Pitch Perfect เป็นหนังเรื่องหนึ่งที่เรารัก ชอบมากทั้งสองภาค และดูซ้ำแล้วมากกว่า 1 รอบในแต่ละภาค ดังนั้น Pitch Perfect 3 ซึ่งถือเป็น Final Chapter ของสาว ๆ วง Bellas จึงเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่เราเฝ้ารอคอย แต่ปรากฏว่า ผลลัพธ์มันออกมาค่อนไปทางผิดหวังมากกว่าแฮปปี้หรือประทับใจ
Pitch Perfect 3 เป็นเรื่องราวที่สาว ๆ ไปออกทัวร์คอนเสิร์ตตามกองทัพทหารในยุโรป (USO tour) แต่ถึงแม้จะเป็นทัวร์คอนเสิร์ตสร้างขวัญและกำลังใจให้ทหาร แต่พวกเธอก็ยังต้องแข่งขันกับวงอื่น ๆ โดยเฉพาะวง Evermoist ซึ่งนำโดย Ruby Rose (สาวที่โคตรเท่ที่สุดคนหนึ่งแห่งทศวรรษ) เพื่อจะชนะใจและเข้าตา DJ Khaled ดีเจชื่อดังที่เป็นผู้จัดทัวร์นี้
ปมของสาว ๆ ภาคนี้ส่วนใหญ่จะเป็นชีวิตหลังเรียนจบที่ไม่เป็นดั่งฝันของพวกเธอ รวมถึงปมเรื่องครอบครัว เช่น พ่อของ Fat Amy (Rebel Wilson) ซึ่งรับบทโดย John Lithgow (จาก Daddy’s Home 2) ก็จู่ ๆ มาโผล่วนเวียนในชีวิตลูกสาวอีกครั้ง
สุดท้าย แน่นอนว่าหนังเรื่องนี้จะชื่อว่า Pitch Perfect ไม่ได้ หากขาดคู่หู commentator รุ่นเก๋าอย่าง Elizabeth Banks และ John Michael Higgins ไป ภาคนี้พวกเขามาตามติดชีวิตสาว ๆ ในฐานะคนทำหนังสารคดี โดยรวมก็จิกกัดน้อยและเบาลงกว่าภาคก่อน แต่บทของทั้งสองก็แอบดูขาด ๆ เกิน ๆ จากเส้นเรื่องไปเสียหน่อย
ถ้าพูดตรง ๆ บทของทั้งเรื่องเลยนั่นแหละที่มีปัญหาขาด ๆ เกิน ๆ ไม่ค่อยลงตัว เลอะเทอะ และไม่ดีงามเท่าภาคก่อน ๆ จนเหมือนกับว่าคนเขียนบทเพิ่งทะเลาะกับผู้กำกับหรือโปรดิวเซอร์ก่อนจะมาเขียนบท
เสน่ห์ของ acapella หายไปกว่าครึ่ง แถมภาคนี้หนุ่ม ๆ acapella จากภาคเก่า ๆ หายเข้ากลีบเมฆไปทั้งวงจนเหมือนไม่เคยมีอยู่จริง (มีหนุ่มหล่อสดใหม่มาแทน 2 คน ได้แก่ Matt Lanter และ Guy Burnet แต่ก็ได้รับการใส่ใจและใส่บทแบบผิวเผินมาก ๆ เสมือนตัวประกอบทั่วไปตัวหนึ่ง ไม่ค่อยมีอิทธิพลอะไรต่อตัวละครหลักหรือเส้นเรื่องนัก) แต่พอเข้าใจได้บ้างว่าในชีวิตจริงนอกรั้วมหา’ลัยไปแล้ว ประเภทดนตรีที่ขายได้จะเป็นพวก pop หรือ rock ที่ใช้เครื่องดนตรีจริง ๆ
สิ่งที่ยังชอบอยู่คือพอยต์เรื่องความฝันและความสัมพันธ์ของสาว ๆ ในกลุ่ม Bellas ที่ดูกี่ทีก็ต้องหลงรักและคิดถึงเพื่อน ๆ กลุ่มสมัยเรียน เวลาที่เราใช้ร่วมกัน สิ่งต่าง ๆ ที่เราทำด้วยกัน ว่ามันช่างล้ำค่าและมีความสุขขนาดไหน
และที่สำคัญ สิ่งที่ดีที่สุดในหนังก็ยังคงเป็นสาวสวย เก่ง ผู้ทรงเสน่ห์ Anna Kendrick เช่นเดิม กับการสวมบทบาทเป็น Beca ครั้งสุดท้าย (?) ส่วน Hailee Steinfeld ที่ได้รับการผลักดันส่งเสริมหนักมากจากภาค 2 พอมาถึงภาคนี้ก็แทบไม่มีอะไรน่าจดจำ
แต่ถ้าพูดโดยรวม ก็ยังไม่ถึงกับไม่ชอบหรือเกลียดหนังภาคนี้ คือมันก็ยังมีความสนุกอยู่บ้าง ไม่ใช่ไม่สนุกเอาเสียเลย แต่แค่มันดร็อปลงกว่าภาคก่อน ๆ (มาก ๆ) เพลงก็ไม่ค่อยมีเพลงไหนเป็นที่จดจำ (อย่างภาค 2 นี่ชอบ Flashlight มาก ๆ ระดับขึ้นหิ้ง)
คะแนนตามความชอบส่วนตัวสำหรับ Pitch Perfect 3 ขอให้แค่ 7/10 (นี่รวมคะแนนพิศวาสแล้ว ปล่อยเกรดแล้ว เชื่อเถอะ)
39 comments
Comments are closed.