ตอนแรกที่ดูตัวอย่างหนัง Tár ของ Todd Field ก็แอบคิดว่าจะดูยากหรือต้องตีความลึกซึ้งมากมาย แต่พอดูจริง ๆ แล้วหนังไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด หนังแค่พาเราไปตามติดชีวิตสูงสุดสู่สามัญของวาทยากรหญิงคนแรกของวงเบอร์ลิน (หญิง ณ ที่นี้ อิงจาก sex ไม่ใช่ gender) ผ่านการแสดงและศิลปะแห่งภาพยนตร์ที่ชวนสะกด
Tár เข้าชิงออสการ์ 6 สาขา รวมถึง สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ซึ่งมีหลายสำนักทำนายว่า นี่จะเป็นออสการ์ตัวที่ 3 ของขุ่นแม่ Cate Blanchett ในฐานะนักแสดง (ต่อจากเรื่อง Blue Jasmine และ The Aviator)
ในเรื่องนี้ ขุ่นแม่ Cate Blanchett รับบท Lydia Tár วาทยากรหญิงที่มากประสบการณ์ มากความสามารถ และประสบความสำเร็จระดับโลก จนถึงจุดสูงสุด ระดับตัวแม่รันวงการเลยก็ว่าได้ แต่วันหนึ่ง ชีวิตการงานของเธอจะค่อย ๆ ตกต่ำลง เพราะการกระทำของตัวเธอเอง

ฉากในคลาสเรียน เธอ discuss กับนักเรียนถึง ประเด็น Cancel Culture ว่า ศิลปินเก่ง ๆ ที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ เช่น Bach ควรถูกแบนหรือด้อยค่าผลงาน เพราะพฤติกรรมในเรื่องทางโลกของเขาหรือไม่ ซึ่ง Tár ยืนกรานว่า ในฐานะศิลปิน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลงาน
ทั้งเรื่อง เราจึงได้เห็นว่า Tár เป็นคนทุ่มเทกับการสร้างสรรค์ผลงานของเธอมาก ๆ แต่ในด้านอื่น ๆ ของชีวิต เช่น ครอบครัว และความสัมพันธ์ เธอกลับแย่มาก ๆ ทั้งกับ Francesca (Noémie Merlant) ผู้ช่วยของเธอ จนถึง Sharon Goodnow (Nina Hoss) ผู้ซึ่งเป็นภรรยาและนักไวโอลินในวงของเธอ ซึ่งในช่วงแรก ๆ คนดูอย่างเราอาจจะยังไม่รู้สึกว่าเธอเลวร้ายอะไรนักเพราะหนังเน้นเล่าเรื่องจากมุมมองของ Tár เอง
แล้ววันหนึ่ง ผลกรรมก็ตามมาถึง เมื่อ Tár ได้ทราบข่าวว่า การฆ่าตัวตายของ Krista Taylor (Sylvia Flote) เด็กที่เธอเคยมีความสัมพันธ์ด้วย เธอพยายามให้ผู้ช่วยของเธอลบหลักฐานการติดต่อของเธอกับ Krista และเธอก็เริ่มมีอาการหลอน ได้เห็นหรือได้ยินเสียงแปลก ๆ ตลอดเวลา คล้ายกับ “ผีหลอก”
แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ยังคงพยายามสานความสัมพันธ์และหยิบยื่นโอกาสให้กับมือเซลโล่ชาวรัสเซีย เด็กใหม่ของวง อย่าง Olga Metkina (Sophie Kauer) แสดงให้เห็นชัดเจนด้วยว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Tár ใช้อำนาจ ชื่อเสียง เงินทอง หรือพริวิลเลจของเธอ เพื่อมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเด็กสาวมานับครั้งไม่ถ้วน
และทุก ๆ ความสัมพันธ์รอบตัวเธอ รวมถึงแม้แต่ภรรยาของเธอเอง ก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่จริงใจอย่างแท้จริง เพราะภรรยาก็พูดเองว่า ทุก ๆ ความสัมพันธ์ของ Tár คือ transactional relationship หรือความสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์ ยกเว้นกับลูกสาวของเธอคนเดียว
นอกจากนี้ เธอมักสร้างเรื่องให้ตัวเองดูดีหรือไม่ดูแย่ เช่น ถ้าเธอหกล้มหน้าแหกเอง เธอก็จะบอกทุกคนว่าเธอถูกซุ่มทำร้าย และเธอก็พยายามปกปิดปูมหลังของตัวเองที่มาจากครอบครัวที่ไม่ใช่ไฮโซ และเปลี่ยนชื่อที่แสนธรรมดาอย่าง Linda Tarr เป็น Lydia Tár เพื่อให้ดูดีมีชาติตระกูล สมฐานะนักดนตรีคลาสสิก จนเธอไม่สามารถต่อติดกับคนที่บ้านได้อีกเลย
สุดท้าย ทุกทางผิดพลาดที่เธอกระทำและเลือกเดิน ส่งผลให้เธอต้องตกลงมาจากสูงสุดสู่สามัญ เธอถูกแบนจากวงการในยุโรปและอเมริกา ต้องไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ประเทศแถบอาเซียน (มีถ่ายทำที่ประเทศไทย) ที่ Cancel Culture ยังเข้าไม่ถึงหรือยังไม่จริงจังมากนัก ต้อทำงานและใช้ชีวิตที่ต่างจากเดิมชนิดหน้ามือกับหลังตีน