Avatar 2:The Way of Water ห่างหายจากภาคแรกตั้ง 13 ปี แต่ดีที่เมื่อ 2-3 เดือนก่อนหน้า เมเจอร์ฯ ได้นำภาคแรกกลับมา re-released ทำให้เราได้มีโอกาสดูหนังระดับตำนานเรื่องนี้ใน IMAX 3D พร้อมกับได้ทบทวนเรื่องราวในภาคแรกนั้นไปในตัว ซึ่งในการชมรอบนั้น เรารู้สึกว้าวมาก ทั้งเนื้อเรื่องและเทคโนโลยีที่ดูล้ำเกินยุคในสมัยนั้น แต่พอปลายปี 2022 เราได้ดู Avatar 2:The Way of Water กันจริง ๆ (สักที) เรากลับรู้สึกว่ามันตื่นตาตื่นใจน้อยกว่าภาคแรก
แน่นอนว่า เทคโนโลยีก็ล้ำขึ้นตามกาลเวลา จึงไม่แปลกที่ Avatar 2:The Way of Water จะโดดเด่นในเชิงเทคนิคมากขึ้นไปด้วย ไม่มีใครเถียงว่าซีจี งานภาพ งานเสียง มันคุ้มค่ากับทุกบาททุกสตางค์ที่ควักไปดูในโรงยักษ์ใหญ่ ประกอบกับฉากแอ็คชั่นและสงครามที่เหมือนจะเยอะขึ้นหรือเล่นใหญ่กว่าเดิม ก็ช่วยสูบฉีดอะดรีนาลีนคนดูหนังทุกสายให้ตื่นตาตื่นใจไปกับหนังเป็นช่วง ๆ
แต่สิ่งที่เรารู้สึกเฉย ๆ ปนเสียดายคือ ในแง่พัฒนาการของเส้นเรื่องและตัวละครในภาคนี้ถือว่าแทบไม่ไปไหน และไม่มีอะไรแปลกใหม่ ทั้งที่หนังยาว 3 ชั่วโมง 12 ชั่วโมง และ James Cameron มีเวลาพัฒนาบทถึง 13 ปี เช่น ประเด็นการล่าอาณานิคมและทรัพยากรธรรมชาติที่เหมือนเป็นธีมหลักของเรื่องมาตั้งแต่ภาคแรก ถูกนำมาใช้ซ้ำ แต่ไม่ได้ลงลึกไปกว่าเดิม เรื่องที่ดูเด่นเพิ่มขึ้นมาหน่อย คงจะเป็นเรื่อง family กับเรื่อง discrimination
มิหนำซ้ำ Col. Quaritch (Stephen Lang) ตัวร้ายหลักของเรื่อง (เรียกว่า ตัวร้าย นี่แหละ เพราะหาความขาวได้ยากมาก ขาวอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องลูกเรื่องเต้า) และกองทัพ Sky People (aka มนุษย์) ยังมีภารกิจหลักคือ ตามล่าอริเก่าอย่าง Jake Sully (Sam Worthington) และครอบครัวชาว Na’vi ของ Jake
ส่วนพี่ Jake จากที่เคยเป็นทหารและหัวหน้าเผ่าที่เก่งกล้า พอเป็นพ่อคน ความเป็นหัวหน้าครอบครัวแรงกล้ากว่า ครอบครัวเลือดผสมของตัวเองต้องมาก่อนชาวบ้านตาดำ ๆ โดยเฉพาะเมื่อการมีอยู่ของครอบครัวตัวเองอาจทำให้คนในหมู่บ้านซวยไปด้วย เขาจึงพาครอบครัวอพยพจากป่าที่คุ้นเคยไปอยู่กับชนเผ่าชาวเกาะริมทะเล ซึ่งมันก็แค่การหลบหนีเพื่อซื้อเวลานั่นแหละ วันนึงที่พวกตัวร้ายตามพวกเขาเจอ ชนเผ่าริมทะเลที่ช่วยเหลือก็ซวยแทนอีกเช่นกัน
ในภาคนี้ ลูก ๆ ของ Jake กับ Neytiri (Zoe Saldaña) เริ่มมีบทบาทและเป็นตัวเดินเรื่องมากกว่าพ่อแม่แล้ว รวมถึง Aonung (Filip Geljo) กับ Tsireya (Bailey Bass) ลูกชายและลูกสาวของ Tonowari (Cliff Curtis) และ Ronal (Kate Winslet) หัวหน้าเผ่าริมน้ำ
