หลายปีก่อน เราเคยตื่นเต้นกับการถ่ายหนังแบบลองเทค แต่ในปี 2020 เราคิดว่า มันเป็นเทคนิคที่ทั่วไป ไม่ได้พิเศษ แอดวานซ์ หรือน่าตื่นเต้นเท่าแต่ก่อนแล้ว ทำให้ตอนแรกก็แอบปรามาสเบา ๆ ว่า หนังเรื่อง 1917 ที่เค้าเคลมว่าถ่ายแบบ One Shot หรือ Single Take นั้น มันจะสักแค่ไหนกันเชียว
จนกระทั่ง 1917 ชนะรางวัลลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม พร้อมกับ Sam Mendes ผู้กำกับของเรื่อง (ผู้เคยได้ออสการ์สาขาการกำกับจากเรื่อง American Beauty และยังเป็นผู้กำกับ Skyfall กับ Spectre อีกด้วย) ก็ได้รางวัลลูกโลกทองคำสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมเช่นกัน อีกทั้งยังเข้าชิงออสการ์สูงถึง 10 สาขาด้วยอีก ก็ยิ่งทำให้อยากรีบไปพิสูจน์และดูหนังเรื่องนี้เสียเหลือเกิน
เท้าความก่อนว่า เรื่องราวในหนัง 1917 เป็นกึ่งเรื่องจริง คือเนื้อเรื่องได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าของคุณปู่ของผู้กำกับที่เคยร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ส่วนตัวละครในเรื่องและดีเทลต่าง ๆ คือแต่งเติมเสริมแต่งกันขึ้นมา โดยในหนังเล่าเหตุการณ์ ณ วันที่ 6 เมษายน 1917 ในสมรภูมิแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส
การถ่ายแบบ one shot ของ Roger Deakins (ผู้เคยชนะออสการ์จาก Blade Runner 2049 และเคยเข้าชิงสาขากำกับภาพจาก Sicario, Unbroken, Prisoners, Skyfall, No Country for Old Men, The Shawshank Redemption ฯลฯ) พาเราไปติดตามตัวละครตัวเล็ก ๆ ซึ่งเป็นทหารที่ยังอายุน้อย หน้าละอ่อน และดูห่างไกลจากความเป็นฮีโร่หลายปีแสง กันแบบ long take
ตลอดเวลาเกือบสองชั่วโมง คนดูจะได้ฟีลลิ่งเหมือนตัวเองได้ไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น และได้ติดสอยห้อยตามทหารหนุ่มอังกฤษสองนาย Blake (Dean-Charles Chapman จาก Game of Thrones) กับ Schofield (George MacKay จาก Captain Fantastic) ไปทำภารกิจฝ่าสมรภูมินั้นด้วยจริง ๆ โดยหนังไม่จำเป็นต้องพยายามดราม่าหรือบิลด์อะไรเพิ่มมาก คนดูก็อิน มีอารมณ์ร่วม และเข้าถึงหนังได้อย่างดี (เราจะพูดกับตัวเองแทบตลอดเรื่องว่า “เชี้ย~ มันทำได้ไงวะ ๆ”)
Blake กับ Schofield ไม่ได้เป็นทหารที่เก่งกล้าอะไร แต่ได้รับคำสั่งจาก General Erinmore (Colin Firth จาก The King’s Speech) ให้เป็นแมสเซนเจอร์ เดินทางทางเท้า ข้ามเขตแดนที่เคยถูกยึดและปักหลักโดยทหารเยอรมัน เพื่อไปส่งข่าวให้ Colonel MacKenzie (Benedict Cumberbatch จาก Doctor Strange) ที่อยู่ ณ อีกหน่วย/กองหนึ่งให้ยกเลิกแผนการโจมตีก่อนที่จะพาทหาร 1,600 นายไปติดกับดักของศัตรูและถูกสังเวยตายกันหมด ซึ่งในหน่วยนั้น มีพี่ชายของ Blake (Richard Madden จาก Game of Thrones) รวมอยู่ด้วย
เรื่องราวไม่ได้เว่อร์วังหรือยิ่งใหญ่อะไรมาก ตัวเอกก็แทบไม่มีออร่าความเป็นฮีโร่แต่ใดใด (มีดาราเบอร์ใหญ่ 3-4 คนมารับบทเป็นทหารชั้นสูงที่ได้เห็นหน้าแค่ประมาณคนละ 1-2 นาที) แต่ด้วยการกำกับภาพ การถ่ายภาพ และงานโปรดักชั่นที่สมจริงมาก ๆ (ดีที่มันยังไม่แถมกลิ่นศพหรือกลิ่นขี้เถ้าดินระเบิดโชยออกมานอกจอให้ด้วย) มันขับเคลื่อนหนังและไต่ระดับพาคนดูไปยังจุดสูงสุดของหนังได้ในทุก ๆ ฝีก้าวตลอดการเดินทางของสองทหารหนุ่ม
โดยเฉพาะการถ่าย single shot เอง ก็มีความเรียลและมีเมจิกของมัน ที่มอบประสบการณ์การดูหนังที่หาดูได้ยากยิ่งให้กับคนดู และเชื่อว่านักแสดงกับทีมงานเอง ก็คงได้ประสบกับประสบการณ์การทำงานที่ยอดเยี่ยมมากอีกเช่นกัน เพราะก่อนจะถ่ายทำจริงได้นั้น ต้องซ้อมคิวกันกว่าครึ่งปีเลยทีเดียว
ดังนั้น เพื่อความเต็มรูปแบบของประสบการณ์นี้เอง เราจึง highly recommend ว่า 1917 เป็นหนังที่ครั้งหนึ่งในชีวิต เราควรดูในโรงภาพยนตร์จอยักษ์ใหญ่และซาวนด์เสียงกระหึ่ม ๆ อย่างเช่นโรง IMAX เป็นต้น และขอยืนยันว่า 1917 เป็นหนังที่มีเทคนิคที่ยอดเยี่ยมในการถ่ายทำทุก ๆ ขั้นตอน รับรองว่า คุ้มค่าตั๋วทุกนาทีแน่นอน
สำหรับเรา 1917 ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในหนังสงครามที่ดีที่สุด ด้วยเชื่อว่ามันจะทรงคุณค่าเหนือกาลเวลา หากอีก 10 ปี 20 ปี ได้กลับมาดูหนังเรื่องนี้อีกครั้ง เราก็คงจะยังรู้สึก “โอ้ / ว้าว” อยู่ ดังนั้น นี่เป็นเหตุผลที่เราคิดว่า ในบรรดาหนังสายแข็งที่เข้าชิงออสการ์ Best Picture ในปีนี้ทั้งหมด มันมีความเป็นไปได้สูงมากที่ 1917 จะคว้ารางวัลนี้ไปครอง
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 9/10
1917 เข้าฉาย 30 ม.ค. 2020 นี้ และฉายรอบพิเศษหลังสองทุ่ม ตั้งแต่ 23 ม.ค. นี้เป็นต้นไป
44 comments
Comments are closed.