เมื่อ ม.ค. 2021 Lupin ผลงานซีรีส์ออริจินัลของ Netflix ซึ่งรีบูตจากนิยายคลาสสิกชื่อดังของฝรั่งเศส “จอมโจรลูแปง” ของ Maurice Leblan ได้รับกระแสตอบรับในแง่บวกจำนวนมาก ทั้งในแง่ความสนุก ชิงไหวชิงพริบ และสะท้อนประเด็นสังคม โดยเฉพาะการเหยียดสีผิว (racist) แต่เนื่องจากพาร์ท 1 มีแค่ 5 ep. และจบได้เคว้งสุด ๆ ทำให้คนดูต้องรอคอยกันถึงครึ่งปี
อ่านเรื่องย่อ และทบทวนรีวิว Lupin พาร์ท 1 >> https://www.kwanmanie.com/review-lupin/
Lupin พาร์ท 2 เน้นเล่าเรื่องต่อจากพาร์ท 1 ถึงประเด็นการแก้แค้นให้พ่อของ Assane Diop (Omar Sy) และการช่วยลูกชายที่ถูกลักพาตัวในตอนจบพาร์ท 1 ซึ่งโดยภาพรวม เราคิดว่า นอกจากจะไม่ได้มีอะไรใหม่จากพาร์ท 1 แล้ว ยังไม่สนุกและไม่น่าติดตามเท่าอีกด้วย พล็อตทวิสต์ก็คาดเดาได้ ไม่ได้ว้าวอีกต่อไป อีกทั้งยังสลับปัจจุบันกับอดีตถี่ยิบมากเกินไปจนเรารู้สึกว่าอารมณ์ไม่ต่อเนื่อง เข้าใจว่าผู้กำกับคนละชุดกัน แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะหนังคนละม้วนขนาดนี้
แม้แต่ประเด็น racist ซึ่งเป็นจุดเด่นของซีรีส์ก็ยังคงมีอยู่ แต่ก็ไม่ได้เสนออะไรใหม่ให้กับคนดูและสังคม เช่น การปลอมตัวของพระเอกที่ไม่มีใครจำได้เพราะคนผิวสีที่เป็นชนชั้นแรงงานไม่เป็นที่สนใจหรืออยู่ในสายตาของคนขาว อันนี้ก็ยังฉายซ้ำกับพาร์ท 1 ซึ่ง การเล่นพอยต์เดิมมันไม่ใช่เรื่องผิด แต่พอดีว่า Lupin พาร์ท 2 มันสนุกน้อยลง คนดูก็อาจจะเริ่มว่างที่จะจับผิดมากขึ้น เช่น พระเอกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีมากมาย รวมถึงคดีฆาตกรรม จนมีรูปประกาศหราทุกสื่อทั่วบ้านทั่วเมือง แต่เขาก็ยังเดินไปเดินมาตามท้องถนนได้เหมือนปกติ ซึ่งเป็นอะไรที่เราเริ่มไม่คล้อยตามแล้ว
Lupin พาร์ท 2 รับชมได้แล้วบน Netflix โดยพาร์ทนี้ก็ยังคงมีแค่ 5 ep. ความยาวประมาณ 40-50 นาที/ep. ใช้เวลาดูพาร์ทนี้รวมแล้วไม่ถึง 4 ช.ม. เช่นเดียวกับพาร์ท 1 แต่เราคิดว่า ด้วยความที่พาร์ท 2 ไม่สนุกและน่าติดตามเท่าพาร์ท 1 เลยรู้สึกว่ามันยาวนานกว่าพาร์ท 1 เล็กน้อย และถึงแม้พาร์ทนี้จะไม่ได้จบแบบค้างคามากเท่าพาร์ท 1 แต่เขาก็จะมีพาร์ท 3 ต่ออีก คาดว่าคงมาปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ซึ่งเราก็คงรอดูแหละ ดูแล้วก็ต้องดูให้จบ และหวังว่าพาร์ท 3 จะกลับมาคืนฟอร์มได้ไม่มากก็น้อย