คนไทยเพิ่งมีดิสนีย์พลัสอย่างเป็นทางการเมื่อปลายเดือน มิ.ย. 2021 ที่ผ่านมา ในแพลตฟอร์มมีคอนเทนต์เยอะและหลากหลายมากกว่าที่เราคิดไว้ แต่ในฐานะบล็อกเกอร์หนัง เราก็ได้ดูไปแล้วเกินกว่าครึ่ง เราจึงลองหาดูเรื่องที่เรายังไม่เคยได้ดูหรือไม่เคยฉายโรงและน่าสนใจมาประเดิมแอพฯ เค้าสักหน่อย ก็มาลงเอยที่แอนิเมชั่นของ Pixar เรื่อง Luca เพราะไม่ว่ายังไง Pixar ก็ยังไม่เคยทำให้เราผิดหวังอยู่แล้ว
Luca เป็นแอนิเมชั่นเชื้อสายอิตาเลียน เป็นเรื่องราวของ sea monster หนุ่มน้อย Luca (Jacob Tremblay จาก Room และ Wonder) ที่พ่อแม่เลี้ยงดูเยี่ยงไข่ในหิน โลกทั้งใบที่เขารู้จักมีแต่ใต้ท้องทะเลในละแวกบ้านของเขาเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้เจอกับ sea monster อีกตัว Alberto (Jack Dylan Grazer จาก It และ Shazam!) เพื่อนใหม่ที่พาเขาขึ้นไปเหนือผิวน้ำเป็นครั้งแรกและได้รู้จักกับโลกที่เขาไม่เคยรู้จัก
ทั้งสองหนีพ่อแม่ไปพลางตัวเป็นมนุษย์ในหมู่บ้าน Portorosso และได้พบกับ Giulia (Emma Berman) เด็กสาวที่เป็น underdog และเป็นคนแปลกแยกของหมู่บ้านเช่นเดียวกับพวกเขา และฟอร์มทีมกันแข่งขันกิจกรรมประจำปีเพื่อชิงเงินรางวัล เพราะเงินซื้อความฝันของพวกเขาได้ ซึ่ง ณ ตอนนั้นก็คือรถเวสป้า
ความสนุกนอกเหนือจากการแข่งขันที่ต้องแข่งกับแก๊งบูลลี่ขี้เหยียดก็คือ การปิดบังตัวตนของ Luca กับ Alberto เพราะคนในหมู่บ้านหวาดกลัวและตามล่า sea monster กันอย่างจริงจัง แล้วถ้าทั้งสองเปียกน้ำ ก็จะเผยผิวหนังที่แท้จริงของพวกเขาออกมาทันที และพ่อแม่ของ Luca ก็ขึ้นมาวิ่งไล่สาดน้ำใส่เด็กทุกคนในหมู่บ้าน เพื่อตามหา Luca ด้วยอีก
มันคือหนังของคนที่รู้สึกแปลกแยกหรือไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมเพียงเพราะที่มา ชาติกำเนิด หรือรูปลักษณ์ภายนอกแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ในสังคม แล้วพวกเขาต้องพยายามปกปิดมันเอาไว้ เพราะมันมีพวก “ล่าแม่มด” อยู่ และพวกเขาก็อยากเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนั้นจริง ๆ
อีกธีมที่สำคัญคือ coming-of-age เกี่ยวกับการตามหาตัวตนและเดินตามความฝันของเด็ก ๆ เช่น ตอนแรก Luca ยังโลกแคบ เขาแทบไม่มีความฝันอะไรเลย พอได้มาเจอ Alberto เขาก็เริ่มมีความฝันที่จะขี่เวสป้า ซึ่งเดิมก็คือความฝันของ Alberto นั่นแหละ แต่แล้ววันนึง พอโลกเขากว้างขึ้น เขาโตขึ้น เขาได้รู้จักกับดาราศาสตร์ เขาก็อยากเรียนหนังสือเหมือน Giulia ถึงแม้ Alberto จะค้านว่า sea monster อย่างพวกเขาไปโรงเรียนไม่ได้หรอก แต่เขาก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ
นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องของการเลี้ยงลูก หรือ parenthood เช่น พ่อแม่ของ Luca ที่ overprotective จนเกินควร ทำให้ Luca ค่อนข้างอ่อนต่อโลก และถูกตีกรอบในการเป็นตัวเองหรือการแสดงศักยภาพออกมา, พ่อของ Alberto ที่ให้อิสระในการเติบโต ทำให้เขามีความคิดเป็นของตัวเองสูงและเอาตัวรอดเก่ง, พ่อของ Giulia ที่เลี้ยงลูกด้วยเหตุผล สอนให้ลูกทำงานเพื่อแลกกับเงินหรือของที่ลูกต้องการ ฯลฯ
บางคนบอกว่า Luca มีกลิ่นอายของ Call Me by Your Name ซึ่งเราก็เห็นด้วย แต่ไม่ใช่เรื่อง LGBTQs หรือเรื่องโลเกชั่นในประเทศอิตาลี แต่คือเรื่องของการยอมรับตัวเอง และการเข้ามาในชีวิตของคนคนหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง ช่วงเวลาสั้น ๆ (เช่น ซัมเมอร์) ที่เปลี่ยนแปลงความคิด ตัวตน หรือชีวิตของเราไปตลอดกาล
สำหรับเรา เรายังไม่ได้มองความสัมพันธ์ของ Luca กับ Alberto ไปถึงขั้นความสัมพันธ์อันลึกซึ้งหรือความรักเชิงโรแมนซ์ เพราะเราคิดว่า Pixar ไม่ค่อยเน้นทำหนังรัก ๆ เชิงนี้อยู่แล้วแต่แรก สำหรับเรา ทั้งสองคนก็คือมิตรภาพที่ดี Alberto เข้ามาทำให้ Luca มองโลกเปลี่ยนไป ถึงแม้วันนึงต่างคนต่างต้องแยกย้ายกันไปเติบโตหรือทำตามฝันของตัวเอง แต่พวกเขาก็จะเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันตลอดไป อย่างที่เขาว่าไว้ว่า “ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ be together แต่เราก็จะ be with you ตลอดไป” และเราเชื่อว่า เราทุกคนล้วนมี Alberto เป็นของตัวเอง… อย่างน้อย 1 คน…
Luca เป็นแอนิเมชั่นฟีลกู้ด เกี่ยวกับตัวตน ความสัมพันธ์ และการเติบโต ที่เราแนะนำให้สตรีมดูได้ทั้งครอบครัว ทาง ดิสนีย์พลัส
“Some people, they’ll never accept him. But some will. And he seems to know how to find the good ones.”