อาจจะช้าไป 6 ปีกว่าเราจะได้ดูและเขียนรีวิวถึงซีรี่ส์เกาหลี Reply 1988 (ซีรีส์เข้าฉายปี 2015) แต่เราคิดว่า มันเป็นซีรีส์ที่สนุกและควรค่าแก่การดูอย่างยิ่ง ยอมรับว่าตอนแรกแอบขี้เกียจดูเพราะดูเป็นซีรีส์ดราม่า ความยาวก็ตั้ง 20 ep. แถมแต่ละ ep. ก็ความยาวเฉลี่ย 1 ชั่วโมงครึ่ง บาง ep. ก็ปาไปเกือบ 2 ชั่วโมง แต่พอได้เริ่มดูเข้าจริง เรากลับถูกกลืนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์อย่างไม่อยากออก แล้วพอดูจบแล้วก็ยังไม่สามารถ move on จากมันไปได้ เราจึงจำเป็นต้องเขียนถึงซีรีส์เขาสักหน่อยพอเป็นสังเขป
*Reply 1988 เป็นภาคที่ 3 ของแฟรนไชส์ ไทม์ไลน์หลักจะอยู่แถว ๆ ปี 1988 โดยก่อนหน้านี้แฟรนไชส์เขามี Reply 1997 (ฉายปี 2012) และ Reply 1994 (ฉายปี 2013) ตามลำดับ ทั้งนี้ แต่ละภาคเป็นเรื่องราวของใครของมัน ไม่ต่อเนื่องกัน*
เรื่องย่อ Reply 1988
Reply 1988 เป็นเรื่องราวชีวิตของคน 5 ครอบครัวที่อยู่อาศัยในซอยเดียวกัน แต่ละครอบครัวจะมีลูกที่เกิดปีเดียวกันหรือไล่ ๆ กัน ก็เป็นเพื่อนกัน เน้นเล่าถึงชีวิตครอบครัว มิตรภาพ ความรัก และประเด็นสังคมในยุคนั้น
- ครอบครัวแรกมีฐานะค่อนไปทางยากจน อาศัยอยู่บ้านกึ่งใต้ดิน (คล้ายบ้านในหนัง Parasite) เพราะมีหนี้สินที่เกิดจากการไปช่วยค้ำประกันให้คนอื่น พ่อ (Dong-il Sung) เป็นนายธนาคาร แม่ (Lee Il-Hwa) เป็นแม่บ้าน มีลูก 3 คน ได้แก่ นางเอก ด๊อกซอน (Hyeri Lee จาก My Roommate Is a Gumiho) สวยแต่เรียนไม่เก่งและบ้า ๆ บอ ๆ, พี่สาวนางเอก โบรา (Hye-young Ryu นางเอก Law School) เรียนเก่งเป็นนศ.มหา’ลัยโซล แต่ดุ, และน้องชายนางเอก โนอึล (Sung-won Choi)
- ครอบครัวสอง มีฐานะร่ำรวยจากการถูกล็อตเตอรี่ พ่อ (Seong-gyoon Kim) ทำร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า แม่ (Mi-ran Ra) เป็นแม่บ้าน มีลูกชาย 2 คน ได้แก่ จองบง (Jae-hong Ahn) ลูกคนโตที่สอบเข้ามหา’ลัยไม่ติดสักที กับ จองฮวาน (Ryu Jun-Yeol จาก A Taxi Driver) เด็กนิ่ง ๆ เงียบ ๆ แอบชอบนางเอกแต่ว่าปากไม่ตรงกับใจ
- ครอบครัวสาม มีฐานะค่อนไปทางยากจน เพราะแม่ (Kim Sun-young) เป็นแม่บ้านซิงเกิลมัม ต้องอยู่กับเงินบำนาญของสามีที่จากไป มีลูก 2 คน คนโตคือ ซอนอู (Go Kyung-Pyo จาก Private Lives) เป็นลูกชายสุดประเสริฐ กับ คนเล็ก จินจู ที่ยังเล็ก
