ในโลกแห่งความเป็นจริง เรามีแอพฯ หาคู่อย่าง Tinder, Bumble, ฯลฯ แต่เราต้องเปิดแอพฯ ไปดูปัดซ้าย-ปัดขวาหน้าโปรไฟล์ของ users แล้วก็ต้องรอดูว่าจะแมตช์หรือไม่แมตช์ หรือเมื่อแมตช์แล้วเราก็ต้องพยายามกันเองในขั้นต่อไปและลุ้นต่อกันเองว่าจะคลิกหรือไม่คลิก ซึ่งโดยส่วนตัว เราค่อนข้าง introvert และไม่ค่อยมั่นใจในการเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใคร แอพฯ เหล่านี้จึงไม่ได้ตอบโจทย์ได้ดี ก็คือ มันไม่ค่อยเวิร์คสำหรับเรา ดังนั้น ไอเดียแอพฯ ในซีรีส์เกาหลีเรื่อง Love Alarm บน Netflix ที่แจ้งเตือนว่ามีคนแอบชอบคุณในรัศมี 10 เมตร จึงค่อนข้างดึงดูดความสนใจของเรา
Love Alarm ซีซัน 1 ออนแอร์เมื่อปี 2019 มีทั้งหมด 8 ตอน ตอนละไม่ถึงชั่วโมง ซึ่งเราสามารถดูจบทั้งหมดได้ในคืนเดียว ซีรีส์เล่าเรื่องรักสามเส้า (หรือมากกว่านั้น?) ของสองเพื่อนรัก Hwang Sun-oh (Song Kang จาก Sweet Home) และ Lee Hye-Yeong (Ga-ram Jung จาก Believer) ที่ตกหลุมรักผู้หญิงคนเดียวกันคือ Kim Jojo (Kim So-Hyun จาก Who Are You: School 2015)
ครึ่งแรกของซีซัน 1 เน้นความสัมพันธ์หรือความรักวัยไฮสคูลระหว่าง Kim Jojo กับ Sun-oh ที่เริ่มต้นด้วยแอพฯ Love Alarm ที่แจ้งเตือนว่าทั้งสองใจตรงกัน ก่อนที่กลางเรื่องจะเกิดเหตุการณ์พลิกผันขึ้น เมื่อ Kim Jojo เลือกใช้อาวุธหรือฟังก์ชั่นลับ “โล่” ทำให้เธอไม่สามารถทำให้ Love Alarm ของใครดังได้อีกต่อไป หมายความว่า จะไม่มีใครรู้ว่าเธอรักใคร แล้วทั้งสองก็เลิกรากัน ครึ่งหลังของซีซัน 1 ก็จะเปลี่ยนมาเป็นช่วงของ Hye-Yeong แทน เขาเริ่มเดินหน้าจีบ (สักที!) และค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์กับ Kim Jojo อย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วน Sun-oh ขวัญใจประชาชน ก็มีแฟนใหม่ คือ Lee Yuk-Jo (Kim Shi Eun).แต่เขาก็ไม่เคยทำให้ Love Alarm ของแฟนสาวดังได้เลย เพราะเขายังรัก Kim Jojo อยู่นั่นเอง
ซีซัน 1 จบลงอย่างค้างคาชาว Netflix ตรงที่การประจันหน้าของตัวละครทั้งสี่ในงานเปิดตัวแอพฯ Love Alarm 2.0 แล้วซีรีส์ก็ตัดจบไปเลย ไม่ยอมเฉลยว่า Kim Jojo เลือก Sun-oh หรือ Hye-Yeong ซึ่งคนดูบนเรือทั้งสองลำ (โดยเฉพาะเรือลำแรกที่ผมีผู้โดยสารหนาแน่นหน่อย) ต้องเคว้งคว้างลอยคอ
Love Alarm ซีซัน 2 มีทั้งหมด 6 ตอน ตอนละไม่ถึงชั่วโมง จึงสามารถดูจบในคืนเดียวได้เช่นเดิม โดยซีซันนี้เป็นช่วงชีวิตมหาวิทยาลัย-วัยทำงานของทุกคน และ Kim Jojo ยังคบอยู่กับ Hye-Yeong แต่ Sun-oh ซึ่งยังรัก Kim Jojo อยู่ ก็พยายามจะทวงคนรักเก่าคืนหลังจากได้รู้ว่า Kim Jojo แอบโกงแอพฯ Love Alarm
คำเตือน เนื้อหาด้านล่างนี้มีสปอยล์เนื้อหาสำคัญ
ชาวเน็ต(ฟลิกซ์)จวกยับ บทสรุปไม่ถูกใจ
(SPOILER ALERTS!)
