My name is Alice; and this is the end of my story.
Paul W.S. Anderson โปรดิวซ์และเขียนบท “ผีชีวะ” เองทุกภาค รวมถึงกำกับเองด้วย 4 ภาคจากทั้งหมด 6 ภาค โดยปี 2007 Anderson กับ Milla Jovovich มีลูกคนแรกด้วยกันคือ Ever Anderson ก่อนจะแต่งงานกันในปี 2009 จากวันนั้นถึงวันนี้ มีลูกคนที่สองแล้ว ลูกคนแรกซึ่งตอนนี้ก็ย่างสิบขวบพอดีก็ถูกจับมาเล่นภาคสุดท้ายด้วยกันในบทของ Red Queen อีก (แหม อุตสาหกรรมครัวเรือน)
เรายังจำหลายซีนใน Resident Evil หรือ ผีชีวะ ภาคแรกฉบับเมื่อปี 2002 ได้ติดตาติดใจ สำหรับเด็กคนหนึ่ง (เรา…เมื่อ 15 ปีที่แล้ว) Resident Evil เป็นหนังแนว post-apocalypse หรือ zombie apocalypse บู๊แอ็คชั่นเรื่องแรก ๆ ที่ดูแล้วจำได้ว่าโคตรสนุก ดูซ้ำแล้วซ้ำอีก อย่างหมาซอมบี้หรือฉากปีนท่อในตึก the Umbrella Corporation แม้แต่ฉากเปิดกับฉากจบ นี่ก็ยังจำได้ไม่ลืม
หลังจากความสำเร็จของ Resident Evil ภาคแรก ก็มีภาคอื่น ๆ ตามมาอีกหลายภาค ได้แก่
- Resident Evil: Apocalypse (2004)
- Resident Evil: Extinction (2007)
- Resident Evil: Afterlife (2010)
- Resident Evil: Retribution (2012)
ซึ่งยิ่งทำก็ยิ่งไม่มีเนื้อเรื่องอะไร นับวันยิ่งแถ ยิ่งออกทะเล แต่หลงดูภาคแรก ๆ มาแล้ว มันเหมือนหน้าที่ยังไงไม่รู้ที่ต้อง เอาวะ! ต้องดูต่อให้จบ ๆ ไป แต่ปัญหาคือ หนังเรื่องนี้มันเหมือนการต่อสู้ที่ไม่รู้จบของ Alice นี่น่ะสิ อย่างไรก็ดี หายจากภาคล่าสุดไป 5 ปีดีดัก ในที่สุดทางผู้ผลิตก็ยอมทำ Resident Evil: The Final Chapter (2017) หรือ ผีชีวะ ภาคสุดท้าย (สักที…Finally!)
สำหรับ Resident Evil: The Final Chapter นี่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจมากไปจากภาคอื่น ๆ สาระน้อยขนาดที่เราไม่ต้องเขียนพาร์ทเรื่องย่อ เพราะมันก็แค่ Alice กลับไปที่ Umbrella Corporation, Raccoon City เพื่อหายาแอนตี้ไวรัสที หลังจากออกอ่าวไปนาน (เริ่มที่ไหน ก็จบที่นั่น ตามสูตร) ระหว่างทางก็เจอมารมาขวางบ้าง ได้เพื่อนร่วมทีมเก่าใหม่มาช่วยบ้างอะไรบ้าง
การเดินเรื่องก็เช่นเคย เป็นการดูหนังที่เหมือนดูเกม คือดู Alice ฝ่าด่านต่าง ๆ ต่อสู้ทั้งกับคน (อริจากบริษัทร่มเจ้าเก่า) และต่อสู้กับซอมบี้ (ซึ่งเน้นแต่ตัวที่มีวิวัฒนาการอัปลักษณ์ไปจากภาคแรกมาก ส่วนอีพวกซอมบี้เลเวลปกติก็มีมาเป็นล้านเหมือน WWZ แต่ประโยชน์หรือสกิลแทบเป็นศูนย์) ก่อนจะไปเจอตัวบอสในห้องสั่งการของบริษัทร่ม
สิ่งเดียวที่พิเศษจากภาคก่อน ๆ และต้องขอบคุณคือ “คุณยอมจบเสียที” นี่แหละ – เฮ้ย! มันยอมให้ Alice กำจัดซอมบี้หมดโลกได้สักที มันยอมบอกคนดูสักทีว่าตกลง Alice เป็นใคร มาจากไหน (สักที…Finally!) ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่ามีความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะให้หนังจบสวย ๆ ก็เถอะ
