เกือบ 10 ปีที่แล้ว เราเขียนถึงหนังเรื่อง Kingsman: The Secret Service เอาไว้ว่า “DON’T JUDGE A MOVIE BY ITS POSTER AND TRAILER.“ เพราะหนังจริงมันสนุกกว่าที่เห็นจากโปสเตอร์และเทรลเลอร์มาก อีกทั้งยังแจ้งเกิดให้กับพระเอกหนุ่มหน้าใหม่ (ณ ตอนนั้น) อย่าง Taron Egerton อีกต่างหาก
สำหรับ Argylle หนังสายลับเรื่องล่าสุดของ Matthew Vaughn (ผู้กำกับ Kingsman ทั้งสามภาค รวมถึง Kick-Ass และ X-Men: First Class) เราก็ขอยกประโยคเดิมนั้นมาใช้ “DON’T JUDGE A MOVIE BY ITS POSTER AND TRAILER.“ แต่ในบริบทนี้ก็คือ เพื่อให้ทุกคนได้ทำใจก่อนว่านักแสดงหลายคนที่มีหน้าและชื่อเด่นหราอยู่บนหน้าโปสเตอร์จะมีซีนในหนังน้อยมาก บางคนอาจไม่ถึง 1 นาที และแมวสก๊อตติชโฟลด์ที่เอามาขายหลอกล่อทาสแมวให้ไปชม เกือบ 100% ก็คือแมว CGI (เช่นเดียวกับ The Marvels) แต่ถ้ามว่าน่ารักไหม โดนตกไหม เออ น่ารัก โดนตกอยู่ดี
ตัวเด่นจริง ๆ ในหนังคือ Elly Conway (Bryce Dallas Howard จาก Jurassic World) นักเขียนคนดังที่มีผลงานแฟรนไชส์นิยายสายลับมาแล้ว 4 เล่ม แต่กำลังติดปัญหา Writer’s block ในการตอนจบให้กับเล่ม 5 เธอจึงตัดสินใจเดินทางขึ้นรถไฟไปหาแม่ (Catherine O’Hara) เผื่อจะได้ไอเดียอะไรดี ๆ มาเขียนให้จบ แต่ระหว่างการเดินทาง เธอถูกแก๊งหนึ่งไล่ล่า ภายใต้การสั่งการโดย Ritter (Bryan Cranston ผู้เข้าชิงออสการ์จาก Trumbo) โชคดีที่ Aidan (Sam Rockwell นักแสดงออสการ์จาก Three Billboards Outside Ebbing, Missouri) มาช่วยเธอไว้ และบอกว่า “เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้คิดจะฆ่าเธอ”
ส่วน Henry Cavill (Superman) รับบทเป็น Argylle ตัวละครเอกในนิยายสายลับที่เธอเขียน มี John Cena (จาก The Suicide Squad) และ Ariana DeBose (นักแสดงออสการ์จาก West Side Story) เป็นลูกทีม ส่วน Dua Lipa เป็นเสมือนคู่อริหลักของแก๊งสายลับนี้ในโลกจินตนาการของ Elly ส่วน Samuel L. Jackson เป็น Alfred Solomon อดีตผ.อ. CIA ในโลกจริงของ Elly และ Sofia Boutella ก็ออกมาแค่ซีนเดียว
เราคิดว่า Matthew Vaughn เป็นคนมีอารมณ์ขันและมีรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการทำฉากแอ็คชั่น ฉากแอ็คชั่นของเขาค่อนข้างมีความครีเอทและน่าจดจำท่ามกลางความขาด ๆ เกิน ๆ เช่น ฉากตัดต่อสลับไปมาระหว่าง Henry Cavill ซึ่งเป็นสายลับในจินตนาการกับ Sam Rockwell ซึ่งเป็นสายลับในชีวิตจริง ก็ถือว่าทำได้ดีในการแบ่งลูกล่อลูกชนให้คนดูอยากคิดหรือติดตามต่อไปว่า สรุปเรื่องในนิยายของเธอมันกลายเป็นเรื่องจริง หรือเธอเป็นเทพธิดาพยากรณ์ ที่เขียนอะไรไป สิ่งนั้น ๆ ก็เกิดขึ้นจริง ๆ หรือหนังแค่ต้องการจะสื่อว่า ภาพในนิยายกับภาพในความเป็นจริงมันไม่เหมือนกัน ฯลฯ
หนังพยายามมีพล็อตที่ฉลาด หลอกล่อคนดูไปมา แต่มันก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียในเวลาเดียวกัน (ค่อนไปทางอย่างหลังมากกว่า) เมื่อหนังมี “พล็อตทวิสต์” บ่อยเกินไป หนังมันก็เริ่มล้น คนดูอาจเริ่มรำคาญที่จะติดตามหรือเอาใจช่วย คนดูเริ่มเหนื่อยกับการถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะลำพังแค่จูนสมองระหว่างโลกสองใบของ Elly ก็เหนื่อยพอแล้ว แล้วการเล่าเรื่องโดยรวมก็ Cliché ตัวละครก็ไม่ค่อยมีมิติและพัฒนาการ เหมือนหนังสายลับสูตรโบราณสำเร็จรูปที่มอบเพียงแต่ความบันเทิงในฉากแอ็คชั่น
หนัง Argylle อำนวยการสร้างโดย Apple TV ซึ่งโชคดีที่ Apple TV มีนโยบายให้หนังไปฉายโรงก่อน หลังจากออกโรง ก็ค่อยเอาไปฉายบน Apple TV (เช่นเดียวกับ Killers of the Flower Moon และ Napoleon) เพราะเราคิดว่า ฉากแอ็คชั่นของหนังของ Matthew Vaughn และซาวนด์เรื่องนี้ควรดูกระหึ่ม ๆ ในโรง IMAX ประกอบกับเนื้อเรื่องต้องอาศัยการตั้งใจดูประมาณหนึ่ง เหมาะจะดูในโรงใหญ่ เพราะถ้านั่งดูอยู่ที่จอเล็ก ๆ ที่บ้าน หรือดูไปก้มหน้ารีดผ้าไป อาจพลาดซีนเฉลยพล็อตทวิสต์ครั้งที่ n+1 หรือพลาดคีย์อะไรบางอย่างไปก็เป็นได้