ทันทีซีซัน 2 ปล่อยสตรีม ก็มีดราม่าขึ้นทั่วโซเชียลมีเดียตั้งแต่วันแรก เพราะมีคนจำนวนมากไม่พอใจในตอนจบ และซีซัน 2 ก็ไม่สนุกสมการรอคอยเกือบสองปี (การถ่ายทำดีเลย์เพราะ COVID-19) ซึ่งโดยส่วนตัว ถึงแม้โดยภาพรวมเราจะยังโอเคกับซีรีส์ และไม่มีปัญหากับการตัดสินใจของนางเอก ค่อนข้างไปทางเห็นด้วยเสียด้วยซ้ำที่เลือกคนนี้ แต่เราก็เห็นด้วยว่า ซีซัน 2 ไม่ได้สนุกเท่าซีซันแรก และเราก็แอบขัดใจกับบทสรุปบางประการของเรื่องเช่นกัน
ถ้าคุณคิดว่า Han Ji-pyeong ใน Start-Up ที่ถูกปูเรื่องมาทั้ง Ep.1 ประหนึ่งว่าเป็นพระเอกแต่แล้วต้องกลายมาเป็นคนที่นางเอกไม่เลือกนั้นน่าสงสารแล้วล่ะก็… คุณจะต้องใจสลายยิ่งกว่าให้กับ Sun-oh แห่ง Love Alarm ซึ่งถูกปูมาแทบทั้งซีซันประหนึ่งว่าเป็นพระเอกแต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่พระรอง
ถ้าเป็น KIM JOJO เราก็เลือก HYE-YEONG
(แต่ถ้ามัดรวมกันมาเลยได้ก็ดีนะ)
ปฏิเสธไม่ได้ว่า Sun-oh หล่อมาก รวยมาก และก็นิสัยโอเคเลย เราจึงไม่อยากจะจั่วหัวว่า “ถ้าเป็น Kim Jojo เราจะไม่เลือก Sun-oh” แต่เราก็ต้องยอมรับว่า Sun-oh ก็มีข้อเสียข้อใหญ่และไม่เข้ากับ Jojo ในบางเรื่อง ทำให้สุดท้าย เราเลือกที่จะจั่วหัวว่า “ถ้าเป็น Kim Jojo เราจะเลือก Hye-Yeong” เพราะเราไม่พบเหตุผลที่เราจะไม่เลือก Hye-Yeong เลยแม้แต่ข้อเดียว แหม… พูดไปก็อิจฉา Jojo ไป นางพกแต้มบุญอะไรมาเกิด จึงมีคนหล่อและแสนดีมาให้เลือกถึงสองคน
ถ้าย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กสาวมัธยม ก็เป็นไปได้ว่าเราก็คงเลือก Sun-oh เพราะเขาหล่อ มีเสน่ห์ ป๊อปปูลาร์ ชวนตื่นเต้น-ใจเต้นแรง และเป็นคนตรง ๆ ลุย ๆ แต่เราต้องไม่ลืมว่า Sun-oh รีบเกินไป เข้าหาและจูบ Jojo ทั้งที่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าเพื่อนรักของตัวเองชอบ Jojo อยู่ก่อน (ถึงแม้ว่า Hye-Yeong จะปากแข็งและแทบไม่ทำอะไรเลย แต่มันก็ดูออกได้ชัดเจนอยู่ดี) และ Jojo ณ ตอนนั้นก็มีแฟนอยู่แล้ว (ถึงแม้ Jojo จะไม่ได้แฮปปี้กับแฟนคนนี้ แต่โดยหลักการแล้ว ก็ถือว่ายังคบกันอยู่) ซึ่งมันทำให้ Jojo เสียหายและตกเป็นขี้ปากชาวบ้านทั้งโรงเรียนว่าคบซ้อน ทั้งนี้ยังไม่นับที่เขาเป็นคนโผงผาง ใจร้อน เล่นใหญ่ และชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางด้วยอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งนำความอับอายขายหน้ามาให้ Jojo ไม่รู้จักจบจักสิ้น แล้วปกติ Jojo เป็นคนเก็บตัว เงียบ ๆ ไม่ชอบเป็นที่สนใจ ทั้งนี้ ยังไม่รวมที่ Sun-oh ยังมาตามตื๊อและจูบ Jojo ตอนที่ Jojo เป็นแฟนของเพื่อนตัวเองแล้วนั่นด้วยอีกหนึ่งกรณี (อันนี้โกรธสุด)
