Paddington in Peru อาจไม่มาสเตอร์พีซเท่าสองภาคแรก เพราะเปลี่ยนผู้กำกับใหม่, ไม่มี Hugh Grant (?), และขยับขยายเส้นเรื่องออกจากกรุงลอนดอนไปผจญภัยในป่าแอมะซอนที่เปรู แต่ถึงกระนั้น Paddington ก็ยังคงเป็นหนังครอบครัวที่อบอุ่นหัวใจ และดูได้ทุกเพศทุกวัย ซึ่งคำว่า “หนังครอบครัว” และ “ทุกวัย” ณ ที่นี้ เราหมายความเช่นนั้นจริง ๆ

More Than Just a “Kids’ Movie”
บางคนอาจคิดว่า หนังที่มีหมีหรือมีสัตว์พูดได้คือหมวด “หนังเด็ก” แต่ Paddington in Peru มีหลายเมสเซจที่เล่าถึงผู้ใหญ่โดยตรงมากกว่าเด็ก เช่น
- วัตถุนิยมหรือการหมกมุ่นกับเงินทองหรือทรัพย์สมบัตินอกกายจนละเลยสิ่งที่มีค่าที่สุดที่แท้จริง อย่างครอบครัว โดยเล่าผ่านตัวละครกัปตันเรือนักล่าสมบัติ Hunter Cabot (Antonio Banderas จาก The Mask of Zorro และ Babygirl)
- ความกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียวในวัยกลางคนที่ต้องเผชิญกับช่วงที่ลูก ๆ กำลังเข้ามหา’ลัยและเติบโตไปมีชีวิตของตัวเอง
A Journey of Identity and Belonging
นอกจากนี้ ตัวละครหมี Paddington (ให้เสียงโดย Ben Whishaw จาก Spectre) ผู้เป็นเสมือนสัตว์เลี้ยงที่ถูกทรีตเยี่ยงคนในครอบครัว และเสมือนเป็นตัวแทนของ immigrant ในภาคนี้ ต้องเดินทางออกจากลอนดอนกลับไปเปรู เพื่อตามหาป้า Lucy ที่หายไป (ให้เสียงโดย Imelda Staunton จาก Harry Potter) นำไปสู่การถ่ายทอดประเด็นการเดินทางค้นหาตัวตน การรู้จักรากเหง้าของตัวเอง และความหมายของคำว่า “ครอบครัว” ที่แท้จริง แต่จะดีมากกว่านี้ ถ้าหนังเล่าประเด็น inclusive โดยมีนักแสดงจากเปรูจริง ๆ ร่วมแสดงด้วย
Final Verdict: A Standalone Adventure Full of Heart
สุดท้ายแล้ว Paddington in Peru อาจไม่ใช่บทสรุปไตรภาคที่สวยงามที่สุด แต่ถ้ามองเป็นหนังครอบครัว standalone เรื่องหนึ่ง นี่เป็นหนังที่มีเรื่องราวที่ดีงาม มอบรอยยิ้มและความสุขได้ไม่น้อย ชวนให้ระลึกได้ว่า การได้อยู่และะใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัวมันสำคัญมากแค่ไหน
(ไม่ต้องดูภาคก่อน ๆ ก่อนก็ดูรู้เรื่อง ถึงแม้อาจจะผูกพันกับน้องหมีน้อยตัวนี้น้อยหน่อย แต่ก็นึกถึงน้องหมาน้องแมวที่บ้านเอาแทนได้)