อ่านรีวิว DUNE PART 2 >> https://www.kwanmanie.com/review-dune-part-2/
สร้างจากนิยายไซไฟสุดคลาสสิก ที่เป็นแม่แบบของ Star Wars
เสด็จพ่อ Denis Villeneuve เป็นผู้กำกับเบอร์ต้น ๆ แห่งยุค และเคยเข้าชิงออสการ์จากผลงานไซไฟ-ปรัชญาสุดล้ำอย่าง Arrival บันไดความสำเร็จครั้งนั้นสานฝันในวัยเยาว์ของเขา นั่นคือการหยิบเอานิยายไซไฟสุดคลาสสิกของ Frank Herbert ที่ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 1965 และไม่เคยประสบความสำเร็จในการทำเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์เลยสักครั้ง มาเนรมิตเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ โดยใช้ทุนสร้างสูงถึง 165 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และลงทุนไปถ่ายทำ ณ ทะเลทรายจริง ๆ ที่จอร์แดนและสหรัฐฯ อาหรับ เอมิเรตส์ อันร้อนระอุ
นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของโลกอนาคตอันไกลโพ้น
Dune จ่าหน้าตั้งแต่เริ่มเรื่องว่าเป็น “Part 1” ให้คนดูทำใจล่วงหน้าว่า นี่คือแค่ปฐมบท หนังจะจบแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ เพราะ Dune Part 1 เป็นแค่ครึ่งแรกของหนังสือนิยายเล่มหนึ่งเท่านั้น โดยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 10191 ซึ่งเป็นอนาคตอันไกลโพ้น และผู้คนแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มอำนาจ
One day, a legend will be born. All of civilization depends on it.
เรื่องย่อ Dune
เรื่องเริ่มจากจักรวรรดิบัญชาให้ Duke Leto (Oscar Isaac จาก Star Wars) แห่งตระกูล Atreides ไปปกครอง Arrakis ดาวที่เป็นดินแดนแห่งทะเลทราย แต่ก็เป็นทั้งแหล่งทรัพยากรที่ล้ำค่าอย่าง “Spice” อีกทั้งยังเป็นบ้านของกลุ่มชน Fremen ซึ่งนำโดย Stilgar (Javier Bardem จาก No Country for Old Men) และ “หนอนทะเลทราย”
ครอบครัวของ Duke ได้แก่ Lady Jessica (Rebecca Ferguson จาก Mission: Impossible) และทายาทคนเดียว Paul (Timothée Chalamet จาก Call Me by Your Name) พร้อมด้วยทหารคนสนิทอย่าง Gurney Halleck (Josh Brolin จาก Avengers), Duncan Idaho (Jason Momoa จาก Aquaman), Thufir Hawat (Stephen McKinley Henderson จาก Fences), และหมอ Yueh (Chen Chang จาก Crouching Tiger, Hidden Dragon) จึงต้องย้ายบ้านและกองทัพไปดาวดวงใหม่
นอกจาก Paul จะได้เรียนรู้การเมืองการปกครองจากพ่อ และสกิลการต่อสู้จากทหารมือหนึ่งแล้ว เขายังได้สกิลแม่มด เช่น การคอนโทรลจิตใจคนอื่น จากแม่อีกด้วย แต่ปัญหาของเขาคือ เขามักจะฝันแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ถึงผู้หญิงชาว Freman (Zendaya จาก Spider-Man) โดยฝันนั้นเหมือนจะเป็นการมองเห็นอนาคตล่วงหน้า และก็มีความเชื่อกันว่า Paul คือ “ผู้ถูกเลือก” ที่จะมาเปลี่ยนจักรวาลนี้
ในขณะเดียวกัน ก็มีตระกูล Harkonnen นำโดย Baron Vladimir Harkonnen (Stellan Skarsgård จาก Thor) และหลานชาย Glossu Rabban (Dave Bautista จาก Guardians of the Galaxy) ที่ทรงอิทธิพล และมีแผนการจะยึดอำนาจและทำลายตระกูล Atreides อย่างถอนรากถอนโคน แม้ว่า Reverend Mother Mohiam (Charlotte Rampling จาก 45 Years) แม่ใหญ่ของกลุ่มแม่มด Bene Gesserit จะมาขอให้ไว้ชีวิต Jessica และ Paul แล้วก็ตาม
Dreams make good stories, but everything important happens when we’re awake.
