Chaos Walking ฉบับภาพยนตร์ กำกับโดย Doug Liman (จาก Edge of Tomorrow) สร้างจากนิยายดิสโธเปียของ Patrick Ness เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกอนาคต ตัวละครดำเนินชีวิตบน New World ซึ่งเป็นดาวดวงใหม่นอกโลก พวกเขาตั้งรกรากกันในชื่อ Prentisstown ซึ่งตั้งชื่อตามผู้นำ Mayor Prentiss (Mads Mikkelsen จาก Doctor Strange) โดยทั้งหมู่บ้านมีแต่ผู้ชาย (ราวกับเมืองลับแล) และความคิดของทุกคนจะเป็นเสียงและภาพที่คนอื่นก็สามารถรับรู้ได้ว่า ณ ตอนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ เรียกว่า “Noise”
วันหนึ่ง Todd Hewitt (Tom Holland จาก Spider-Man แห่งจักรวาล Marvel) เด็กหนุ่มผู้ไม่เคยเจอผู้หญิงตัวเป็น ๆ มาก่อน จนวันหนึ่งเขาได้บังเอิญพบกับ Viola Eade (Daisy Ridley จาก Star Wars แห่งจักรวาล Disney) ผู้หญิงคนแรกในชีวิต ซึ่งมากับยานปริศนาจากห้วงจักรวาล

เมื่อดูหนังจบ เราจินตนาการออกแทบจะทันทีเลยว่า Tom Holland ต้องกำลังพล่ามบ่นว่าตนไม่น่ารับเล่นหนังเรื่องนี้เลย มันต้องเป็นตราบาปหรือความอัปยศอดสูในอาชีพการงาน อุตส่าห์สร้างสมชื่อเสียงมานานแรมปีทั้งกับหนังบล็อกบัสเตอร์อย่าง Spider-Man และหนังเน้นโชว์ศักยภาพการแสดงอย่าง The Devil All the Time
Chaos Walking เป็นหนังที่ค่อนข้างน่าเบื่อ และไม่ได้ chaos อย่างที่คิด ไม่ว่าจะฉากแอ็คชั่นไล่ล่า ฉากเอเลี่ยน (ซึ่งเจอแค่ 1 ตัวถ้วน) หรือฉากความอลหม่านของความคิดในหัวผู้ชายต่าง ๆ พูดตรง ๆ เราว่ามันเหมือนหนังเกรด B ที่ใช้นักแสดง A-List เล่น ซึ่งไม่ได้มีแค่ Tom Holland กับ Daisy Ridley เท่านั้น ยังมีดารารุ่นใหญ่อีกหลายคน แถมยังมี Nick Jonas ร่วมด้วย ซึ่งบทของ Nick Jonas คือง่อยมาก เป็นบทที่ใครมาเล่นก็ได้ แต่ไม่ควรเป็นระดับสมาชิกบอยแบนด์ชื่อดังและหล่อระดับโลกอย่าง Nick Jonas (ใช่ค่ะ อันนี้โกรธ)

หนังไม่ได้ชี้แจงว่าทำไมในโลกนี้จึงมีแต่ผู้ชายที่มี Noise หนังต้องการจะสื่ออะไรเกี่ยวกับเพศหรือเปล่า เช่น เหมือนผู้หญิงทุกคนเกิดมาก็ต้องมีประจำเดือน แต่ประจำเดือนของผู้หญิงไม่ได้เป็นเรื่องสนุกเหมือน Noise ในหนัง เพราะ Noise เป็นได้ทั้ง power หรือ strength และก็เป็น weakness ได้ในเวลาเดียวกัน ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะคอนโทรลมันได้มากน้อยแค่ไหน แต่ก็น่าเสียดายอีกเช่นกันที่หนังไม่ได้เล่นประเด็นของ Noise ได้สนุกอย่างที่ควรจะเป็น
แต่สุดท้ายท้ายสุด Noise ก็เป็นไฮไลต์ของหนังตามชื่อไทย “จิตปฏิวัติโลก” นั่นแหละ แต่มันไม่ได้พีคถึงขั้นจะปฏิวัติอะไรได้เป็นจริงเป็นจังขนาดนั้น ส่วนใหญ่จุดเด่นของ Noise ในหนังจะค่อนไปทางบันเทิงหรือตลกเสียมากกว่า โดยเฉพาะตอน Tom Holland หลุดคิดนู่นคิดนี่หรือพยายามควบคุมความคิดตัวเองไม่ให้มัน think out loud ซึ่งมันเป็นคาแรกเตอร์ Tom Holland มาก ๆ จนนี่ก็คิดนะว่า หนังควรเอาดีไปทาง comedy และขายเสน่ห์ของ Tom Holland ตรงนี้แบบเน้น ๆ ไปเลยให้รู้แล้วรู้รอดน่าจะสนุกกว่านี้
หนังมีสาระไหม มีประเด็นไหม แน่นอนว่ามี คอนเซปต์และธีมโอเคเลย แต่ในหนังมันจับต้องไม่ค่อยได้ เหมือนหนังไม่ได้ให้ความสำคัญ ทั้งที่มันน่าสนใจมากและสะท้อนสังคมปัจจุบันได้ เช่น การก้าวข้ามผ่านวัย (coming-of-age) ของพระเอกจากชาว ignorant มาเป็นคนแรก ๆ. ที่ลุกขึ้นมาปฏิวัติ สังคมและแนวความคิดชายเป็นใหญ่ (Patriarchy & Masculinity) การเหยียดเพศ (Sexism) หรือการเติบโตมาท่ามกลางคำโกหกหรือ Propoganda ลวงโลก รวมถึงการปิดกั้นโอกาสทางการศึกษาเพื่อที่ผู้นำชั่วจะได้คอนโทรลหรือชักจูงผู้คนในสังคมได้ง่าย
โดยส่วนตัว เราไม่แนะนำให้ตีตั๋วเข้าไปดู Chaos Walking ในโรงภาพยนตร์ ยกเว้นว่าอยากดูนักแสดงจริง ๆ สนใจในเรื่องราวจริง ๆ หรือว่างจริง ๆ อันนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าไม่ได้อะไรมาก รอดูตอนสตรีมบนแพลตฟอร์มเช่น Netflix ก็ได้