ส่วน Hye-Yeong ถึงแม้จะไม่หวือหวาเท่า Sun-oh และชวนหงุดหงิดมาตลอดครึ่งซีซันแรกที่ไม่ทำอะไรสักที แต่สุดท้าย ด้วยความที่เขาเป็นคนดี ใจเย็น ให้เกียรติ มั่นคง มีเหตุผล พร้อมอยู่ข้าง ๆ และคิดถึงคนอื่นก่อนเสมอ ฯลฯ นี่แหละ ที่เราคิดว่ามันคือคุณสมบัติของคนรักที่เหมาะกับ serious relationship หรือเป็นคู่ชีวิตในภายหลังมากกว่า อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เพราะเมื่อเราโตขึ้น เราก็ต้องการ relationship ที่มัน more mature ตามมาด้วยเช่นกัน อีกอย่างคือ Hye-Yeong มีความคลาสสิก บางคนอาจบอกว่า คำนี้คือ synonym ของคำว่า boring แต่เราว่ามันน่ารักดี นอกจากเขาจะมั่นคงแล้ว เขายังค่อยเป็นค่อยไป จีบแบบยุคคลาสสิก แต่ก็ยังมีลูกเล่นกับของใหม่ด้วย ก็คือ ทำให้ Love Alarm ของ Jojo ดังวันละสิบครั้ง เขาเหมือนเป็นตัวแทนของคำว่า “ความรักที่มั่นคงต้องใช้เวลา”
ถึงแม้ Sun-oh จะน่าสงสาร ทั้งความไม่สมหวังในความรักและปัญหาครอบครัว แต่เราก็ไม่สามารถเลือกคบใครเพียงเพราะความสงสารได้อยู่ดี มิเช่นนั้นสุดท้ายเราอาจกลายเป็นคนที่น่าสงสารเสียเอง อย่างไรก็ตาม เราคิดว่า ตัวละครหลักใน Love Alarm ก็น่าสงสารกันทุกคนนั่นแหละ ชีวิตมันก็แบบนี้ (อ่อ… ยกเว้นลูกพี่ลูกน้องของนางเอก ที่เราคิดว่าน่าสมเพชมากกว่าน่าสงสาร)
บทสรุปบางคู่ที่ไม่ถูกใจ
หวังว่าจะได้รับการขัดเกลาในซีซัน 3
ณ เวลานี้ (15 มี.ค. 2021) ทาง Netflix ก็ยังไม่ได้ประกาศหรอกว่า Love Alarm จะมีซีซัน 3 หรือไม่ แต่โดยส่วนตัว เราอยากให้มี เพราะเรายังขัดใจและค้างคาใจกับความสัมพันธ์ของ Sun-oh กับ Yuk-Jo ที่ตอนจบ ซีรีส์ให้ Sun-oh กลับไปหา Yuk-Jo เพราะตลอดมา เท่าที่เราเห็น Sun-oh กับ Yuk-Jo ต้องฝืนกันหลาย ๆ อย่าง เช่น ฝืนกินสิ่งที่ไม่ชอบ ฝืนไปงานที่ไม่อยากไป พูดง่าย ๆ มันแอบเข้ากันไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ ทำไมต้องฝืน? แล้วมันเหมือน Sun-oh กลับมาหา Yuk-Jo เพียงเพราะเหงา อยากมีคนรัก และดามใจที่อกหักจาก Jojo ดังนั้น เราจึงยังอยากดูตอนต่อไปว่า สักวัน Sun-oh จะทำให้ Love Alarm ของ Yuk-Jo ดังจริง ๆ ขึ้นมาได้หรือไม่ และในอนาคต พวกเขาจะคบกันได้โดยไม่มีใครต้องกล้ำกลืนฝืนทนเหมือนอย่างก่อนหน้านี้หรือเปล่า
อีกคู่นึงที่เราคิดว่า ยังมีเรื่องราวให้เล่าต่อได้อีกคือ ลูกพี่ลูกน้องของนางเอก นั่นก็คือ Park Gul-mi (Go Min-Si จาก Sweet Home) กับ Cheong Duk-Gu (Jae-eung Lee จาก The Host) ซึ่งล่าสุดซีรีส์เฉลยแล้วว่าเป็น ผู้พัฒนาแอพฯ Love Alarm จริง ๆ ตามคาด ถึงแม้เราจะสมเพชและรำคาญ Gul-mi มากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็เห็นว่านางก็พยายามเติบโตเป็นคนที่ดีขึ้น และหวังว่านางจะเป็นผู้เป็นคนสักทีในซีซันหน้า (ถ้ามี)
