“If this were a beauty pageant, we just lost.”
– Ken Miles
ก่อนที่เราจะได้มาดู Ford v Ferrari (2019) หนังแอ็คชั่น-ชีวประวัติ จากเรื่องจริงของการแข่งขันชิงความเป็นที่หนึ่งระหว่างสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถยนต์ เราได้เคยดู Rush (2013) ที่เกี่ยวกับการแข่งขันรถ Formula One ระหว่างสองนักซิ่ง James Hunt (Chris Hemsworth) และ Niki Lauda (Daniel Brühl) มาก่อนแล้ว และ Rush (2013) ก็ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในหนังที่เราชอบและยินดีดูซ้ำมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าในชีวิตจริง เราแทบไม่เคยดูแข่งรถหรือแข่งม้าเลย ความรู้เรื่องรถราก็น้อยนิด
Ford v Ferrari (2019) กำกับโดย James Mangold (จาก Logan) เป็นหนังเล่าเรื่องเกี่ยวกับการแข่งขันของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่สองค่ายตามชื่อเรื่อง โดยย้อนไปช่วงประมาณปี 19ุ66 เมื่อ CEO Henry Ford II (Tracy Letts จาก Lady Bird) จะผลิตรถซิ่งไปลงสนาม 24 Hours of Le Mans แข่งกับ Enzo Ferrari (Remo Girone จาก Live by Night)
แต่จริง ๆ แล้ว ในหนังนั้น Ferrari ก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรขนาดนั้นหรอก หนังเหมือนเน้นเล่าสงครามเย็นภายใน Ford เองเสียมากกว่า (เห็นว่าในบางประเทศก็ใช้ชื่อหนังว่า Le Mans ’66 ตามชื่อสนามและปีที่แข่งไปเลย)
Carroll Shelby (Matt Damon จาก The Martian) วิศวกรยานยนต์และอดีตแชมป์ปี 1959 จากรายการซิ่งดังกล่าว ได้รับการคัดเลือกให้ไปเข้าทีมโปรเจ็กต์ดังกล่าวของ Ford ตามไอเดียของ Lee Iacocca (Jon Bernthal จาก The Wolf of Wall Street) โดย Shelby พยายามดันให้ Ken Miles (Christian Bale จาก The Dark Knight) เพื่อนของเขา ได้ขับและลงแข่งในสนามหน้านี้ด้วย ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของ Leo Beebe (Josh Lucas จาก A Beautiful Mind) มือขวาของ Ford
หนังไม่ค่อยเล่าปูมหลังของ Carroll Shelby มากนัก แต่เพิ่มมิติให้ตัวละคร Ken Miles ทั้งในบทบาทสามีของ Mollie (Caitriona Balfe จาก Outlander) และบทบาทพ่อของลูกชาย Peter (Noah Jupe จาก Honey Boy) ซึ่งสองตัวละครนี้ก็เป็นตัวละครที่ซัพพอร์ตบทของ Ken Miles ได้เป็นอย่างดี และทั้งคู่ก็แสดงได้ดี โดยเฉพาะ Noah Jupe นี่ประทับใจมาตั้งแต่เรื่อง Honey Boy เราคิดว่า น้องคนนี้น่าจะไปได้อีกไกลมาก
ฉากไคลแมกซ์ในสนามแข่งจริง คนดูจะต้องลุ้นติดเบาะและติดอยู่กับ Ken Miles มากกว่า แต่ Carroll Shelby ที่อยู่ข้างสนามก็รับศึกหนักไม่แพ้กัน มีอะไรให้เราสนุกไม่น้อยหน้ากัน โดยเฉพาะที่ Shelby ต้องรับมือกับ Leo Beebe ผู้ต้องการเลียแข้งเลียขาบอสใหญ่ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ Ford (ตอนแรก Beebe ไม่อยากให้ Ken Miles ขับก็เพราะภาพลักษณ์ Ken Miles มันไม่ใช่ลุคที่ Ford พึงมีด้วยนี่แหละ)
แน่นอนว่า เราดูแล้วเราก็จะรู้สึกอยู่ข้าง Ken Miles กับ Carroll Shelby นี่แหละ และจะรู้สึกว่า Leo Beebe คือตัวร้าย ตัวโกง นิสัยไม่ดี บลา ๆ ๆ แต่ถ้ามองอย่างเป็นกลาง เราก็จะเข้าใจ Beebe นะว่า ในโลกของทุนนิยม และเพื่อความก้าวหน้าทางอาชีพการงาน เขาก็ทำหน้าที่ของเขา เช่นเดียวกับที่สองพระเอกเขาทำหน้าที่ของเขา นั่นก็คือ สร้างรถแข่งที่ดีที่สุด และซิ่งให้ได้ไวที่สุด สุดท้าย มันไม่มีใครถูกผิด แค่เป้าหมายหรือเส้นชัยของแต่ละฝ่ายมันต่างกัน
หนังมีความยาวสองชั่วโมงครึ่ง ถึงแม้จะไม่ได้ซิ่งหลังติดเบาะทั้งเรื่อง และไม่ใช่หนังเกี่ยวกับความเร็วเท่านั้น แต่ทว่าดูสนุกทั้งเรื่อง แค่นักแสดงก็ชนะขาดแล้ว แถมยังไดอะล็อกปังตลอด ฉากแข่งในสนาม 24 Hours of Le Mans ก็ทำได้จุใจทุกนาที ซึ่งไม่ว่าคุณจะรู้ผลหรือยังไม่เคยรู้ผลของการแข่งขันในปีนั้น ๆ อยู่แล้ว บทสรุปของหนังก็คงจะเจ็บจี๊ดอยู่ไม่มากก็น้อย
ถ้าเทียบกับ Rush (2013) ก็ต้องบอกว่าชอบกันคนละแบบ โดย Rush (2013) จะดราม่ากว่าและเข้มข้นกว่า แต่ Ford v Ferrari (2019) จะดูบันเทิงกว่า ซึ่งสุดท้ายแล้ว เราคิดว่า ก็ควรค่าแก่การรับชมทั้งสองเรื่อง และดูซ้ำได้ไม่เบื่อทั้งสองเรื่อง
คะแนนตามความชอบส่วนตัว Ford v Ferrari = 8.5/10
34 comments
Comments are closed.