Close หนังเข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม (ภาษาฝรั่งเศสและดัตช์) เจ้าของรางวัล Grand Prix จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ที่ได้รับเสียงปรบมือยาวนานถึง 10 นาทีในรอบปฐมทัศน์ โดยผู้กำกับสัญชาติเบลเยี่ยม เป็นหนังดราม่าแนว coming-of-age ของสองวัยรุ่น 13 ปี Léo (Eden Dambrine) และ Rémi (Gustav De Waele)
Léo กับ Rémi เป็นเพื่อนรักกัน บ้านใกล้กัน ทั้งสองครอบครัวไปมาหาสู่กันประจำ จนกระทั่งทั้งสองขึ้นเรียนชั้น ม.1 สังคมกว้างใหญ่ขึ้น เพื่อน ๆ ในห้องตั้งคำถามว่า ทั้งสองเป็นแฟนหรือเป็นคู่รักกันหรือเปล่า กลุ่มเด็กชายแท้ก็บูลลี่หรือล้อพวกเขา โดยเฉพาะ Léo ว่า “เป็นตุ๊ด” ทำให้ Léo ค่อย ๆ ตีตัวออกห่างจาก Rémi และเริ่มไปเล่นกีฬาชายแท้ที่สังคมยอมรับกับเพื่อนชายแท้กลุ่มใหม่ ๆ อย่าง ฟุตบอลหรือฮอกกี้ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ค่อนข้าง masculine ในขณะที่ Rémi ซึ่งมีความเซนซิทีฟกว่า เริ่มรับไม่ได้ที่จู่ ๆ เพื่อนก็เปลี่ยนไป
ตั้งแต้ต้นจนจบเรื่อง เราไม่สามารถตัดสินหรือสรุปได้เลยว่า Léo กับ Rémi เป็น homosexual หรือเป็นเกย์หรือเปล่า สำหรับเด็กบางคนในวัย 13 พวกเขายังไม่เข้าใจคำว่าความรักในเชิงชู้สาวหรือในเชิงโรแมนซ์เลยด้วยซ้ำ พวกเขาอาจจะเป็นเพียงแค่เพื่อนสนิทกัน พวกเขาอาจจำเป็นต้องมีระยะห่างหรือสเปซกันมากขึ้น เพื่อค้นหา รู้จัก และเข้าใจความรู้สึกที่มีต่อกันและกัน
ถ้าเป็นเพื่อนแก๊งสาว ๆ กอดกันหรือซบไหล่กัน สังคมก็มองว่าปกติ แต่พอเป็นผู้ชายกับผู้ชาย สังคมตีกรอบว่า ผู้ชายเค้าไม่ทำแบบนี้ เช่นเดียวกับเรื่องร้องไห้หรือความเซนซิทีฟ ที่สังคมคาดหวังว่า เป็นผู้ชายต้องเข้มแข็ง ต้องไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น มันจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก โดยเฉพาะสำหรับเด็ก ที่จะเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของตัวเอง
สิ่งที่ Rémi เสียใจหรือผิดหวังที่สุด จึงอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับความรักเชิงนั้นเลยก็ได้ เขาอาจจะเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่เข้าสังคมไม่ได้เก่งมาก แล้วเขาปรับตัวไม่ได้ที่วันหนึ่งเพื่อนคนเดียวของเขาเปลี่ยนไปหรือมีเพื่อนคนอื่น ๆ เข้ามาแทรกในวงจรชีวิตของพวกเขา

เมื่อคำนึงถึงปัจจัยและเหตุผลต่าง ๆ แล้ว ความสัมพันธ์ของเพื่อนสนิท Léo กับ Rémi ไม่ได้แตกหักหรือสิ้นสุดทางเพื่อนลงเพราะ “ความรักที่มากกว่าเพื่อน” หรือ “รักต้องห้าม” แต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะสังคมมากกว่า เพราะสุดท้ายแล้ว ต่อให้เขารักกันมากกว่าเพื่อนจริง ๆ คนอื่นก็ไม่ควรไปบูลลี่หรือทำให้เขารู้สึกว่ามันผิดปกติ
สิ่งที่หนังทำได้ดีคือ หนังแสดงให้เห็นว่าความรุนแรงในโรงเรียนและการบูลลี่มันมีผลอย่างไร และมีความรับผิดชอบอะไรตามมา โดยเฉพาะ Léo ที่จะต้อง move on และรับผิดชอบกับความสูญเสีย ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ใช่แค่การหนีปัญหา ไปเล่นกีฬาเพื่อให้ลืม ๆ ไปแล้วจบ
อีกหนึ่งสิ่งที่หนังเลือกมาอย่างชาญฉลาดคือ การเซตให้ครอบครัวของ Léo ทำไร่ดอกไม้ และเปรียบเปรยเรื่องราวของพวกเขาไปกับฤดูกาล ตั้งแต่การหว่าน การเก็บเกี่ยว และการทำเป็นปุ๋ย ฯลฯ เช่นเดียวกับ Léo ที่ค่อย ๆ รับมือกับความเจ็บปวดได้ง่ายขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปแล้วเขาค่อย ๆ ชินไปเอง แต่การอยู่แค่ใน comfort zone สลับกับในถ้ำ ก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาในระยะยาว
ฉากจบของเรื่องไม่ได้จบในทุ่งดอกไม้ของบ้านตัวเอง แต่ Léo ได้แสดงความรับผิดชอบ และก้าวข้ามผ่านปมสำคัญของเขาอย่างแท้จริงท่ามกลางป่าใหญ่ ที่ที่เต็มไปด้วยสเปซที่เขาจะสามารถเติบโตได้ในแบบที่เขาอยากเป็น
Close เปิดรอบพิเศษ ตั้งแต่ 16-22 กุมภาพันธ์ รอบ 19:00 น. เป็นต้นไป และฉายจริง 23 กุมภาพันธ์ 2023 ในโรงภาพยนตร์