ถ้าตัดประเด็นรักสามเส้า วัยรุ่นวุ่นรัก หรือการ move on จากความรักที่ไม่สมหวังออกไปแล้วนั้น Love Alarm ก็คือซีรีส์ coming-of-age เรื่องหนึ่ง ที่ตัวละครเอกทุกตัวล้วนมีปมและบาดแผล โดยเฉพาะในพาร์ทครอบครัว เช่น Sun-oh ที่ครอบครัวไม่อบอุ่นเพราะพ่อแม่แต่งงานกันเพียงด้วยผลประโยชน์, Hye-Yeong ที่พยายามเป็นคนดี เพื่อปิดปมในใจที่มีพ่อเป็นนักโทษร้ายแรง, และ Jojo ที่ถูกความทรงจำเลวร้ายหลอกหลอนมาทั้งชีวิตหลังจากเธอเป็นคนเดียวที่รอดมาจากเหตุการณ์พ่อแม่ฆ่าตัวตายยกครัวที่เกาะเซจู
อย่างไรก็ตาม พาร์ทความรักก็มีประเด็นที่น่าสนใจนอกจากประเด็นรักสามเส้า นั่นก็คือ ความสัมพันธ์กับเทคโนโลยี ในซีรีส์ แต่ละคนจะใช้เสียงแจ้งเตือนของแอพฯ Love Alarm เป็นตัวบ่งชี้ว่ารัก/ไม่รัก ทำให้หวนนึกถึงโลกปัจจุบันที่บางคู่ก็เอาเรื่อง “การกดไลค์/ไม่กดไลค์” หรือ “การลงรูปคู่/ไม่ลงรูปคู่” บนโซเชียลมีเดียมาเป็นตัวตัดสินว่าคนรักยังรักเราอยู่หรือเปล่า เพียงแต่ว่าแอพฯ Love Alarm ในซีรีส์ อาจจะน่าเชื่อถือและแม่นยำกว่า ด้วยอัลกอริธึมอะไรสักอย่างที่เราไม่อาจเข้าใจได้ เพราะเราโง่เกินไป
ถ้าโลกนี้มีแอพฯ อย่าง LOVE ALARM
แจ้งเตือนว่าคุณรักใครและใครรักคุณ
ใจนึงเราก็แอบอยากให้มีแอพฯ แบบ Love Alarm ขึ้นมาจริง ๆ ในชีวิตจริง เพราะมันคงจะง่ายกว่าตรงที่เราไม่ต้องมาคาดเดาหรือคิดไปเองว่าคนคนนั้นจะคิดอย่างไรกับเรา อาจเป็นประโยชน์สำหรับคนขี้อายหรือคนปากแข็งที่ไม่กล้าบอกรักใคร หรือช่วยกำจัดปัญหา “โลกสองใบ” กันไปได้บ้าง ดูเผิน ๆ มันก็น่าจะทำให้อะไร ๆ ซับซ้อนน้อยลง
แต่ในขณะเดียวกัน ก็พอรู้อยู่แก่ใจว่า ถ้าเกิดโลกนี้มีแอพฯ ที่ทำให้พวกเราซ่อนความรักไว้ไม่ได้แบบนี้ขึ้นมาจริง ๆ มันก็คงวุ่นวายไม่ใช่น้อย เช่น บางคนอาจมี mental illness หรือถึงขั้นฆ่าตัวตายเหมือนในซีรีส์ที่ Love Alarm ของตัวเองไม่เคยดังเลย วัน ๆ ต้องทนลำไยฟัง Love Alarm ของคนรอบข้างดังอยู่นั่น หรือหลายคนก็อาจจะเชื่อหรือ rely on แอพฯ มากเกินไป เช่น จะมองแต่คนที่ทำให้การแจ้งเตือนของเราดังเท่านั้น หรือถ้าวันไหนแอพฯ ไม่ดัง ก็เริ่มระแวงแฟนตัวเอง เหมือนเวลาหมอดูทักว่าคนนี้ไม่ใช่เนื้อคู่หรือมีแนวโน้มที่จะนอกใจ โดยอาจหลงลืมไปว่า บางทีแอพฯ ก็อาจเกิด Bug ได้เหมือนกัน
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร แอพฯ ในซีรีส์นี้ก็เป็นแอพฯ ที่น่าสนใจ และทุกเทคโนโลยี โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย ก็ล้วนเกิดมาพร้อมกับข้อดี (คุณ) และข้อเสีย (โทษ) อยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าวันนึงโลกจะมี developers พัฒนาแอพฯ แบบ Love Alarm ขึ้นมาจริง ๆ เราก็คงยินดีที่จะเป็นกลุ่มทดลองใช้กลุ่มแรก ๆ เพราะมันก็ดูมีความหวังกว่าไปไหว้พระขอพร หรือดูดวงไพ่ยิปซี และที่สำคัญอายุปูนนี้ อะไรลองได้ก็ลองไปเถอะ ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เราควรใช้เทคโนโลยีให้เป็นแค่ตัวช่วยเบื้องต้นเฉย ๆ อย่าพึ่งพาหรือเชื่อใจเทคโนโลยีมากเกินไปจนปล่อยให้มันมาควบคุมชีวิตของเราได้นั่นเอง
2 comments
Comments are closed.