รีวิว Army of the Dead: แผนปล้นซอมบี้เดือด

เป็นเวลาปีกว่านับตั้งแต่โควิดระบาด หนังบล็อกบัสเตอร์หรือหนังแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวู้ดพากันเลื่อนฉายกันทั้งแผง หนังซอมบี้เรื่องใหม่บน Netflix อย่าง Army of the Dead จึงพอช่วยเยียวยาจิตใจของคอหนังแอ็คชั่นกันได้บ้างไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะแฟน ๆ ของ Zack Snyder (ผู้กำกับ Justice League, Batman v Superman: Dawn of Justice, Man of Steel, 300, Dawn of the Dead ฯลฯ) ผู้เป็นทั้งผู้กำกับ, โปรดิวเซอร์, คนเขียนบท, และอีกหลายตำแหน่งสำหรับหนังเรื่องนี้

เมื่อได้ยินชื่อหนัง Army of the Dead เราคงอดไม่ได้ที่จะนึกถึง Dawn of the Dead หนี่งในหนังซอมบี้ในตำนานที่ขึ้นหิ้ง และเป็นผลงานกำกับของ Zack Snyder คนเดียวกันนี้นี่แหละ แต่ทว่าทั้งสองเรื่องไม่ได้เกี่ยวเนื่องกัน โดย ณ ตอนนั้น Zack Snyder ไม่ได้เขียนบท Dawn of the Dead ในขณะที่ Army of the Dead เรื่องนี้ เป็นสตอรี่ของ Zack Snyder เช่นเดียวกับหนังหลาย ๆ เรื่องของเขาในยุคหลัง (เช่น Batman v Superman โอ้…มาร์ธา~) ดังนั้น ถ้าใครจะคาดหวังในส่วนของ screenplay ก็อาจต้องตั้งหลักและทำใจก่อนนิดนึง

Army of the Dead มีความเป็นหนังซอมบี้ผสมหนังปล้น หรือถ้าใครได้ดูหนังซอมบี้เกาหลีเรื่อง Peninsula หรือ Train to Busan 2 เมื่อปีที่แล้ว ก็คงนึกภาพออกไม่ยาก เพราะพล็อตเรื่องคล้ายกัน กล่าวคือ ใน Army of the Dead ตัวเอกคืออดีตทหารมือดี Scott Ward (Dave Bautista จาก Guardians of the Galaxy) ได้รับการว่าจ้างให้ฟอร์มทีมและเข้าไปใน LA ซึ่งปัจจุบันเป็นดินแดนของกองทัพซอมบี้ เพื่อเอาเงินสด $200 ล้าน จากเซฟใต้คาสิโนออกมา โดยเขาจะได้เงินค่าจ้าง $50 ล้าน เอาไปแบ่งลูกทีมยังไงก็ได้และเริ่มต้นชีวิตใหม่

ปกติหนังแนวนี้ จะฟอร์มทีมกันแบบบรีฟ ๆ แต่ Zack Snyder มีความตั้งใจในการปูเรื่อง ปูตัวละคร และ recruit ทีม โดยใช้เวลากับพาร์ทนี้ไปกว่า 50 นาที ทำให้คนที่นอนดู Netflix ที่บ้านอาจหลุดโฟกัสจากหนัง ง่วง หรือผล็อยหลับโดยไม่รู้ตัวได้ อีกทั้งยังทำให้หนังมีความยาวรวม 2 ชั่วโมงครึ่งโดยไม่จำเป็น รวมถึงพาร์ทครอบครัว ความสัมพันธ์ของ Scott Ward กับ Kate (Ella Purnell จาก Miss Peregrine’s Home for Peculiar Children) ลูกสาวของเขา และ subplot ที่ Kate ดื้อดึงจะเข้าทีมด้วย เพราะอยากเข้าไปช่วยเพื่อนในดินแดนซอมบี้ ซึ่งพาร์ทเหล่านี้ทำให้หนังขาด ๆ เกิน ๆ และดร็อปอารมณ์ของคนดูไปไม่น้อย

จริง ๆ แล้ว การปูแบ็คกราวนด์นานจะไม่เป็นปัญหาเลยถ้าเรื่องราวของแต่ละตัวละครมันน่าสนใจ แต่สำหรับเรื่องนี้นั้น เราเข้าใจว่าเขาต้องการจะสื่อให้เห็นว่า ทุกตัวละครยอมเสี่ยงตายหรือทำงานใดใดก็ได้โดยไม่มีข้อแม้หากมันให้ผลตอบแทนเป็นเงินมากพอที่จะเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาได้ แต่ปัญหาคือ ตัวละครมนุษย์ใน Army of the Dead ไม่ได้มีมิติ น่าจดจำ และน่าเอาใจช่วยขนาดนั้น สุดท้ายเราแทบหลงลืมตัวละครมนุษย์แต่ละตัวไปเลยแทบทันทีที่ดูจบ ในขณะที่ตัวละครฝั่งซอมบี้ดูมีคาแรกเตอร์ชัดกว่า

ไม่แน่ใจว่าเป็นความตั้งใจของ Zack Snyder ด้วยหรือเปล่า แต่เราเห็นว่า ซอมบี้ (ตัวบอส) มีความเป็นมนุษย์และความรู้สึกนึกคิด ซอมบี้อยู่กันเป็นระบบที่เชื่อใจกันได้ ถึงแม้จะมีลำดับชนชั้น แต่ก็มีความแฟร์ ตรงกันข้ามกับสังคมมนุษย์ในเรื่อง ที่ไม่แฟร์ตั้งแต่การกระจายเงินรางวัลและการติดสินบนต่าง ๆ ในค่ายกักตัว เสียดายที่เล่นความเป็นมนุษย์เยอะไป ทำให้ซอมบี้ดูโหดและเทพน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

ถ้าตัดเรื่องของส่วนที่ไม่จำเป็นและจุดอ่อนข้างต้นออกไป สำหรับคอหนังซอมบี้อย่างเรา เราคิดว่าเราค่อนข้างชอบ Army of the Dead อยู่พอตัว เพราะมีนัยยะแฝงทางการเมืองและทุนนิยม การกำกับฉากบู๊ของ Zack Snyder ก็ยังคงมีสไตล์และลายเซ็นชัดเจน มีเทคนิคแพรวพราว มีความจัดจ้านและลูกเล่นในการใช้ภาพ เพลง หรือซาวนด์ประกอบเสมอ (เราแทบกรี๊ดเมื่อเพลง Zombie ของวง The Cranberries ซึ่งเป็นเพลงในตำนานและแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง ดังขึ้นในซีนหนึ่งช่วงท้ายของเรื่อง)

โดยสรุป แฟนหนังซอมบี้และแฟน Zack Snyder ก็ยังควรดูอยู่ดี หรือสำหรับคนดูทั่วไป ถ้าคุณทนดู Peninsula ได้ ก็น่าจะดู Army of the Dead ได้

Army of the Dead รับชมได้แล้วบน Netflix