กล่าวคือ หนังมีความพยายาม plot twist หรือเซอร์ไพรส์ (แต่ส่วนใหญ่คาดเดาได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มเรื่อง แถมเฉลยได้อย่างไม่มีศิลปะ) และมีความพยายามใส่ดราม่าสตอรี่ให้ Alice เท่าที่วัตถุดิบที่มีอยู่นั้นจะเอื้ออำนวยได้ (ส่วนนี้ยอมรับว่าทำได้โอเค จบแบบนี้อาจดีที่สุดแล้วจริง ๆ) แต่อย่างไรก็ดี อย่างที่บอก ถ้าจะดู ดูไปเถอะ เอามัน เอาบันเทิง อย่าสนบท ดูให้มันจบ ๆ ไป
ถึงแม้บทจะกลวง ไร้ซึ่งเหตุซึ่งผล แต่ยอมใจในฉากบู๊เว่อร์วังเล่นใหญ่ไม่แคร์เวิลด์ ฝ่ายตัวร้ายก็เทคโนโลยีเอย รถถังเอย มาเต็ม พ่วงได้ฝูงซอมบี้อีกครึ่งโลก แต่ฝ่ายนางเอกมีแต่แกลลอนน้ำมัน ปีนผาหน้าไม้ไม่กี่กระบอก และภูมิปัญญาชาวบ้าน เหมือนดูกลุ่มชาวบ้านบางระจันหรือทัพชาวบ้านยุคทรานซิสเตอร์สู้กับเทคโนโลยี 6G หรือเอเลี่ยนยุคเทอมิเนเตอร์ เออ… ก็บันเทิงในแบบของมันนั่นแหละ
ทั้งนี้ยังไม่รวมการดีไซน์ฉากแอ็คชั่นสุดเท่ให้ Alice ได้ไม่รู้จักจบจักสิ้น ชนิดที่ไม่คิดจะแบ่งปันให้ตัวละครอื่นได้ผุดได้เกิดอีกนะ คือแบบว่า ถ้านับหัวจริง ๆ คนที่อยู่ทีม Alice มีเยอะมาก แต่เรียกได้ว่า ฟุ่มเฟือย เพราะพวกนี้ไม่ได้อยู่ทีม Alice ในฐานะแบ็คอัพหรือนักแสดงสมทบอะไรเลยนะ หากแต่อยู่เป็น “พร็อพ”
คนอื่นที่ไม่ใช่ Alice คือมีเพื่อเป็นตัวตายตัวแทน มีมาเพื่อตายทิ้งตายขว้าง มีไว้เพื่อตายตามด่านระหว่างทาง เพื่อให้สุดท้าย Alice เหลือรอดไปเจอบอสคนเดียว บางคนตายชนิดที่คนดูไม่มีทางได้รู้เลยว่าตานั่นชื่ออะไร บางคนนี่ยังไม่ทันจำหน้าได้ด้วยซ้ำ และน้อยคนมาก ๆ ที่จะได้รับเกียรติให้มีฉากตายที่น่าจดจำเกิน 2 วินาที (ไม่รู้ทีมงานรีบตัดต่อไปไหน)
หลายคนจึงอาจร้องเสียดายที่จะได้ดูสาวเท่ Ruby Rose, Rola คนสวย, กับโอปป้า Lee Joon Gi ได้ไม่เต็มอิ่มนัก (โปรดอย่าหาว่าสปอยล์ เพราะเล่นเรื่องนี้ ทุกคนต้องตายหมดถ้ามันไม่ใช่นางเอก ทำใจ)
สุดท้ายดูหนังจบแล้วได้อะไร… คำตอบคือ ไม่ได้อะไรนอกจากฉากบู๊เอามันสะใจและความเท่ของ Milla Jovovich ผู้ซึ่งเหมือนเกิดมาเพื่อเล่นหนังเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวแล้วมีผัวเป็นผู้กำกับ
อ้อ… แต่มีสิ่งหนึ่งที่ดูแล้วคิดได้จากหนังเรื่องนี้คือ… ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสีย เทคโนโลยีก็เช่นกัน อย่างในเรื่องนี้นี่เอง เทคโนโลยีเอย AI เอย ล้วนแต่อันตรายทั้งสิ้น หากอยู่ในมือของคนชั่ว คนโลภ หรือคนโหดร้ายทารุณ
จนอาจจะเป็นไปได้ว่า สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ว่าเทคโนโลยีจะมาแทนที่มนุษย์อะไรหรอก แต่วันหนึ่งเทคโนโลยีนี่แหละที่จะเป็นตัวทำลายความเป็นมนุษย์ของคน สุดท้ายคือให้คนกำจัดคนด้วยกันเอง
Resident Evil: The Final Chapter เข้าฉาย 27 ม.ค. 2017
สำหรับคะแนนตามความชอบส่วนตัว หนังภาคหก พอดีเลย เอาไป 6/10 (แต่ถ้าใครที่เคยดูมาตลอดห้าภาคแล้ว เราก็แนะนำให้ไปดูภาคหกนี้ให้มันจบ ๆ ไปอยู่นะ เพราะมันก็จบดีในแบบของมัน)
41 comments
Comments are closed.