ตอนแรกคิดว่าจะไปดู Speak No Evil แค่ดูการแสดงของพี่ James McAvoy แต่ก็กลายเป็นหนังที่เซอร์ไพรส์ประจำสัปดาห์เฉยเลย โดยเฉพาะช่วงท้าย ที่ทำถึงเหนือความคาดหมาย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเราไม่เคยดูต้นฉบับของเดนมาร์กมาก่อนด้วย แต่คนที่เคยดูเวอร์ชั่นเก่ามาก่อน ก็บอกว่า เวอร์ชั่นฮอลลีวู้ดนี้มีทิศทางตอนจบที่แตกต่างจากต้นฉบับ
Speak No Evil เล่าเรื่องครอบครัวที่ดูเพอร์เฟ็กต์ของ Louise (Mackenzie Davis จาก Terminator: Dark Fate), Ben (Scoot McNairy), และลูกสาววัย 11 ปี Agnes (Alix West Lefler) ที่เดินทางไปเที่ยวสุดสัปดาห์ที่ฟาร์มของ Paddy (James McAvoy จาก Split), Ciara (Aisling Franciosi), และ Ant (Dan Hough) ที่เป็นครอบครัวที่มีสไตล์แตกต่างกับพวกเขาโดยสิ้นเชิง และที่นี่พวกเขาก็ได้พบกับความลับที่ไม่คาดคิดของครอบครัวเพื่อนใหม่นี้
ช่วงแรก หนังเล่าแนวสโลว์เบิร์น เป็นช่วงที่ Paddy ยังเล่นสนุกกับเหยื่ออยู่ หนังเน้นสร้างบรรยากาศความไม่น่าไว้วางใจ ความกดดัน ความตึงเครียดต่าง ๆ รวมถึงปมจิตวิทยาและปมปัญหาครอบครัวที่สะสมคาราคาซังกันมานาน แล้วมีไดอะล็อกแดกดันกันเรื่องสิ่งแวดล้อมหรือรสนิยม เช่น การกินมังสวิรัติ การใช้รถไฟฟ้าเทสล่า เป็นต้น ก่อนจะไปเริ่มไต่ระดับความจิตหรือความพีคขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงเริ่มไล่ล่าในฟาร์ม
หนังยังมี plot holes หรือจุดน่าโง่ น่าหงุดหงิดของตัวละคร แต่ด้วยทีมนักแสดงเค้าเล่นได้เข้าถึงบทบาทมาก โดยเฉพาะฝ่าย Evil หรือ James McAvoy ที่ทำให้คนดูอย่างเรารู้สึกอิน รำคาญ หมั่นไส้ ทั้งกลัวทั้งเกลียดพวกเขาตามไปด้วยมาก ๆ (บางซีน นี่นึกถึง The Shining) พลังเหล่านั้นส่งผลให้พวกเราอยากเอาใจช่วยฝ่าย Angel ของ Mackenzie Davis กันมากขึ้น พอถึงช่วงที่ฝ่ายนี้สู้กลับด้วยสติปัญญาและพลัง fight for family บรรยากาศในโรงรอบสื่อมันก็ “ม่วนจอย” มาก คนดูปรบมือเชียร์กันเกรียวกราว
ใครชอบหนังทริลเลอร์ไล่ล่า เล่นซ่อนหา แนว Get Out หรือแนวหา Ways Out ถ้าลองไปดู Speak No Evil ก็ไม่เสียหาย โดยส่วนตัว คิดว่า หนังดูสนุก ลุ้นระทึก และสาแก่ใจดีอยู่