เราอาจจะเคยดูหนังซอมบี้นนรถไฟอย่าง Train to Busan มาแล้ว รวมถึงผีบนเครื่องบิน งูบนเครื่องบิน โจรบนเครื่องบิน เช่น Flight Plan หรือ Into the Night และอีกหลาย ๆ เรื่องมากมาย ถ้าใครที่ชอบหนังแนวนี้อยู่แล้วล่ะก็ ปีนี้คุณก็ไม่ควรพลาดหนังเยอรมันบน Netflix เรื่อง Blood Red Sky ที่มีทั้งผู้ก่อการร้ายและแวมไพร์อยู่บนเครื่องบินลำเดียวกัน
ตัวละครหลักของเรื่องคือ สองแม่ลูก Nadja (Peri Baumeister) กับ Elias (Carl Anton Koch) ที่กำลังบินไปรักษาโรคประจำตัวกับหมอที่นิวยอร์ก แล้วโชคร้าย ไปเจอกับแก๊งผู้ก่อการร้ายบนเครื่องที่ต้องการปั่นตลาดหุ้นและโบ้ยความผิดให้กับชาวมุสลิม (พอยต์นี้ดี) หนึ่งในนั้นคือ Farid (Kais Setti) ซึ่งเป็นคนดีมาก แต่ความสนุกคือ พวกเขาต้องเจอกับแวมไพร์ที่แฝงตัวโดยสารมาบนเครื่องนั้นด้วยอีกที และไม่ช้าเครื่องบินลำนี้ก็เต็มไปด้วยแวมไพร์

โดยรวม Blood Red Sky เป็นหนังที่ดูสนุกและวางเซตติ้งค่อนข้างดีเลยทีเดียว ทั้งนี้เพราะ หนังแนวสถานการณ์บังคับบนยานพาหนะที่มีพื้นที่จำกัดและข้อจำกัดแบบนี้ มันสร้างความกดดันและลุ้นระทึกได้ไม่ยากตั้งแต่แรกแล้ว แล้วพอใส่แวมไพร์กับโจรเข้าไป บวกกับความสัมพันธ์แม่ลูก มันก็เพิ่มดีกรีความลุ้น ฉากแอ็คชั่นระทึกขวัญ ความดราม่า และเงื่อนไขให้ตัวละครเยอะขึ้นไปอีก พูดได้ว่า สนุกครบรส
แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เสี่ยงมีจุดไม่เมคเซนส์เยอะขึ้นเช่นกัน โดยเรื่องนี้ก็มีจุดเอ๊ะ ๆ หลายจุด ที่เราว่ามันน่าจะขัดต่อกฎเคมี ฟิสิกส์ ชีวะ ฯลฯ เช่น ประตูเครื่องบินเป็นรูโบ๋ แวมไพร์ปลิวแต่เด็กไม่ปลิว เป็นต้น แต่พอดีว่าภาพรวมของหนังมันได้อยู่ คนดูเลยสามารถปล่อยผ่านช่องโหว่ตรงนั้นไปได้
ส่วนที่เราคิดว่าเป็นข้อด้อยคือ หนังยังแนะนำและกระจายบทให้ตัวละครได้ไม่ดี ส่วนใหญ่หนังให้ความสำคัญกับดราม่าแม่ลูก ซึ่งก็ถ่ายทอดออกมาได้โอเค ส่วนตัวละครอื่น ๆ เหมือนเป็นตัวประกอบทั่วไปที่แทบไม่ได้รับความสำคัญ เราจึงยังไม่เห็นใจกลุ่มตัวละครดีคนอื่น ๆ (นอกจาก Farid ที่บทเด่นหน่อย) และยังไม่เกลียดกลุ่มตัวร้าย ๆ เช่นผู้ก่อการร้ายอย่างที่ควรจะเป็น (ยกเว้น หนึ่งในกลุ่มโจรคนนึงที่โรคจิต ๆ หน่อย) เราจึงยังไม่อินหรือไม่มีอารมณ์ร่วมกับพฤติกรรม การตัดสินใจ หรือความเห็นแก่ตัวของตัวละครบางตัวสักเท่าไหร่ โดยส่วนตัว เราคิดว่าหนังที่มีเหยื่อหรือผู้ร่วมชะตากรรมหลายคนแบบนี้ การสร้างความน่าจดจำให้ตัวละครอย่างทั่วถึงก็น่าจะดีกว่าโฟกัสแต่กลุ่มตัวละครเอกแค่ไม่กี่คน
แต่โดยสรุป เราค่อนข้างเชียร์ให้ดู Blood Red Sky เพราะสนุกและคลายเครียดได้อยู่ ประมาณว่ากักตัวเบื่อ ๆ ก็มาดูคนถูกกักตัวอยู่บนเครื่องบินกับแวมไพร์กันเถอะ เพียงแต่ว่าหนังเข้า Netflix พร้อม ๆ กับหนังซอมบี้เกาหลีอย่าง Kingdom: Ashin of the North มันก็เลยแอบเหงา ๆ หน่อย
1 comment
Comments are closed.