ถ้าถาม Doctor Strange (Benedict Cumberbatch) ว่า Marvel มีกี่หนทางให้เลือกสร้าง Dr. Strange 2 ก็คงมีล้านแปดวิธี และเราก็เชื่อว่า มันไม่ได้มีแค่หนทางเดียว ที่จะทำให้มันออกมาปังได้ แต่ Marvel ก็ไม่ได้เลือกเดินไปทางนั้น
ในเรื่อง America Chavez (Xochitl Gomez) เป็นเด็กที่มีพลังพิเศษคือเดินทางข้ามจักรวาลได้ ทำให้ถูกปีศาจที่ต้องการพลังของเธอออกตามล่า จนเธอต้องหนีหัวซุกหัวซุนและมาเจอ Doctor Strange กับ Wong (Benedict Wong) ช่วยเอาไว้ ซึ่งต่อมา Doctor Strange ก็ไปขอให้ Wanda Maximoff หรือ Scarlet Witch (Elizabeth Olsen) มาช่วยอีกแรง
อ่านเพิ่มเติม รีวิว หมอแปลก ภาคแรก >>> https://www.kwanmanie.com/doctor-strange-review/

You break the rules and become a hero. I do it and I become the enemy. That doesn’t seem fair.
ทุกคนล้วนเคยสูญเสีย
ตัวละครหลักล้วนมีปมเกี่ยวกับความรัก ครอบครัว และการสูญเสีย ซึ่งนี่เป็นธีมที่คนดูน่าจะอินกันไม่ยาก เพราะทุกคนล้วนเคยสูญเสีย
ตั้งแต่ Stephen Strange ที่ต้องสูญเสีย Christine Palmer (Rachel McAdams) คนรักไป (สูญเสีย ณ ที่นี้ คือ เธอไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นตามที่เห็นในเทรลเลอร์ ไม่ได้ตายเหมือนในการ์ตูน What If…?), Wanda Maximoff ที่สูญเสียพี่ชายและคนรักไปในสงคราม Avengers (ซึ่งถ้าจะเข้าถึงหัวอกหัวใจของเธอ ก็ต้องดูหนัง Avengers และซีรีส์ WandaVision มาก่อน), และ America (ที่ไม่ใช่ชื่อประเทศ) ก็สูญเสียแม่ ๆ ไปในจักรวาลของเธอ
Multiverse of Madness ที่ไม่ Mad และไม่ Multi อย่างที่คาดหวัง
จุดอ่อนคือ Doctor Strange in the Multiverse of Madness รีบเกินไปหน่อย พยายามอัดทุกจักรวาลและทุกปมตัวละครมาในหนังความยาว 2 ชั่วโมง 6 นาที (แต่ทีเรื่องอื่น ๆ ในค่าย ทำให้ยาว 3 ชั่วโมงได้) มันจึงไม่ทำให้อินอย่างที่ควรจะเป็น และหนังพาเราไปชะโงกทัวร์แค่ไม่กี่ยูนิเวิร์สเท่านั้น อันเด่น ๆ ที่พาไปก็เป็นจักรวาลที่เป็นโลกยูโธเปียกับดิสโธเปีย มันจึงไม่รู้สึก Multi อย่างจัดเต็ม (แต่อุตส่าห์เกริ่นมาว่ามีเป็นร้อย ๆ พหุจักรวาล) มันก็เลยไม่รู้สึก mad ตามที่ชื่อหนัง promise
ไม่ปราณีคนไม่มีดิสนีย์พลัส หรือคนที่ไม่เคยดู WandaVision
อีกทั้งหนังยังดำเนินเรื่องอย่างไม่ค่อยเท้าความ ไม่ปราณีคนที่ไม่เคยดู WandaVision หรือคนที่ไม่เคยล็อกอินเข้า Disney Plus ใดใดทั้งสิ้น ตรงกันข้าม Marvel ปักธงมาแล้วว่า คนดูทุกคนต้องเคยดูหนังและซีรีส์ทุกเรื่องในจักรวาลของเขามาก่อนแล้ว ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เรายอมรับและเข้าใจได้แหละ แต่เราก็รู้สึกขัดใจอยู่ดีที่หนังปูเรื่องและใส่มิติให้ตัวละครใหม่ที่สำคัญมากอย่าง America น้อยกว่าที่ควรจะเป็นอยู่ดี
หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มีความแตกต่างและมีกลิ่นอายสยองขวัญตามสไตล์ผู้กำกับ Sam Raimi
ถึงแม้ Marvel จะไม่ได้ตัดสินใจถูกที่สุดหรือดีที่สุดเสมอไป แต่การตัดสินใจเลือก Sam Raimi (ผู้กำกับ Spider-Man จักรวาล Tobey Maguire ทั้ง 3 ภาค, Drag Me to Hell, The Evil Dead ฯลฯ) มากุมบังเหียนกำกับเรื่องนี้ ก็ทำให้ Doctor Strange in the Multiverse of Madness เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มีความแตกต่าง จากหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่น ๆ โดยเฉพาะมุมกล้องและกลิ่นอายของหนังสยองขวัญ อย่างเช่นที่เราได้เห็นกันในเทรลเลอร์ ก็คือ ซอมบี้ผี Doctor Strange และความดาร์กต่าง ๆ

I thought one Strange was bad enough.
