หลังจากทราบผลรางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globes) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า The Boy and the Heron คว้ารางวัลภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม เราจึงต้องรีบจัดสรรเวลามาดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่เข้าฉายที่ไทยวันแรก (11 ม.ค. 2024) เพื่อพิสูจน์ว่า หนังอะไรกันที่เอาชนะตัวเต็ง (ในใจเรา) อย่าง Spider-Man: Across the Spider-Verse ได้ ซึ่งก็ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่เราจะได้เริ่มเข้าวงการหนัง Studio Ghibli ด้วยพอดี
The Boy and the Heron เป็นผลงานการกลับมาหลังเกษียณในรอบทศวรรษของ animator และ co-founder ของ Studio Ghibli อย่าง Hayao Miyazaki โดยเรื่องนี้ถือเป็น semi-autobiographical film หรือหนังกึ่งชีวประวัติในวัยเยาว์ของเขาเลยก็ว่าได้ เพราะตัวละครเอก มาฮิโตะ เด็กชายวัย 12 ปีในเรื่อง มีพื้นเพครอบครัวที่ละม้ายคล้ายกับชีวิตจริงของผู้กำกับวัย 82 ปีท่านนี้เลย
เรื่องราวมีอยู่ว่า แม่ของมาฮิโตะจากไปจากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงพยาบาลซึ่งเป็นผลพวงจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และหลังจากนั้น 3-4 ปี พ่อก็พาเขาย้ายออกจากโตเกียวไปอยู่ชนบทอันเป็นบ้านเกิดของแม่ของเขา เพราะพ่อทำงานให้กับโรงงานผลิตอาวุธสงครามที่นั่น (ซึ่งตรงกับชีวิตจริงของผู้กำกับ) และพ่อก็แต่งงานใหม่กับ นัตสึโอะ ผู้เป็นน้าสาวแท้ ๆ ของมาฮิโตะ และเขาก็ได้พบกับนกกระสานวลที่นำพาเขาไปสู่โลกคู่ขนาน (ฟีลลิ่ง Alice in Wonderland) เพื่อตามหาสิ่งสำคัญในชีวิตของเขาที่สูญหายไป

The Boy and the Heron เป็นหนังแอนิเมชั่นที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ หรือ symbols ที่ต้องอาศัยการตั้งใจดูทำความเข้าใจและตีความ โดยส่วนตัวเรามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ Japanese backgrounds และมีประสบการณ์การดูหนัง Ghibli ค่อนข้างน้อย จึงอาจเข้าถึงสารของหนังได้ไม่ 100% นัก แต่ถึงกระนั้น Miyazaki ยังถ่ายทอดแก่นสารสำคัญของหนังที่เป็น universal themes เช่น การรับมือกับความจริง ความสูญเสีย การเปลี่ยนแปลง และมูฟออน ได้อย่างลึกซึ้ง
ในองก์สุดท้าย มาฮิโตะได้รับโอกาสจากบรรพบุรุษของเขาให้สืบทอดตำแหน่งที่เสมือนพระเจ้าในโลกนี้ เขาต้องเลือกระหว่างการอยู่ที่โลกแฟนตาซีแห่งนี้ กับการกลับไปโลกความจริงอันเต็มไปด้วยบาดแผลและความเจ็บปวด หรือในขณะเดียวกันก็อาจหมายถึงการเลือกสานต่อกิจการของครอบครัว (สไตล์เอเชีย) หรือการเลือกทางเดินและสร้างโลกใบใหม่ของตัวเอง จนถึง เราจะเลือกอยู่ต่อในโลกแห่งสงครามและความรุนแรงที่ผู้ใหญ่ (เช่น พ่อของมาฮิโตะ) สร้างไว้ หรือเราจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนั้นให้สวยงามขึ้นในอนาคตใหม่ของเราเอง
โดยสารสำคัญของหนังเรื่องนี้ก็คือ “How do you live? หรือคุณใช้ชีวิตอยู่อย่างไร?” โดยมีเจ้านกกระสานวล ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเส้นบาง ๆ ระหว่างโลกความจริงกับโลกในจินตนาการ หรือโลกคนเป็นกับโลกคนตาย