล้ว Mako Mori (Rinko Kikuchi) พี่สาวของเขา (นางเอกภาคที่แล้ว) ช่วยให้เขารอดพ้นคดี และได้กลับเข้ามาในหน่วย โดยเขาต้องเป็นเรนเจอร์คู่กับ Nate Lambert (Scott Eastwood จาก Fast & Furious 8) ส่วน Namani ได้เป็นพลฝึกขับ (แต่หนังไม่ค่อยมีฉากฝึก ฉากคัด ฉากสอน ให้ดูกันอย่างในภาคแรกแล้วนะ สงสัยหนังรีบขายหุ่นยนต์ ภาคนี้ทำมาเยอะ)
แต่ ณ เวลานั้น หน่วยกำลังประสบปัญหา เมื่อ Shao Industries นำโดย Liwen Shao (Tian Jing จาก The Great Wall) และ Dr Newt Geiszler (Charlie Day) (นักวิทยาศาสตร์เนิร์ดไคจูจากภาคแรก) กำลังเสนอโปรเจ็กต์โดรนที่อาจทำให้เยเกอร์คนบังคับแบบดั้งเดิมไร้ซึ่งความจำเป็นอีกต่อไป และในขณะเดียวกันเยเกอร์เถื่อนและไคจูเจ้าเก่าก็ผุดขึ้นมาจากนรกอีกครั้ง
สิ่งที่หายไปในภาคนี้คือ 1.) Raleigh Becket (Charlie Hunnam) ที่หายไปเสมือนไม่เคยมีอยู่มาก่อน (สงสัยติดประชุมกับเหล่าอัศวินโต๊ะกลมอยู่) และ 2.) ความออริจินัลแบบ Pacific Rim (2013) หรือเสน่ห์ของหุ่นที่ใช้คนบังคับแทบไม่มีเหลืออีกต่อไป เมื่อ Guillermo del Toro ไม่ได้มีเครดิตในการเขียนบทดั่งเดิม พล็อตก็ยิ่งเบาโหวงและดูกลายร่างเป็น Transformers มากขึ้นไปอีก
ตัวละครหญิงมีเยอะขึ้นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นในฐานะเจ้าหน้าที่นั่งโต๊ะประจำศูนย์ควบคุม, พลฝึกขับ, ช่างซ่อมหุ่น, หรือจนกระทั่ง CEO แต่สุดท้ายคนที่ดูมีอะไรจริง ๆ ก็มีแค่ CEO Liwen Shao (Tian Jing) ที่สวยปังโดดเด่นในชุดขาวดูแพง และได้ซีนในช่วงองก์สุดท้ายไปเกือบเต็ม ๆ ส่วนคนอื่น ๆ ก็แทบไม่มีอะไรน่าจดจำ เช่น ช่าง Jules Reyes (Adria Arjona) ก็ไม่เห็นได้โชว์สกิลอะไร เห็นแต่ทำชม้อย ชะม้าย ชายตาอ่อยผู้ชายไปวัน ๆ หรือแม้แต่เจ้าหนู Amara Namani (Cailee Spaeny) ที่ดูเหมือนจะต้องเป็นหนึ่งในตัวดำเนินเรื่องที่สำคัญและมีสกิลเก่งกล้า สุดท้ายก็ไม่มีความโดดเด่นเฉิดฉายอย่างที่ควรจะเป็น
ตัวละครต่าง ๆ ดูมีความนานาชาติมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ก็หน้าตาเอเชีย โดยเฉพาะจีน ๆ นั่นแหละ (ขายคนจีนได้ทั้งแผ่นดินแน่นอน) แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเป็นที่จดจำเป็นพิเศษอยู่ดี ขนาดมีผู้ชายตี๋ ๆ หล่อ ๆ เป็นหนึ่งในแก๊งพลฝึกและขับคู่กับเจ้าหนู Amara Namani ก็ยังไม่ค่อยมีซีนให้เราเชยชมเยอะสักเท่าไหร่ (เออ ก็หนังเขาขายหุ่นยนต์ ไม่ได้ขายผู้ชาย และดำเนินเรื่องเร็วมาก ไม่มีช่วงให้ลุกไปเข้าห้องน้ำได้แต่ใดใด) และสุดท้าย เช่นเดิม คนที่มีซีนที่สุดก็ยังคงเป็น CEO Liwen Shao (ที่ก่อนหน้านี้เราเคยบ่นว่าจะมีตัวละครของนางไปเพื่ออะไรใน Kong: Skull Island) ส่วนคนรัสเซียก็มีนะ แต่ท่าทางนิสัยดั้งเดิมไม่ค่อยน่ารักสักเท่าไหร่ (ตามประสาฮอลลีวูด)
แต่ถึงแม้พล็อตโดยรวมจะอ่อนด้อยลง แต่หนังเขาก็ยังพอทำให้เห็นได้แหละว่าเขาก็พยายามใส่สตอรี่ให้หนังมีอะไร เพียงแต่ทำอย่างบางเบา ช่องโหว่จึงใหญ่หน่อย แต่นั่นแหละ หากเราสามารถตั้งใจไปดูได้แบบไม่สนบทสนพล็อต เราจะเอ็นจอยกับมันมาก เพราะหนังมันก็ไปได้สุดจริงในด้านของความบันเทิง เราจะได้สนุกจัดเต็มกับความวินาศสันตะโร ตึกถล่มแผ่นดินทลาย ภูเขาไฟฟูจิระเบิดกระจาย ชนิดที่ Michael Bay ดูแล้วอาจต้องร้องไห้ โดยเฉพาะแบทเทิลสุดท้ายนี่แอ็คชั่นมันส์สะใจจนหลังแทบไม่ติดเบาะ
นี่คิดว่าหนังเรื่องนี้ควรดูในระบบ IMAX หรือระบบ 4DX โดยส่วนตัวเราได้มีโอกาสดูในระบบ IMAX มันมีความฟินที่ได้เห็นหุ่นเยเกอร์และไคจูใหญ่เท่าตึก 8 ชั้น มีความสมจริง ซาวนด์กระหึ่มสะใจ มันรู้สึกสาแก่ใจยิ่งนัก และเห็นคนที่ดูรอบสื่อรอบเดียวกันในโรง 4DX ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สั่นสะเทือนรุนแรงคุ้มตั๋วมาก ประหนึ่งเข้าไปขับในตัวเยเกอร์เอง
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7.5/10 หักคะแนนเรื่องพล็อตไปพอสมควร แต่ถ้าหากไม่ซีเรียสเรื่องเนื้อหา มันสนุกมาก ๆ เลยนะ มีภาคต่อแน่นอน
เข้าฉาย 22 มี.ค. นี้ในโรงภาพยนตร์
42 comments
Comments are closed.