สวนสัตว์ (เขาดิน) เคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เรากับแม่ชอบไปด้วยกัน ตอนนั้นเรายังเด็ก มันคือการไปเที่ยวพักผ่อนและความเพลิดเพลินที่ได้เดินเล่นดูสิงสาราสัตว์ต่าง ๆ แต่พอโตมา เรามองสวนสัตว์ไม่เหมือนเดิม ไม่ใช่แค่ขนาดของพื้นที่มันดูเล็กลง แต่เรามองเห็นคุก เห็นความหดหู่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เขาดินจะปิดตัวลง เราได้แวะไปสถานที่แห่งนั้นเพื่อระลึกถึงความทรงจำและความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีที่สวนสัตว์แห่งนี้ในช่วงวัยเยาว์เป็นครั้งสุดท้าย
วันนี้เราได้กลับไปเยี่ยมชมความทรงจำเกี่ยวกับสวนสัตว์นั้นอีกครั้ง กับหนังเกาหลีเรื่อง Secret Zoo ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของทนายหนุ่ม Kang Tae-soo (Ahn Jae-Hong) ที่อยากเข้าทำงานเป็นทนายประจำของบริษัทกฎหมายยักษ์ใหญ่ของประเทศ
CEO Hwang (Park Hyuk-Kwon) ได้มอบหมายงานให้ Kang Tae-soo ได้พิสูจน์ตัวเอง โดยการให้ไปเป็น ผอ.สวนสัตว์ ที่เจ๊งแล้ว และเร่งเปิดทำการสวนสัตว์นั้นอีกครั้งให้ได้ภายใน 3 เดือน แต่ปัญหาคือ หลังจากล้มละลาย Seo (Park Young-Gyu) ผอ.และเจ้าของคนเก่าก็ได้ขายสัตว์ในสวนสัตว์ไปเกือบหมดสิ้น ลูกจ้างที่อยู่ด้วยกันจนถึงวาระสุดท้ายนี้ก็เหลือเพียงแค่สัตวแพทย์ Han So-Won (Kang So-Ra), Kim Gun-Wook (Kim Sung-Oh), และ Kim Hae-Kyung (Jeon Yeo-Bin) เท่านั้น
กระบวนการสั่งซื้อสัตว์มาเพิ่มต้องใช้เวลามากกว่า 3 เดือนซึ่งเกินเดดไลน์ที่ CEO กำหนดไว้ ทำให้คุณทนายหัวหมอแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการสั่งผลิตคอสตูมสัตว์เสมือนจริงมา เพื่อให้พนักงานที่เหลืออยู่สวมใส่ชุดนั้นและไปนอนแทนสัตว์ในกรงแทนไปก่อน ซึ่งทุกคนก็นยอมลำบากดิ้นรน ปากกัดตีนถีบ เพื่อให้สวนสัตว์อยู่รอด แล้วต่อมาคลิปหมีขั้วโลกกินโค้กก็กลายเป็นไวรัลทางอินเตอร์เน็ต ทำให้สวนสัตว์กลับมาบูมอีกครั้งอย่างเกินความคาดหมาย
ความสนุกและความตลกของหนังส่วนใหญ่อยู่ที่องก์สอง หรือพาร์ทที่คนปลอมตัวเป็นสัตว์นี่แหละ ตั้งแต่ตอนฝึกซ้อม ยันไปถึงตอนใส่ชุดแล้ว แต่หลายมุกก็เห็นไปแล้วในเทรลเลอร์นั่นแหละ นอกนั้นก็มีส่วนที่ต้องลุ้นประปรายว่า CEO จะจับได้หรือเปล่า โดยเฉพาะคนที่เคยชอบไปสวนสัตว์ หรือชอบสัตว์ มาดูก็คงกลั้นยิ้มและกลั้นหัวเราะไม่ได้แน่นอน
แต่ในขณะเดียวกัน เราก็จะได้เห็นมุมมองของสัตว์ที่ถูกขังโชว์อยู่ในกรงมากขึ้น เมื่อตัวละครฝ่ายคนได้พาเราเข้าไปอยู่ในกรงด้วยเสียเอง ดังนั้น สายสิ่งแวดล้อมก็ไม่ต้องกังวลเลยว่า Secret Zoo จะเป็นหนังที่สนับสนุนการมีอยู่ของสวนสัตว์หรือเปล่า เพราะบอกเลยว่า บทสรุปของหนังก็ค่อนไปทาง eco-friendly
และสาระจริง ๆ ของหนัง คือการเสียดสีและสะท้อนสังคมทุนนิยมและพวกกลุ่มนักธุรกิจชั้นสูงเสียมากกว่า แต่ถึงกระนั้นประเด็นดังกล่าวก็ไม่ได้นำเสนอหนักมาก รวม ๆ หนังยังเน้นความง่าย ๆ และเบาสมองมากกว่าอยู่
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7/10
103 comments
Comments are closed.