คนรุ่นหลัง ๆ ก็อาจจะพอคุ้นกับหนังแวมไพร์ที่เป็นการตีความและเล่าถึงแวมไพร์ในมุมมองที่แตกต่างออกไปจากหนัง Dracula ยุคเก่า ๆ หรือการนำคาแรกเตอร์แวมไพร์มาใช้เล่าในบริบทที่ร่วมสมัยขึ้น อย่างการเล่าถึงความเป็นมนุษย์ในตัวละครอมนุษย์ เช่น ในหนัง Twilight, Dracula Untold, Renfield เป็นต้น
เรื่องย่อของ “Humanist Vampire Seeking Consenting Suicidal Person: แวมไพร์ใจอารี อยากจะขอกัดคอเธอดี ๆ ได้ไหมจ๊ะ” ทำให้เรานึกถึง Warm Bodies ซึ่งเป็นความรักต่างสปีชีส์ และความขัดแย้งว่า “จะรัก หรือ จะกิน” แต่เอาเข้าจริง เจ้าหนังแวมไพร์ชื่อยาว (มาก) เรื่องนี้มันดาร์กกว่าชื่อไทยที่ถูกตั้ง และถูกเล่าจากการมองโลกในแง่ลึกพอสมควร เช่น มันมีประเด็น coming-of-age, การฆ่าตัวตาย, การุณยฆาต (euthanasia), เจตจำนงเสรี (free will), และ bulying อยู่ด้วย
และเช่นเดียวกับหนังแวมไพร์หลายเรื่อง การดูดเลือดมักถูกสื่อถึงเซ็กส์ เช่น เรื่อง Interview with the Vampire ที่แสดงโดย Tom Cruise กับ Brad Pitt ซึ่งหนังแวมไพร์ชื่อยาว (มาก) เรื่องนี้ก็สามารถเชื่อมโยงกับธีมนี้ได้เช่นกัน เช่น ตัวละครมนุษย์ “พอล” ที่คอยถามแวมไพร์สาวว่า “ต้องถอดเสื้อมั้ย” หรือ “ต้องปิดไฟมั้ย” โดยการกัดคอเหยื่อก็มักสะท้อนถึงความกลัวและความปรารถนาไปพร้อม ๆ กัน หรือ “เดนิซ” แวมไพร์ลูกพี่ลูกน้องของ “ซาช่า” ที่มักจะหลอกล่อเหยื่อด้วยการยั่วเพศ ซึ่งเราก็สังเกตได้อีกเช่นกันว่า แวมไพร์ในหนังมักมาพร้อมกับความเยาว์วัยและความดึงดูดทางเพศเสมอ
แต่ธีมหลักของ Humanist Vampire Seeking Consenting Suicidal Person มันเป็นเจตจำนง ความต้องการ เป้าหมาย อุดมการณ์หรือการเลือกใช้ชีวิต อย่าง “ซาช่า” ที่รู้สึกแปลกแยกจากครอบครัวและสังคมแวมไพร์เพราะเธอมีเขี้ยวช้าและปฏิเสธที่จะออกล่า เธอใช้ชีวิตโดยการดื่มเลือดจากถุงที่พ่อแม่จัดสรรไว้ให้มาทั้งชีวิต เธอยอมฆ่าตัวตายโดยการกินอาหารมนุษย์ดีกว่าไปฆ่าใคร ถ้าพูดให้เห็นภาพก็คือ เธอเป็นแวมไพร์ที่เหมือนพวกเราหลาย ๆ คนที่สามารถกินบุฟเฟ่ต์ชาบูหมูกระทะได้ทุกวัน แต่ถ้าต้องไปล้มวัวล้มควายหรือเชือดหมูเชือดไก่ด้วยตัวเองก็คงไม่ทำ
และเมื่อแวมไพร์ที่ไม่อยากฆ่าคนกับคนที่อยากตายมาเจอกัน ไดนามิกของหนังมันก็เปลี่ยน… คลื่นชีวิตของทั้งสองตัวละครมันก็เปลี่ยน…. พวกเขาค้นพบความหวังและความหมายของการมีชีวิตอยู่ในรูปแบบที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
บางทีเราอาจจะแค่แตกต่าง หรือแค่ไม่เข้ากับสังคมที่อยู่ หรือแค่ยังไม่เจอคนที่ใช่ แต่นั่นไม่ได้แปลว่า เราด้อย ผิดปกติ หรือไม่คู่ควรกับโลกใบนี้ ชีวิตมันอาจจะเป็นเรื่องของการเข้าใจและยอมรับตัวตนของเรา ยึดมั่นและเลือกเส้นทางที่จะไม่สูญเสียตัวตนหรือขัดแย้งกับเจตจำนง และการค้นหาคนที่พร้อมจะเข้าใจและร่วมเดินทางไปพร้อมกับเจตจำนงที่สอดคล้องและซัพพอร์ตกันและกันอย่างแท้จริง
คำถามที่ซาช่าถามพอลก่อนกัดคอ– “ความปรารถนาสุดท้ายก่อนตายคืออะไร” อาจไม่ใช่คำถามที่ถูกต้องนัก เพราะมันไปโฟกัสกับการตายมากไปหน่อย สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “เราต้องการมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร” ซึ่งมันเป็นการโฟกัสกับการมีอยู่ และทำให้เรามองเห็นชีวิตที่มีคุณค่า
สุดท้าย ชีวิตคือการแสวงหาความหมายของการมีชีวิตอยู่ และใช้ชีวิตร่วมกับคนที่เข้าใจในสิ่งที่เราเป็น – ไม่ว่าเราจะเป็นมนุษย์หรือแวมไพร์ก็ตาม