- ครอบครัวสี่ ค่อนข้างมีฐานะ แต่พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้ พ่อ (Yoo Jae-Myung) เป็นครูมัธยม แม่เป็นคนขายประกัน ดงรยอง (Dong-hwi Lee จาก The Handmaiden) จึงเป็นเด็กที่อีช่างพูด (อยู่บ้านไม่มีคนให้พูดด้วย) และเป็นสีสันของกลุ่ม
- ครอบครัวสุดท้าย มาอยู่ในซอยหลังสุด ฐานะดี เป็นคนเงียบ ๆ ทั้งพ่อทั้งลูก พ่อ (Moo-Seong Choi) เป็นซิงเกิลแด๊ด เปิดร้านขายนาฬิกาและเครื่องประดับ มีลูกชายคนเดียวคือ แท็ก (Park Bo-Gum จาก Seo Bok) เป็นอัจฉริยะหมากล้อมระดับประเทศ ไม่เรียนต่อม.ปลาย แล้วมาเอาดีด้านหมากล้อม ห้องของเขาเป็นจุดรวมตัวของเพื่อน ๆ
![](https://i0.wp.com/6.vikiplatform.com/image/d855bf4b664543409545e999eae1afb9.jpeg?w=1160&ssl=1)
รีวิว 5 สิ่งที่ประทับใจใน Reply 1988
- Reply 1988 เป็นซีรีส์ที่เหมือนเป็นไทม์แมชชีน เครื่องบันทึกประวัติศาสตร์และ pop culture ในสมัยนั้น ซึ่งเป็นยุคที่คาบเกี่ยวระหว่างยุค digital กับ analog ทำให้เราได้หวนไปคิดถึงแฟชั่นสมัยนั้น เครื่องมือติดต่อสื่อสาร เพลง หนัง โฆษณา ตู้เกม ฯลฯ ซึ่งอาจจะทำให้คุณนึกถึงเพื่อนและความทรงจำในวันวานของตัวเอง
- ทุก ๆ ตอนจะมีประเด็นของมัน เช่น ตอนนี้เล่าเรื่องความเป็นแม่นะ ตอนนี้เล่าเรื่องความฝันวัยเยาว์นะ เป็นต้น นอกจากประเด็นครอบครัว มิตรภาพ และความรักหนุ่มสาวแล้ว ซีรีส์ยังสะท้อนประเด็นสังคมและค่านิยมของคนเกาหลีในสมัยนั้นอย่างแยบยล เช่น ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น การศึกษา การแต่งงาน การฝากเงินธนาคารกับการเล่นหุ้น ฯลฯ
- ซีรีส์เขียนบทมาอย่างดี กระจายบทก็ดี ดูสนุก อบอุ่น มีอารมณ์ขัน ครบรส เหมือนชีวิตจริง ๆ ของคนเรา ซีรีส์ไม่ได้สักแต่จะใส่ดราม่าให้ชีวิตอยู่รสชาติเดียว
- #ทีมซอกตึก กับ #ทีมซอกคอ จะได้สนุกกับการลุ้นกับรักหลายเส้า ว่าใครคือสามีของนางเอกตอนโต ใครจะได้คู่ใคร ซึ่งเป็นหนึ่งในสูตรสำเร็จของซีรีส์เกาหลีที่ทำให้คนดูติดงอมแงมหรือเป็นโรค second lead syndrome มาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง เช่น Start-Up โดยในเรื่องนี้มีลูกล่อลูกชน หลอกคนดูเก่ง
- สุดท้ายท้ายสุด เรารักทีมนักแสดงทุกคนในเรื่องนี้ ซีรีส์ทำให้เราประทับใจในความสัมพันธ์ของพวกเขา ทำให้เรารัก ผูกพัน และเติบโตไปกับตัวละครได้ทุกตัว แต่คลั่งรักสุดก็คือ Park Bo-Gum ที่เล่นเป็นเจ้าหนู #แท็กมันร้าย ซึ่งเป็นเด็กที่มีความซับซ้อน ได้อย่างน่ารัก (เราอยู่ #ทีมแท็ก since ep.1)
4 comments
Comments are closed.