ลูกชายคนโตของ Jake กับ Neytiri คือ Neteyam (Jamie Flatters) เป็นเสมือนลูกรักที่ได้ดั่งใจ เป็นความหวังของหมู่บ้าน ถอดแบบพ่อมาแทบจะเป๊ะ ๆ, ลูกชายคนรอง Lo’ak (Britain Dalton) เป็นตัวตึง และ trouble makers แต่ก็บทเด่นกว่าพี่ชาย ชัดเจนว่า จะได้เป็นช้างเท้าหน้าในภาคต่อ ๆ ไปแน่นอน, และลูกสาวคนเล็ก Tuk (Trinity Jo-Li Bliss) ที่ยังไม่มีบทบาทอะไรมากในภาคนี้ เพราะยังเล็กจริง
นอกจากนี้ Jake กับ Neytiri ยังมีบุตรบุญธรรม คือ Kiri (Sigourney Weaver วัย 73 ปี มารับบทเป็นเด็กสาววัยรุ่น) ลูกสาวที่เกิดจากร่างอวตารของ Dr Grace Augustine (Sigourney Weaver คนเดิม) ซึ่งเราก็ต้องหาคำตอบกันไปต่อไปว่า Kiri เกิดมาได้อย่างไร และอนาคตจะมีบทบาทสำคัญอย่างไร เพราะดูแล้ว เธอก็ดูมีความสามารถพิเศษที่ไม่ธรรมดา
ตอกย้ำความที่ James Cameron ชอบใช้ “ผู้แตกต่าง” หรือ “คนชายขอบ (outcasts)” เป็นตัวเอกมาตั้งแต่ Jake ภาคแรก ในภาคนี้ นอกจาก Lo’ak ตัวตึง และ Kiri บุตรบุญธรรมปริศนาแล้ว ก็ยังมี Spider (Jack Champion) ซึ่งเป็นเหมือนทาร์ซานแห่งแพนดอร่า เขาเป็นเด็กมนุษย์คนเดียวของที่นี่ เติบโตมาเสมือนเป็นลูกพี่ลูกน้องและเพื่อนเล่นของลูก ๆ Jake ซึ่งประเด็น diversity ตรงนี้ เขาก็ตั้งใจทำสื่อสารออกมาได้ดี
นอกจากจะมีทาร์ซานแล้ว ยังมีวาฬ Moby-Dick หรือในหนังก็คือตัว Tulkun ซึ่งถูกมนุษย์ไล่ล่าเพื่อเอาของเหลวในตัวของมันไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวของมนุษย์ ซึ่งรวม ๆ มันก็เหมือนสารคดีล่าปลาวาฬ หรือเรื่อง Moby-Dick เลยนั่นแหละ แต่ก็ว่าไม่ได้ เพราะ James Cameron เขาอินกับเรื่องสิ่งแวดล้อม ท้องทะเล และวาฬจริง ๆ
โดยสรุป Avatar 2:The Way of Water ถือว่าดีสำหรับหนังภาคต่อ ห่างชั้นอยู่มากจากหนังภาคต่อเรื่องอื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่มักบ้ง เพราะอย่างน้อย เรื่องนี้ก็สนุก คุณภาพยังดีมาก ภาพสวย งานละเอียด แอ็คชั่นสะใจ ในเชิงเทคนิค เรียกว่าไร้ที่ติ ข้อเสียคือ หนังพยายามเล่าทุกอย่างมากเกินไป บทยังไม่มีอะไรแปลกใหม่ ไม่ได้ไปไหนจากภาคแรกนักนอกจากมีเด็กยั้วเยี้ยะ แต่คิดว่า หนังน่าจะได้ไปต่อจนถึงภาคสุดท้ายที่เขาตั้งใจกันไว้นั่นแหละ (ถ้าไม่ใช่บารมีเก่าของ James Cameron ก็ไม่รู้ว่า ใครจะยอมให้ทุนสร้างแต่แรก หนังที่แพงขนาดนี้ ยาวขนาดนี้ และโปรเจ็กต์ยืดหลายภาคขนาดนี้)
ป.ล. โดยส่วนตัว ดู IMAX 3D แต่ถ้ามีโอกาส ก็อยากลอง IMAX with Laser กับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่อาจต้องรอให้มหาชนแผ่วลงกันก่อน