แอ็คชั่นสายเวท เสกคาถาอาคม ถูกจริตคนดู
สำหรับฉากแอ็คชั่น ซึ่งเป็นความบันเทิงที่เป็นจุดขายหลักของ Marvel ในทุกเรื่อง สำหรับ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ก็ยังคงทำได้ดี ตอบโจทย์ความบันเทิงเช่นเคย ด้วยความที่จริตพ่อมด แม่มด หมอผี จอมเวท คาถาอาคม มูเตลู ฯลฯ มันถูกจริตคนไทยอยู่แล้ว ประกอบกับองค์แม่ Scarlet Witch หรือ Wanda 4.0 ก็พลังและท่าทางถูกจริตคนดูแทบทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะจริตกะเทย ซึ่งภาคนี้ she เด่นพอ ๆ กับหมอแปลก ฉากแอ็คชั่นมันเลยพาคนดูไปถึงจุดสูงสุดได้ไม่ยาก
เทรนด์ cameo-verse สูตรสำเร็จสูตรใหม่?
นอกจากนี้ หนังอัดฉัดความไฮป์เข้าไปอีก ด้วย cameo-verse กล่าวคือ หนังมี cameos มากหน้าหลายตา มันเลยได้ใจแฟนหนังซูเปอร์ฮีโร่ทุกจักรวาลไปง่าย ๆ หน้าตาเฉย
เข้าใจได้ว่าการนำตัวละครจากเรื่อง/จักรวาลเดียวกันหรืออื่น ๆ มาร่วมกระบวนการหรือกระทั่งรียูเนียนในภาคใหม่ ๆ มันเป็นเทรนด์ของหนังแฟรนไชส์ยุคปัจจุบัน เช่น Spider-Man: No Way Home, Ghostbusters, Jurassic World ฯลฯ จนอีกนิดก็จะเรียกว่า “สูตรสำเร็จสูตรใหม่” แล้วก็ว่าได้
I love you in every universe.
หนทางเดียวก็คือ…
โดยสรุป ถึงแม้หนังจะเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยรั่วในตัวบท และไม่ทำให้เราสัมผัสได้ถึง madness อย่างที่เราคาดหวัง (โดยส่วนตัว) แต่ก็เป็นหนังที่ตอบโจทย์ความบันเทิง โดยเฉพาะฉากแอ็คชั่น และเอาใจคอหนังฮีโร่และแฟน ๆ มาร์เวลได้อย่างไม่มีข้อกังขา ซึ่งความบันเทิงมันไม่เหมือนข้อเท็จจริงอย่างเรื่องตัวบทที่อ่อนแอและไม่ชวนเชื่อ ความบันเทิงเป็นสิ่งปัจเจก หนทางเดียวที่จะรู้ได้ก็คือ… ตีตั๋วเข้าไปชมเอง…
ป.ล. มีฉาก mid credits และ post credits อย่างละตัว รวม 2 ตัว