หลังจาก Jurassic World (2015) ได้รีบูธหรือปลุกแฟรนไชส์หนังไดโนเสาร์ในตำนานอย่าง Jurassic Park (1993), The Lost World: Jurassic Park (1997), และ Jurassic Park III (2001) ของพ่อมดแห่งฮอลลีวู้ด Steven Spielberg ขึ้นมา แฟน ๆ ก็ได้ชม Jurassic World: Fallen Kingdom (2018) ต่อมา และล่าสุดก็มาถึง Jurassic World: Dominion (2022) ในวันนี้
Jurassic World: Dominion ไม่ใช่แค่เป็นบทสรุปของไตรภาค Jurassic World แต่ยังเป็นบทส่งท้ายของทีม Jurassic Park อีกด้วย เพราะเป็นการบรรจบพบกันของทีมนักแสดงนำของแฟรนไชส์ชุดใหม่ Owen Grady (Chris Pratt) และ Claire Dearing (Bryce Dallas Howard) กับทีมนักแสดงนำรุ่นบุกเบิกอย่าง Alan Grant (Sam Neill ซึ่งปัจจุบันอายุ 74 ปี), Ellie Satler (Laura Dern ซึ่งเพิ่งได้ยศนักแสดงออสการ์มาไม่นาน), และ Ian Malcolm (Jeff Goldblum ซึ่งปัจจุบันอายุ 70 ปี)
อย่างไรก็ตาม Jurassic World: Dominion ก็ค่อนข้างน่าผิดหวังและไม่ค่อยตราตรึงเท่าที่ควรสำหรับหนัง finale และการรียูเนียนกันครั้งแรกในรอบ 3 ทศวรรษของทีมนักแสดง Jurassic Park เพราะการผนวกกันของทีมยุคใหม่กับทีมยุคบุกเบิกเหมือนทำมาแค่พอจับวาง ไม่ได้สมเกียรติหรือเป็นเนื้อเดียวกันกับบริบทสักเท่าไหร่ และอย่าว่าแต่บทของนักแสดงนำทั้งหลาย เพราะแม้แต่ตัวหนังเองยังสูญเสียคาแรกเตอร์ของมันเอง เพราะไปหลงเกือบเป็น Mission Impossible หรือหนังสายลับไล่ล่าอยู่พักหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีตัวละครเสริมทัพยิบย่อยอีกมากหน้าหลายตา แล้วพอตัวละครคนเยอะกว่าไดโนเสาร์ (เจ้า Blue หรือ Velociraptor ตัว(เกือบ)สุดท้าย และเจ้าไดโนยักษ์ในน้ำ ขวัญใจประชาชน ออกมาน้อยมาก) หนังก็ยาวเกินจำเป็น (2 ชั่วโมง 26 นาที) เส้นเรื่องก็อีรุงตุงนัง จนไม่มีอะไรเด่นดีหรือสร้างอารมณ์ร่วมกับคนดูได้สักทาง ทั้งประเด็นลูกของ Blue, เจ้าหนู Maisie (Isabella Sermon), ตั๊กแตนไบโอซิน ฯลฯ
เสียดายปมการอยู่ร่วมกันของคนกับไดโนเสาร์ที่เปิดมาอย่างดีแต่สุดท้ายก็ทำไม่ถึง กลายเป็นหนังไดโนเสาร์หรือมอนสเตอร์ดาษดื่นทั่วไป ขายแฟนเซอร์วิซ (ที่แม้แต่แฟนบางคนเองยังไม่ประทับใจ) ไม่มีอะไรแปลกใหม่หรือช่วยให้คุณค่าอะไรใหม่กับยุคสมัยที่กำลังพยายามเข็นประเด็น inclusivity กันแทบหืดขึ้นคอ
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า สุดท้ายหนังภายใต้การดูแลของ Steven Spielberg ยังมีความเป็นหนังครอบครัวหรือหนังเด็ก ก็คือมีความโลกสวยหน่อย ๆ ประมาณว่าอะไร ๆ ก็ดูบังเอิญง่ายลงตัวไปหมดสำหรับตัวละครต่าง ๆ ดังนั้น โดยสรุป สำหรับเรา Jurassic World: Dominion รวมถึง Jurassic World สองเรื่องก่อนหน้า จึงเป็นแค่หนังบล็อกบัสเตอร์ที่พอดูได้ในระดับหนังครอบครัวเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ได้ตราตรึงขึ้นหิ้งหรือน่าจดจำแต่อย่างใด
The Prologue - Jurassic World: Dominion ความยาว 5:30 นาที (ไม่มีในหนังเต็ม)
ตัวอย่างหนัง Jurassic World: Dominion