รีวิว DUNE
#ดื่มด่ำความสโลว์ไลฟ์ไปกับเสด็จพ่อวิลล์เนิร์ฟ
ตามสไตล์ของ Denis Villeneuve หนังของเขาจะไม่ใช่สไตล์หนังตลาดสักเท่าไหร่ ดังนั้น Dune จะไม่ได้เน้นแอ็คชั่นไซไฟเหมือน Star Wars หรือ Star Trek แต่เขาใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่งนี้ ค่อย ๆ เล่าเรื่องเหมือนพาเราอ่านหนังสือ ชนิดเก็บและซึมซับแทบทุกดีเทล ราวกับกำลังอ่านตัวหนังสือบรรยายทีละบรรทัด ๆ ทำให้เราได้ take time กับตัวละครและสถานที่อย่างที่ควรจะเป็น และงานของเขาก็เหมือนงานศิลป์ ที่โดดเด่นด้วยงาน visual ที่ล้ำเลิศเหนือจินตนาการ, production design ที่น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้, และ score ที่ทรงพลัง ซึ่งเราต้องค่อย ๆ เสพและดื่มด่ำ แล้วพอเราจมดิ่งเข้าไปแล้ว เราจะรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของ Dune เลยจริง ๆ
#งานวิชวลและสกอร์ที่โคตรล้ำและทรงพลังระดับออสการ์
โดยเฉพาะใน Dune นี้ Denis Villeneuve ร่วมมือกับ Greig Fraser ซึ่งเป็น cinematographer ผู้เคยเข้าชิงออสการ์จาก Lion, Zero Dark Thirty, Foxcatcher, Rogue One: A Star Wars Story ฯลฯ และ Hans Zimmer ซึ่งเป็น score composer ที่เคยชิงออสการ์มาแล้วถึง 11 สมัย จาก Dunkirk, Interstellar, Inception, Gladiator, The Lion King ฯลฯ ผลลัพธ์ของการรวมตัวกันของเทพทั้งสาม ทำให้งานออกมาโคตรล้ำ โคตรสวย และโคตรทรงพลัง ในทุก ๆ มิติ
#ควรค่าแก่การดูใน IMAX
แน่นอนว่า สเกลภาพและเสียงที่ยิ่งใหญ่อลังการระดับมาสเตอร์พีซขนาดนี้ เขาสร้างมาเพื่อให้คนดูได้ experience ในโรง IMAX โดยเฉพาะ โดยส่วนตัว เราได้นั่งตรงกลางโรง IMAX ขอบอกว่า ปริ่มมาก เหมือนเราได้ไปเป็นผู้สังเกตการณ์กลางทะเลทรายที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา และเหมือนมีอีหนอนยักษ์มาประจันหน้าจริง ๆ ซึ่งถ้าเราแค่เจออีสัตว์ตัวมหึมานี้มาอ้าปากใส่บนจอเล็ก ๆ ที่บ้าน มันก็คงเข้าไม่ถึงความสะพรึงถึงไซส์และเสียงคำรามของเจ้าหนอนเท่ากับได้ดูบนจอ IMAX จริง ๆ
ความเต็มอิ่มที่ไม่เต็มอิ่ม
สิ่งเดียวที่รู้สึกไม่เต็มอิ่มคือ Dune Part 1 มาเพื่อปูล้วน ๆ ไม่มีกุ้งผสม ความรู้สึกถูกทิ้งไว้กลางทาง เวลาสองชั่วโมงครึ่งที่ผ่านมาเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น การเดินทางจริง ๆ ของ Paul มันจะเริ่มขึ้นใน Part 2 นู่นต่างหาก
รวมถึง Zendaya ที่เหมือนถูกโปรโมตเสมือนเป็นตัวนำตีขนาบคู่กับ Timothée (และเป็นคนเล่าเรื่อง) ก็มีบทไม่ได้มากกว่าที่เราเห็นในเทรลเลอร์สักเท่าไหร่ (เหมือนจะไปมีบทบาทในภาคหน้า ๆ มากกว่า) ส่วนผู้หญิงที่เป็นตัวนำประกบกับ Timothée จริง ๆ ของภาคนี้คือ Ferguson ซึ่งมาในสไตล์แม่มด สกิลพลังจิตโกงชาวบ้านชาวช่องเค้าอีกละ
THE MYSTERY OF LIFE ISN’T A PROBLEM TO SOLVE, BUT A REALITY TO EXPERIENCE. A PROCESS THAT CANNOT BE UNDERSTOOD BY STOPPING IT. WE MUST MOVE WITH THE FLOW OF THE PROCESS. WE MUST JOIN IT. WE MUST FLOW WITH IT.
งานศิลป์ที่เสพง่ายของเสด็จพ่อวิลล์เนิร์ฟ
จะว่าไป Dune นี่ถือเป็นผลงานที่ดูง่ายแล้ว สำหรับ Denis Villeneuve อย่างน้อยที่สุด เขาก็เอานักแสดงตัวท็อป ทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเล็ก ที่คนดูหนังส่วนใหญ่คุ้นหน้าคุ้นตามาแสดงแทบทั้งแผง ซึ่งแต่ละคนล้วนมีดีกรีเข้าชิงออสการ์หรือผ่านการเล่นหนังบล็อกบัสเตอร์มาแล้วทั้งนั้น ทำให้คนดูรู้สึก struggle น้อยหน่อยในการจดจำตัวละครและทำความเข้าใจศัพท์แสงลิเกอวกาศจากยุคดิสโธเปีย
นอกจากนี้ เนื่องจากหนังสือต้นฉบับของ Frank Herbert มีธีมหรือแก่นของเรื่องที่ค่อนข้าง universal แล้วในปัจจุบัน ทั้งเรื่องความกลัว การแย่งชิงทรัพยากร โลกร้อน สงคราม ความเชื่อหรือศาสนา ระบบทหารและศักดินา การเมือง การยึดอำนาจ การล่าอาณานิคม ที่เราคุ้นเคยกันดีจาก Game of Thrones, Mad Max, ฯลฯ (และชีวิตจริงในประเทศของเรา) อีกทั้ง Dune ยังเป็นแรงบันดาลใจของหนัง/ซีรีส์ space travel ชื่อดังในยุคต่อมาหลายเรื่อง รวมถึง Star Wars ดังนั้น เนื้อหาของ Dune จึงไม่ได้เข้าถึงยากอย่างที่คิด
A GREAT MAN DOESN’T SEEK TO LEAD, HE IS CALLED TO IT. BUT IF YOUR ANSWER IS NO, YOU’D STILL BE THE ONLY THING I EVER NEEDED YOU TO BE: MY SON.
#Top10 หนังแห่งปีสำหรับเรา แต่อาจไม่ใช่หนังสำหรับทุกคน
สำหรับเรา Dune คือหนังที่เรารู้สึกคุ้มค่า ทั้งเงินและเวลา และชอบติด Top 10 ของปี 2021 อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เราก็ยอมรับว่า มันอาจไม่ใช่หนังที่ทุกคนจะดูสนุก สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับหนังแนวนี้หรือสไตล์ของผู้กำกับคนนี้ ก็อาจจะต้องอดทนและอาศัยความพยายามในการเข้าถึงนิดหน่อยในตอนเริ่มเรื่อง
โดยสำหรับคนกลุ่มลักษณะนี้ เราแนะนำให้อ่านเรื่องย่อและทำความเข้าใจแผนผังตัวละครก่อนเข้าชม เพื่อที่จะได้คลายความกังวลในการติดตามเรื่อง รวมถึงเลือกรับชมในโรง IMAX เพื่อเสพภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเราเชื่อว่า หากคุณเครื่องติดเมื่อไหร่ คุณจะต้องถูกดูดและหลุดเข้าไปในโลกของ Dune โดยไม่ทันตั้งตัว
Fear is the mind-killer.
อ่านต่อรีวิว DUNE PART 2 >> https://www.kwanmanie.com/review-dune-part-2/
6 comments
Comments are closed.